วันนี้(8 ก.ค.) เป็นวันชี้ชะตาการเมืองไทย
เพราะเป็นวันที่ศาลฏีกาแผนกคดีเลือกตั้ง นัดอ่านคำพิพากษาคดีใบแดง ยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานสภาฯ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน
วันนี้ การเมืองไทยได้เดินมาถึงจุดหักเลี้ยวครั้งสำคัญ
เพราะถ้าศาลฎีกา “เห็นชอบ” กับการแจกใบแดงของ กกต.
“ยงยุทธ” ต้องหลุดจากความเป็น ส.ส. อย่างเป็นทางการ
และพรรคพลังประชาชนต้องถูกยุบพรรคสูญพันธุ์!!
รัฐธรรมนูญมาตรา 237 ระบุว่า หาก คณะกรรมการบริหารพรรคคนหนึ่งคนใดถูก กกต.แจกใบแดง
พรรคการเมืองนั้นต้องถูกยุบพรรคทั้งยวง
ถ้ามองในแง่ดี การยุบพรรคก็เป็นอนิจจัง
ดังคำพระสอนว่า “ยุบหนอ พองหนอ ยุบหนอ พองหนอ” นั่นแหละโยม
การยุบพรรคพลังประชาชนทำให้หัวหน้า พรรค “สมัคร สุนทรเวช” นายกรัฐมนตรี รวมทั้งรองนายกฯ 4 คน และรัฐมนตรีของพรรคอีก 17 คน ต้องพ้นตำแหน่งยกพวง
แถมโบนัสห้ามเล่นการเมืองอีก 5 ปี!!
ผลกระทบที่ตามมาอีกก็คือ ส.ส. พรรคพลังประชาชนที่ไม่ได้เป็น กก.บริหารพรรคอีกเกือบ 200 คน ต้องแตกกระจัดกระจาย
เป็นวิบากกรรมซ้ำรอยเหมือนพรรคไทยรักไทยถูกยุบมาแล้วฉะนั้นแล
สรุปว่า ใบแดงของยงยุทธใบเดียวทำให้รัฐบาลล้มทั้งยืน
ใบแดงใบเดียวทำให้การเมืองพลิกผัน 180 องศา โดยไม่ต้องยุบสภาฯ
แต่ถึงศาลฎีกาจะอ่านคำพิพากษาคดีใบแดงวันนี้ ก็ยังมีขั้นตอนก่อนจะยุบพรรคอย่างเป็นทางการ
เพราะ ประธาน กกต. “อภิชาต สุขัคคานนท์” ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองจะต้องยื่นคำร้องผ่านอัยการสูงสุด ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคพลังประชาชนอีกที
เหมือนที่ประธาน กกต.ยื่นคำร้องให้ยุบพรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาฯ ไปก่อนหน้าแล้วนั่นเอง
ความจริง พรรคพลังประชาชนรอดพ้นการเช็กบิลจากแผนบันได 4 ขั้นของ คมช.มาแล้วหลายครั้งหลายครา
โดยเฉพาะข้อหาพรรคพลังประชาชนเป็นนอมินีของพรรคไทยรักไทย ซึ่งกว่าจะหลุดกับดักมาได้ก็ต้องลุ้นกันน้ำลายเหนียวคอ
เพียงแต่ครั้งนี้...มีอนาคตของรัฐบาลเป็นเดิมพัน!!
คำพิพากษาศาลฎีกาจะออกมาอย่างไร... จึงมีความสำคัญต่ออนาคตการเมืองไทยโดยตรง!!
อนึ่ง พูดถึงคดีใบแดงพรรคพลังประชาชน ก็ต้องพูดถึงใบแดงล่าสุด ที่ กกต.แจกย้อนหลังให้ ส.ส.ร้อยเอ็ด นพดล พลซื่อ รองเลขาธิการพรรคเพื่อแผ่นดิน
ทำให้พรรคเพื่อแผ่นดินกลายเป็นพรรคที่ 4 ที่อาจถูกยุบพรรคตามมาตรา 237 ของรัฐธรรมนูญ
ถ้าหากพรรคเพื่อแผ่นดินถูกยุบพรรค รัฐมนตรีของพรรคทั้ง 3 คนจะต้องพ้นตำแหน่งรัฐมนตรีและถูกห้ามเล่นการเมือง 5 ปี ตามกติกา
เท่ากับ 6 พรรครัฐบาลจะเหลือแค่ 2 พรรค คือ พรรครวมใจไทยฯ และพรรค ประชาราช ที่ไม่ถูกรางวัลแจ็กพอตของ กกต.
ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นฝ่ายค้านพรรคเดียว แถมแคล้วคลาดใบแดงไปได้อย่างน่าอัศจรรย์
ถ้าหากพรรคพลังประชาชนถูกยุบจริง ก็จะเป็นโอกาสของพรรคประชาธิปัตย์เปลี่ยนขั้วเป็นรัฐบาล!!
“อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ก็จะส้มหล่นได้เป็นนายกฯคนใหม่ สมใจนึกบางลำพู
วันนี้ พรรคประชาธิปัตย์จึงต้องรอฟังคำตัดสินศาลฎีกา ด้วยความเสียวซ่านสะดือแด
ก็นี่แหละการเมืองย่อมไม่มีอะไรแน่นอน
ถ้าขั้วนี้ยุบ อีกขั้วก็พอง เป็นของคู่กัน
ยุบหนอ พองหนอ ท่องเอาไว้แก้เซ็ง.
แม่ลูกจันทร์