หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยกรณีเขาพระวิหาร และศาลฎีกาได้ตัดสิทธิทางการเมืองของ นายยงยุทธ ติยะไพรัช กรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน เป็นเวลา 5 ปี ล่าสุดเมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 9 กรกฎาคม ที่ผ่านมา คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้ออกนั่งบัลลังก์ อ่านคำวินิจฉัยเรื่องคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรีของ นายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.สาธารณสุข กรณีภรรยาถือครองหุ้นเกิน 5% ตามที่ นางรสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม. และคณะเป็นผู้ร้อง
ทั้งนี้ จากการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ เห็นว่า การกระทำของนายไชยากรณีที่ภรรยาถือหุ้นในบริษัทเอกชนเกิน 5% และยื่นแสดงต่อ ป.ป.ช. เกินกำหนดที่กฎหมายกำหนดไว้ โดยศาลรัธรรมนูญ ขอให้วินิจฉัยว่า ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 182 วรรคหนึ่ง (7) ประกอบกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 269 โดยความเป็นรัฐมนตรีจะสิ้นสุดลงทันทีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย โดยไม่ให้กระทบต่อกิจการที่ได้กระทำที่ผ่านมา
หลังจากนั้นนายไชยาได้ให้สัมภาษณ์ว่า ยอมรับคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ และขอยืนยันว่าไม่มีเจตนาที่จะไม่แจ้งกรณีภรรยาถือหุ้นในบริษัทเกิน 5% ส่วนจะเป็นใครเข้ามาดำรงตำแหน่ง รมว.สธ. แทนนั้น ก็คงขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี และกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน ซึ่งก็ยังไม่ได้คุยกัน ต่อไปนี้ก็คงทำหน้าที่ ส.ส. ตามปกติ
นายไชยา กล่าวด้วยว่า สาเหตุที่ทำให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยออกมาเช่นนี้ เป็นเพราะดูกฎหมายและตีความไปเอง แม้ว่าจะได้ปรึกษากับ ป.ป.ช. แล้วก็ไม่ได้รับความกระจ่าง
อย่างไรก็ดีคำสั่งดังกล่าว จะทำให้นายไชยา สิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรีทันที และคดีดังกล่าวจะเป็นบรรทัดฐานต่อไปยังคดีของ นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ภรรยาถือครองหุ้นในบริษัทเกินร้อยละ 5 เช่นเดียวกัน
ต่อกรณีต่างๆ นั้น นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้นขณะนี้เป็นผลมาจากรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจน จึงเรียกร้องให้นักวิชาการที่เคยร่วมร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่ดีที่สุดมาช่วยกันวิจารณ์ปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อหาข้อสรุปว่าสมควรมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในขณะนี้หรือไม่ อย่าง มาตรา 237 ถ้าไม่มีวรรคสองก็ไม่มีเรื่อง อย่างมาตรา 190 หากไม่มีวรรคสอง ก็ไม่มีคำวินิจฉัย นี่ก็ยังมีอีกหลายมาตรา
นายกรัฐมนตรี ระบุด้วยว่า สถานการณ์ในขณะนี้ยังปกติ การดำเนินการของรัฐบาลยังเดินต่อไปได้ช่วงนี้ เป็นเหมือนการทดลองรัฐธรรมนูญ
ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีได้ยืนยันว่า แนวคิดในการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นต้องการทำเพื่ออนาคตของคนไทยทั้งประเทศ จะได้ใช้รัฐธรรมนูญฉบับที่ดีในการเลือกตั้งครั้งหน้าแต่การเคลื่อนไหวดังกล่าว ทำให้เกิดการชุมนุมต่อต้านของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า รัฐบาลมุ่งแก้รัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์ทางการเมืองมากกว่าเร่งแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจของประเทศ
ด้าน นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม ในฐานะกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมได้หารือถึงการจัดงานระดมทุน การจัดงานสัมมนา ส.ส. พรรค รวมทั้งได้วิเคราะห์ถึงสถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน เช่น คดีของ นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตรองหัวหน้าพรรค กรณีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า สนธิสัญญาที่นายนพดล ไปลงนามเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 190 ซึ่งคดีของนายยุงยุทธ ที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคเห็นว่า ต้องยอมรับคำตัดสินของศาล แต่กระบวนการหลังจากนี้จะมอบหมายให้ นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรองเลขาธิการพรรค ไปดูภาพรวมและตั้งทีมทนายต่อสู้คดี โดยอาจรวบรวมทีมทนายที่เคยทำคดียุบพรรคไทยรักไทยมาช่วยทำคดี
ส่วนที่มีการมองกันว่าให้ใบแดงนายยงยุทธ อาจนำไปสู่การยุบพรรคพลังประชาชนได้ ยอมรับว่าแกนนำบางคนวิตกว่าเรื่องนี้ที่อาจมีการตั้งธงไว้แล้ว แต่ขอสู้ตามเนื้อหาสาระ และเมื่อพิจารณาให้ดี กรณีนี้มีความแตกต่างจากสมัยพรรคไทยรักไทยอยู่มาก ส่วนเรื่องแนวทางพรรคสำรองยังไม่มีการพูดถึง
ส่วนกรณีที่พรรคฝ่ายค้านเตรียมยื่นถอดถอนรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลนั้น ที่ประชุมได้ร่วมวิเคราะห์ว่า ตามที่ได้ศึกษาข้อกฎหมายจะไม่สามารถถอดถอน ครม. ทั้งคณะได้ อาจจะดำเนินการเพียงรายบุคคล และคงจะยื่นถอดถอน นายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ อย่างแน่นอน
เพื่อไทย
Thursday, July 10, 2008
สอย‘ไชยา’อีกราย‘สมัคร’ย้ำปัญหาโดน‘กับดักรธน.’
ศาลรัฐธรรมนูญสอย “ไชยา สะสมทรัพย์” อีกราย ท่ามกลางกระแส “ตุลาการภิวัตน์” เจ้าตัวระบุยอมรับคำตัดสินและขอทำหน้าที่ ส.ส. ต่อไป ขณะที่ “สมัคร” ระบุปัญหาที่เกิดขึ้นต่อเนื่องล้วนมาจากกับดัก รธน. แนะนักวิชาการช่วยกันออกมายืนยันว่า ถึงเวลาแก้ไขหรือยัง ด้าน พปช. ตั้งทีมทนายความพร้อมสู้ทุกข้อกล่าวหา