สะกิดเบา ๆ ให้เลิกยุ่งเกี่ยวกับการเมืองจริง ๆ เสียที เลิกไปยุ่งเกี่ยวกับโยกย้ายแม่ทัพนายกอง ควรเลิกการเลือกออกไปจุ้นจ้านสะกิด แวะเดินสายอภิปรายปาฐกถาแขวะคนโน้นคนนี้ สร้างบรรยากาศ ทําให้คนแตกสามัคคีถือเขาถือเรา "ให้ทหารเป็นข้าของในหลวงของชาติ แต่ไม่ใช่ขี้ข้าของรัฐบาล เลยไม่ต้องฟังคำสั่งรัฐบาล-นายกฯ-รัฐมนตรีกลาโหม" (แต่ฟังคำสั่งผบ.เหล่าทัพ?)
ขอให้ปฎิบัติหน้าที่ด้วยความจงรักภักดี ซื่อสัตย์สุจริต รักษาและธำรงไว้ ซึ่งระบอบประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญเสียที เลิกเป็นเจ้ากี้เจ้าการวางแผนการยึดอำนาจเสียที อยู่สงบ ๆ จะได้ไหม ห้ามปรามทหารนอกคอกปฎิวัติ ห้ามพันธมิตรฯแสดงความเห็นเลยเถิด ที่จะก่อให้ความเสียหายแก่บ้านเมือง โดยเฉพาะ น.ต.ประสงค์ คนๆ นี้น่าจะหยุดการทำร้ายประเทศได้แล้ว หมดเวลาของคุณแล้ว
เป็นที่รับทราบพสกนิกรชาวไทยเทิดทูนอยู่เหนือหัว แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถวายพระองค์ ทรงได้รับการสถาปนายศถาบรรดาศักดิ์ถวายอริสยศสูงสุด จอมทัพไทยของบรรดาเหล่าทหารทุกหมู่ทุกเหล่า แพร่พระบารมีอันกว้างใหญ่ไพศาล ทุกสารทิศ ต่อบรรดานายทหารที่เข้าราชพิธีสวนสนามนำธงชัยเฉลิมพลต่อหน้าพระพักตร์ทุกพระองค์ ถวายสัตย์ปฎิญญาต่อหน้าพระพักตร์ และราชวงค์ทุกพระองค์ ตลอดจนผู้แทนตัวแทน จากทั่วโลก เปล่งสัตย์วาจาถวายพระพร จะเทิดทูนพิทักษ์ธำรงรักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัติรย์ จวบจนชีวิตจะหาไม่
นายทหารที่วางตัวได้อย่างเหมาะสมอันเป็นที่รักใคร่ ระหว่างจากรุ่นพี่สู่รุ่นน้อง ไม่มีข้อชวนสงสัยในพฤติกรรมทางสังคมวางตัวเป็นที่เคารพ ได้รับการยอมรับรักฉันพี่ฉันน้อง ไม่ต้องอื่นไกลคือ พล.อ.สุจินดา คราประยูร อดีตนายกรัฐมนตรียุค รสช. ท่านไม่เคยใช้อำนาจบาตรใหญ่ สร้างรอยร้าวฉานเป็นที่เจ็บช้ำน้ำใจ แถมวันเกิดท่านทุกปีได้รับพรจากนายทหารรุ่นน้องๆ ที่เข้าอวยพรเสมอมา...อํานาจที่จีรังยั่นยืนไม่ได้วัดจากชั้นยศใหญ่โต ทุกเรื่องราวล้วนแต่เป็นสิ่งสมุมติทั้งสิ้น
โดยเฉพาะการแสดงความคิดเห็นต่อบ้านเมืองท่าน มักให้เกียรติแก่รัฐบาลทุกครั้งอย่างตรงไปตรงมา พร้อมทั้งแนะทางออก ไม่เคยหยิบฉวยบทบาทหลังเกษียณอายุราชการ ฉุกคิดเองว่ามอมเมาเพื่อแย่งซีนมาเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ เพื่อครอบครองมาสอดคล้องคอเข้าหาตัวเอง...ไม่แต่งกายเครื่องแบบนายทหารไปในหน่วยราชการทหารโดยไม่จำเป็นอีก...นั่นคือธรรมเนียมประเพณีปฎิบัติที่ยึดกันทั่วโลก
แบบฉบับหลักสากลทั่วโลกโดยธรรมเนียมประเพณีจะปล่อยว่าง ไม่ยุ่งหลังจากปลดประจําการเกษียณอายุราชการคือบุคคลธรรมดาสามัญชนทั่วไป
อีกประการหนึ่ง พสิกนิกรชาวไทยเราปกครองระบอบประชาธิปไตย โดยมีพระมหากษัติรย์ ทรงเป็นประมุข และจอมทัพไทย "ศูนย์รวมแห่งจิตใจคนไทย" ลงตัวเหมาะสมประการทั้งปวง เป็นอันที่เคารพรักสักการะเทิดทูนอยู่เหนือหัวทุกคน ไม่มีที่ใดในโลกเสมอเหมือน
กรณีข้อเท็จจริงที่นายทหารลูกป๋า มีบางท่านเข้าใจผิดถนัด ถึงกับเอ๋ยปากชม บอกเล่าผ่านสื่อชนิดภาคภูมิใจอะไร? ตีความว่า "พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นศูนย์รวมจิตใจของเหล่าทหาร" คิดแทนใคร...เพื่อนายใคร...ใครบางคน....มือที่มองไม่เห็นควบเท้าที่มองไม่เห็น ความยุ่งเหยิงมันจึงเกิดขึ้น...หยุดวงจรอุบาวท์ ...คืนอำนาจประชาชนดีที่สุด...ทําตัวเป็นจระเข้ขวางคลอง...พื้นที่เรียนรู้ประชาชนจะเป็นให้คำตอบสัญจรประชาธิปไตย...โดยประชาชน เพื่อประชาชน และของประชาชน...มิใช่ลัทธิบูชายัญมากำหนดกฎเกณฑ์กติกาเองทั้งหมด ประกาศชัยชนะฝ่ายเดียวอยู่ได้ คนอื่นไม่สยบยอมต้องล่าถอย...ไล่ลงจากอำนาจทางการเมืองทันทีกระนั้นหรือ
ข้อแรก ที่แตกต่างแรก ก็คือ พล.อ.สุจินดา คราประยูร ท่านไม่ยอมรับเกียรติว่าตนเอง คือศูนย์รวมจิตใจของทหาร แต่ พล.อ.เปรม สําคัญตัวเองผิดหรือเปล่า
ข้อที่สอง ที่แตกต่างกล่าวคือ พล.อ.สุจินดา คราประยูร ท่านหยิ่งในศักดิ์ศรีทหาร ไม่ยอมก้มหัวเลิกเข้ามยุ่งทางการเมือง เจ้ากี้เจ้าการอาฆาตตามพยาบาทอย่างไม่ ลด ละ เลิก จองเวรจองกรรม ทั้งอดีตและปัจจุบัน แต่ พล.อ.เปรม ประชาชนรวมใจเข้าชื่อขับไล่...มันช่างแปลกแต่จริง ในขณะที่องคมนตรีท่านอื่นไม่ได้รับเรื่องร้องเรียนเข้าชื่อยื่นถอดถอนแต่อย่างใด สรุปความว่าไม่เห็นประชาชนท่านหนึ่งท่านใดเข้าชื่อยื่นถอดถอนองคมนตรีแม้แต่ท่านเดียว
เรื่องสั่งตายสั่งเป็นใคร ละไว้เป็นฐานที่เข้าใจว่าเรื่องรุ่น เรื่องจุ้น เรื่องทีใครมีมัน มีมูลพูดถึงมากกว่านี้แล้ว คงไม่ต้องอธิบาย...เป็นที่รับทราบสู่สาธารณะชนอย่างกว้าง ชีวิตมีแต่ฆ่าและฆ่า มันถึงยุ่งยิ่งกว่ายุงกัดกัน ชวนคันชวนเกายิ่งคันยิ่งเกา เลือดถึงนองแผ่นดินรอบหลายปีดีดัก
พูดปากเปล่ากล่าวหาใส่ร้าย อยุ่ข้างเดียวตลอด มีนักวิชาการแสดงความคิดเห็นที่ดี เกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ที่ชัดเจนขององคมนตรี
ผมแนะนำใครใคร่อยากรู้ข้อเท็จจริงประเด็นนี้ บทความอาจารย์ปิยบุตร แสงกนกกุล คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ "องคมนตรี...ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ?" สำนักพิมพ์โอเพ่นบู๊ค
จับประเด็นเอาเหตุผลกำกับเนื้อหา ทำความเข้าใจเรื่องที่นำเสนออย่างมีระบบตรวจสอบถี่ถ้วน เฉียบบางคมบาดลึก อรรถรสได้ความจริงที่เห็นและเป็นอยู่จริงต่อเนื่องวางไม่ลง... อ่านความจริงแช่มชัด...ค้นคว้าเรียงลำดับ ชวนติดตาม เปรียบเปรยกระแทกใจคนต้องการหาความจริง...ใช่เลย
อาจารย์อายุไม่ถึง 30 ปีเต็มดี แต่ที่สำคัญไม่ขาดอาวุธประจำกายประจำใจความเป็นคนนักเลง...กล้าชน...กล้าแลก...กล้ารับ...กล้าต่อกรเผด็จการทุกรูปแบบ ซึ่งหาได้ยาก สังคมยุคลอยตัว ปล่อยเนื้อปล่อยตัว...สุดท้ายย่อมเสียตัว
ตรวจสอบที่มารัฐธรรมนูญได้กำหนดอำนาจหน้าที่ให้แก่องคมนตรีไว้ ๔ ประการ
ประการแรก การถวายความเห็นต่อพระมหากษัตริย์ในพระราชกรณียกิจทั้งปวงที่พระมหากษัตริย์ทรงปรึกษา (มาตรา ๑๒ วรรคสอง)
ประการที่สอง การเสนอชื่อผู้ใดผู้หนึ่งซึ่งสมควรดำรงตําแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ต่อรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบในกรณีที่พระมหากษัตริย์ มิได้ทรงแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ไว้หรือในกรณีที่พระมหากษัตริย์ไม่สามารถทรงแต่งตั้งผู้สําเร็จราชการแทนพระองค์ (มาตรา ๑๙)
ประการที่สาม ในระหว่างที่ไม่มีผู้สําเร็จราชการแทนพระองค์ ให้ประธานองคมนตรีเป็นผู้สำเร็จราชแทนพระองค์เป็นการชั่วคราวไปพลางก่อน (มาตรา ๒o และมาตรา ๒๔)
ประการที่สี่ ในกรณีที่บังลังก์ว่างลงและเป็นกรณีที่พระมหากษัตริย์มิได้ทรงแต่งตั้งพระรัชทายาทไว้ ให้คณะองคมนตรีเสนอพระนามผู้สืบทอดสันตติวงศ์ต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อเสนอต่อรัฐสภาเพื่อให้ความเห็นชอบ (มาตรา ๒๓ วรรคสอง)
เมื่อรัฐธรรมนูญตีกรอบอำนาจไว้เช่นนี้ หากองคมนตรีกระทำนอกเหนือจากนี้ ก็ต้องถือว่าเป็นการกระทำโดยส่วนตัว หาใช่กระทำการในสถานะองคมนตรีไม่
ในทางกฎหมายแล้ว สมควรกล่าวด้วยว่าเอกสิทธิ์และความคุ้มกันของพระมหากษัริตย์ที่รัฐธรรมนูญและกฎหมายรับรองไว้ ไม่ได้"แผ่ขยาย" ไป "ปกเกล้า" ถึงองค์กรขององคมนตรี แต่ประการใด ดังนั้น บทบัญญัติในมาตรา ๔ ของรัฐธรรมนูญที่ว่า "องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ ผู้ใดจะกล่าวหาหรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใดๆมิได้"หรือบทบัญญัติในมาตรา ๑๑๒ ของประมวลกฎหมายอาญาที่ว่า "ผู้ใดหมิ่นประมาทดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัริตย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี" ย่อมไม่นำมาใช้บังคับกับองคมนตรี
คํากล่าวที่ว่า "ห้ามวิจารณ์องคมนตรีเพราะเป็นองค์ที่ปรึกษาและทำหน้าที่ใกล้ชิดกับพระมหากษัริตย์" หรือตีขลุมเอาว่า "การวิจารณ์องคมนตรีเป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพและจาบจ้วงเบื้องสูง" ตลอดจนความเห็นทำนองว่า "การกระทำหรือปาฐกถาขององคมนตรีเสมือนเป็นการกระทำหรือปาฐกถาของพระมหากษัริตย์" จึงไม่เป็นความจริงเสมอไป
อันตรายอย่างยิ่ง หากเรานำเอา "พระบารมี" ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไปปะปนกับองค์กรหรือผู้อยู่รายล้อมพระองค์ อย่างองคมนตรีก็ดี บรรดาผู้รับใช้เบื้องพระยุคลบาทก็ดี ท่านผู้หญิง คุณหญิง สตรีผู้สูงศักดิ์ ซึ่งอ้างตนเป็นราชิกูลก็ดี หรือผู้พิพากษาซึ่งบอกเสมอว่า "กระทําการในพระปรมาภิไธย" ก็ดี เพราะอาจจะทำให้เกิดความสับสนในการโหนกระแสความจงรักภักดี "การเกาะพระบารมี" ยังส่งผลให้กลุ่มบุคคลเหล่านี้มีสิทธิเหนือกว่าบุคคลอื่น ซึ่งไม่สอดคล้องกับระบอบประชาธิปไตยและความเสมอภาค
คืนรัง