ทำเนียบรัฐบาล 9 เม.ย. – “นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี” ระบุทุกฝ่ายเห็นด้วยที่จะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย แต่เรื่องกระบวนการ โดยเฉพาะวิธีที่จะทำให้หลายฝ่ายมีส่วนร่วมจะต้องหารือกันต่อไป มอบหมายวิปรัฐบาลเป็นแกนนำประสาน ยืนยันการแก้ไข รธน.ทำให้ต่างชาติมั่นใจว่าไทยมีการพัฒนาทางประชาธิปไตย นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชาชน กล่าวถึงกรณีที่พรรคพลังประชาชนมีมติให้แก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ แต่พรรคเพื่อแผ่นดินยังมีเงื่อนไขว่า ควรตั้งกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาศึกษา ว่า ควรดำเนินการไปทีละขั้น โดยขณะนี้เราเริ่มต้นที่รัฐธรรมนูญปี 2550 ซึ่งมีหลายมาตราที่ไม่เป็นประชาธิปไตย มีการวิจารณ์ตั้งแต่ก่อนลงประชามติแล้ว และมีผู้ที่ออกมาให้ความเห็นว่า ให้รับไปก่อน เพื่อให้มีการเลือกตั้งเกิดขึ้นโดยเร็ว จากนั้นค่อยมาแก้ไข ซึ่งหลักการที่จะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ เชื่อว่าคนจำนวนมากเห็นด้วยว่าควรจะแก้ไขให้เป็นประชาธิปไตย แต่ในแง่ของกระบวนการและวิธีการเป็นเรื่องที่ต้องหารือกันต่อไป ว่าวิธีใดที่จะทำให้หลายฝ่ายมีส่วนร่วมมากขึ้น ซึ่งในเรื่องนี้ทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกัน ก็มาคุยเรื่องกระบวนการว่าจะทำอย่างไร เมื่อถามว่าระดับแกนนำที่ นพ.สุรพงษ์ เป็นผู้ประสาน ได้มีการนัดหารือหรือไม่ นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า มอบหมายให้คณะกรรมการประสานงาน (วิป) รัฐบาลไปดำเนินการ ซึ่งเชื่อว่ามีการประสานอย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว โดยประสานแลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกัน ต่อข้อถามว่า พรรคชาติไทยไม่เห็นด้วยที่จะให้มีการแก้ไขมาตรา 309 จะเป็นเงื่อนไขให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่สำเร็จหรือไม่ นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า คงไม่ใช่อย่างนั้น เพราะความเห็นที่หลากหลายนี้จะนำไปคุยกันต่อถึงกระบวนการว่า การที่จะได้มาถึงแนวทางแก้ไขนั้น ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมมากน้อยแค่ไหน หากเสียงส่วนใหญ่ให้ความเห็นว่าควรจะแก้หรือเพิ่มเติมอย่างไร คงจะเป็นไปตามนั้น ส่วนกรณีพรรคประชาธิปัตย์ออกมาตั้งข้อสังเกตว่า การที่พรรคร่วมรัฐบาลยังไม่แสดงความชัดเจนในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะกลายเป็นเงื่อนไขที่ทำให้ต่างชาติไม่มั่นใจในสถานการณ์ทางการเมือง นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า ตรงกันข้าม การที่เรามีทิศทางว่า จะแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย ตรงนี้จะเป็นสิ่งที่ต่างชาติจะเกิดความมั่นใจว่า ประเทศไทยมีการพัฒนาทางประชาธิปไตย ซึ่งการรับฟังความเห็นเป็นเรื่องที่ดี “การที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ทุกคนเห็นพ้องกันว่าควรจะแก้ ยังไม่มีใครบอกว่าไม่ควรแก้เลย เพียงแต่ว่าจะแก้อย่างไรเท่านั้น” นพ.สุรพงษ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย
อัพเดตเมื่อ 2008-04-09 15:13:11