7 เมษายน พ.ศ. 2551 กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : สถานการณ์ข้าวที่มีราคาเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่พื้นที่ปลูกข้าวก็ประสบปัญหาขาดน้ำ อันเป็นผลมาจากภาวะโลกร้อนนั้น ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ นักวิชาการอิสระ และอดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สถานการณ์ข้าวของไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะต้องศึกษางานวิชาการเพื่อให้ทราบถึงสภาวการณ์โลกร้อน และฤดูกาลที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งจะมีผลต่อสภาวะห่วงโซ่อาหาร โดยเฉพาะข้าว ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นผู้ผลิตข้าวรายใหญ่ของโลก เมื่ออยู่บนสมมติฐานโลกร้อนต่อไปในระยะยาว ต้องพัฒนาพันธุ์ข้าวไทย ด้วยการวิจัยพันธุ์ข้าวที่รองรับกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต้องรู้จักฉวยโอกาส หรือแปรวิกฤติให้เป็นโอกาส กล่าวคือ กระทรวงเกษตรฯ ต้องประสานกับเกษตรกรเพื่อขยายพื้นที่ปลูกข้าว และต้องจัดหาแหล่งน้ำให้เพียงพอ จะทำให้ไทยเรามีปริมาณข้าวมากขึ้น เพียงพอสำหรับบริโภคในประเทศ และส่งออกเพื่อเลี้ยงประชากรโลก ส่วนกระทรวงพาณิชย์ ต้องประสานกับกระทรวงเกษตรฯ เพื่อที่จะได้ทราบว่าผลผลิตข้าวแต่ละปีมีปริมาณเท่าไหร่ สามารถส่งออกจำหน่ายได้เท่าไหร่ จะเพิ่มตลาดส่งออกที่ไหน ตรงนี้เป็นหน้าที่กระทรวงค้าขาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งราคาข้าวที่เปลี่ยนแปลงเร็วมาก 3 วันก็เปลี่ยนแล้ว แต่ชาวนาตามไม่ทัน เป็นช่องว่างของเวลาทำให้โรงสีได้เปรียบ เพราะเข้าถึงข้อมูลได้เร็วกว่าชาวนาในตำบลที่อยู่ห่างไกล เมื่อราคาเปลี่ยนโรงสี รู้แต่ชาวนานึกว่าเป็นราคาเมื่อ 3 วันที่แล้ว โรงสีจะกินส่วนต่างนี้ทันที กระทรวงพาณิชย์ต้องเข้าไปดูแลข้อมูลข่าวสารให้ถึงชาวนา ต้องตระหนักและเข้มงวดในการกระจายข้อมูลให้ถึงทุกจุดของประเทศ "นี่คือมาสเตอร์แพลนข้าว ซึ่งจะต้องร่วมมือกันทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์ เพื่อให้ชาวนาไทยได้ประโยชน์จากราคาข้าวที่สูงขึ้น" ผศ.พิมล เสนอมาตรการแก้ปัญหาด้วยว่า ต้องสร้างยุ้งฉางที่ได้มาตรฐาน เพื่อเป็นสต็อกข้าว เพราะถ้าไม่มีสต็อก เมื่อผลผลิตออกมาก็ต้องนำไปขายทันที ซึ่งทำให้ข้าวมีความชื้นขายไม่ได้ราคา แต่หากสามารถเก็บไว้เพื่อรอขาย ไม่ได้โดนเวลาบีบ ตรงนี้ชาวนาจะได้ประโยชน์ สำหรับงบประมาณก่อสร้าง ใช้จากโครงการเอสเอ็มแอลได้ "ตอนนี้รัฐบาลต้องแปรวิกฤติเป็นโอกาส เพราะในอดีตนั้น ผู้คนหนีจากภาคเกษตร เพราะรายได้น้อยหันเข้าหาภาคอุตสาหกรรมในเมือง เป็นคนงานก่อสร้าง เมื่อราคาข้าวสูงขึ้น ก็ต้องส่งเสริมภาคเกษตร ให้กลับมาฟื้น เพราะเรามีโนว์ฮาว มันเป็นรากฐานของเราอยู่แล้ว ข้าวนี่แหละที่จะทำให้ภาคเกษตรกรรมของเราฟื้น และกลไกตลาดก็เอื้ออำนวยด้วย" อย่างไรก็ตาม การประสานงานระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับกระทรวงเกษตรฯ ยังไม่เห็นเป็นรูปธรรม เพราะกระทรวงพาณิชย์จะรู้ว่าตลาดเป็นอย่างไร ส่วนกระทรวงเกษตรฯ จะรู้ว่าผลผลิตมีเท่าไหร่ ทั้งสองกระทรวงต้องเชื่อมกัน แต่ในสายตา ผลการเชื่อมโยงของรัฐมนตรีในกลุ่มเศรษฐกิจยังไม่ดีพอ ผศ.พิมล กล่าวว่า การแก้ปัญหาของรัฐบาลที่ผ่านมา เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า รัฐมนตรีต้องมองไปข้างหน้า ถ้าไม่รู้จักฉวยโอกาส การที่เราหวังว่าจะพลิก คู่แข่งอาจจะพลิกก่อนเรา ซึ่งทำให้เราพลาดได้ ดังนั้น เมื่อเรามีศักยภาพเป็นทุนอยู่แล้ว หากเราพลิกตรงนี้ได้ รากหญ้าฟื้นได้เลย ไม่ต้องรอประชานิยม 'มิ่งขวัญ'เล็งชะลอส่งออก ขณะที่นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ปีนี้รัฐบาลตั้งเป้าส่งออกข้าว 8.5 ล้านตัน แต่พบว่าในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-มี.ค.) ส่งออกข้าวไปแล้ว 3 ล้านตัน ดังนั้น รัฐจะนำมาตรการชะลอการส่งออกมาใช้หรือไม่ ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ข้าวฤดูกาลใหม่ที่จะออกมาว่ามีจำนวนเท่าใด "หากยังมีการส่งออกมากเกินไป เราก็จะสั่งชะลอไม่ให้มีการส่งออก เพื่อที่คนในประเทศจะมีข้าวกินอย่างเพียงพอ โดยเฉพาะเราจะดูว่าข้าวนาปรังที่คาดว่าจะออกมา 4.2 ล้านตันนั้น เป็นไปตามที่คาดหรือไม่ ก่อนตัดสินใจว่าจะออกมาตรการนี้หรือไม่ และยืนยันว่าเราติดตามสถานการณ์ข้าวทุกวัน" แจงข้าวหนึ่งอิ่มไม่ถึง 70 สตางค์ นายมิ่งขวัญกล่าวว่า จากสถานการณ์ราคาข้าวที่เพิ่มสูงขึ้นโดยเฉพาะข้าวหอมมะลิที่เพิ่มเป็น 3 หมื่นบาทต่อตัน นั้น ส่งผลให้ผู้บริโภคซื้อข้าวแพงขึ้นจากเดิมมื้อละไม่ถึง 70 สตางค์ โดยหากเป็นข้าวหอมมะลิจะมีราคา 3 บาทต่อมื้อ หรือคิดเป็น 9 บาทต่อวัน ส่วนข้าวขาว 5% จะมีราคาอยู่ที่ 2.74 บาทต่อมื้อ หรือคิดเป็น 7.40 บาทต่อวัน ถือว่าน่าจะเป็นราคาที่ผู้บริโภคยอมรับได้ ส่วนสถานการณ์ราคาข้าวถุงขาดตลาดนั้น ได้มอบหมายให้นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เรียกประชุมห้างค้าปลีกสมัยใหม่ หรือโมเดิร์นเทรด ในสัปดาห์หน้า เพื่อหารือถึงแนวทางแก้ปัญหา เช่น ระบบการจัดจำหน่าย โดยเฉพาะระบบการจ่ายเงิน เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่าได้รับการร้องเรียนจากซัพพลายเออร์ว่าเมื่อส่งข้าวให้ห้างแล้ว ห้างจะจ่ายเงินให้ซัพพลายเออร์ช้ามาก พร้อมทั้งมั่นใจว่าราคาข้าวในปีนี้จะอยู่ในระดับสูงต่อไป เนื่องจากเกิดความปั่นป่วนในการผลิตข้าวของหลายประเทศ และเป็นวิกฤติที่ไม่เคยเกิดมาก่อน "วันนี้ระบบการค้าข้าวของไทยเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว เพราะชาวนาจะมีอำนาจการต่อรองเพิ่มขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน จากอดีตที่ต้องยอมให้โรงสีหรือพ่อค้าคนกลางกดราคาข้าว และระบบที่ชาวนามีอำนาจต่อรองเพิ่มขึ้นนี้จะดำรงอยู่ไปอีกนาน" นายกฯยันคนไทยมีข้าวกินตลอดปี วันเดียวกันนี้ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวในรายการสนทนาประสาสมัคร ว่า ราชวงศ์จักรี สมเด็จพระนางเจ้าฯ ทรงสนพระทัยเรื่องข้าว ให้นำพันธุ์ข้าวมาดู ให้มีการวิจัยและพัฒนาพันธุ์ข้าว และที่มีข่าวเพลี้ยกระโดดเพราะปลูกข้าวสายพันธุ์เดียว ปีที่ผ่านมาได้พัฒนาพันธุ์ข้าวให้ต้านทานต่อเพลี้ยและโรคที่เกิดขึ้น เรื่องข้าว ยังผลิตได้และไม่ถูกเพลี้ยทำลาย ข้าวไทยผลิตเป็นข้าวเปลือกปีละ 30 ล้านตัน สีเป็นข้าวสารได้ 20 ล้านตัน เก็บไว้ 2.2 ล้านตัน กระสอบละประมาณ 1,100 บาท ถุงละประมาณ 55 บาทสต็อกเก็บไว้ ปีสองปีก็เก่า ข้าวมีวงจร ทุกๆ 4 เดือน ข้าวนาปรังก็จะออก และขายกินธรรมดา เวลานี้ข้าวตลาดโลกแพงพอสมควรแก่เหตุ ความตื่นเต้นเอิกเกริก ไปซูเปอร์มาร์เก็ตเอาข้าวมาวางสูงเป็นตั้ง จากที่เคยซื้อ 2 ซื้อ 10 แม่ค้าขายข้าวแกงเดิมทีซื้อละกระสอบก็ซื้อเป็นสิบ มีเท่าไหร่ก็หมด แต่ข้าวจะไม่แพงกว่านี้ โดยเฉลี่ยข้าว 1 ถุง จะแพงขึ้น 15 บาท ถ้าให้เข้าตามระบบ ชาวนาจะขายได้ราคาดีบ้าง ให้หมุนเวียนตามธรรมชาติ ไม่มีวันหมด ไม่มีวันอด ไม่ปล่อยให้ส่งออกจนหมด
นักวิชาการแนะรัฐบาลรับมือสภาพภูมิอากาศโลกที่เปลี่ยนไป เพื่อแก้ปัญหาทั้งระยะสั้นและระยะยาว ชี้ต้องวิจัยพันธุ์ข้าวไทยสู้โลกร้อน ใช้งบเอสเอ็มแอลสร้างยุ้งฉางเก็บข้าวไว้รอขายไม่ต้องโดนบีบ จี้ รมว.เกษตรฯ รมว.พาณิชย์ ทำงานเป็นทีม จะช่วยฟื้นรากหญ้า ไม่ต้องรอประชานิยม