WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Thursday, July 10, 2008

เรื่องของ ‘เขา’ ที่ไม่ใช่ของ ‘เรา’อย่าหวงของ จนหน้ามืด

คอลัมน์ : รายงานพิเศษ

มีความพยายามฉวยสถานการณ์ สร้างข้อเท็จจริงบิดเบือนครั้งแล้วครั้งเล่า

ฉวยโอกาสจากข่าว “เขาพระวิหาร” ที่ฮือฮาต่อเนื่อง

ฉวยโอกาสจากความสับสนที่คนนั้นพูดที คนนี้พูดที จนไม่รู้จะฟังใครถึงจะถูก

และฉวยโอกาสเอากับนิสัยของคนส่วนใหญ่ ที่ไม่พิสมัยการนั่งอ่านเอกสารข้อเท็จจริงอะไรที่ “น่าจะ” ดูยาก ซับซ้อน หรือเฉพาะทางมากจนเกินไป

เพราะรู้และเข้าใจลักษณะอันเป็น “จุดอ่อน” ดี จึงง่ายที่ใครสักคนจะฉวยจุดอ่อนนี้บรรจงบรรจุข้อมูลอะไรก็ได้ที่อยากให้มวลชนรับรู้...และ รู้สึก

สิ่งสำคัญที่ผู้ใช้ความพยายามดังกล่าวต้องการที่สุด ก็คือ การปลุกเร้าความรู้สึก ให้พลุ่งพล่าน โกรธแค้น หรือหลงเดินตามไปทางใดทางหนึ่ง ซึ่ง “ง่าย” กว่าการใส่ข้อมูลข้อเท็จจริงตามหลักเหตุผลเป็นยิ่งนัก

ขณะที่พลเมืองมีคุณภาพ จะเน้นที่การ “อ่าน” และ “คิด”

แต่อีกจำนวนหนึ่งชื่นชอบวิธี “ฟัง” และ “เชื่อ” ซึ่งง่ายกว่า

เราจึงได้ฟังได้ยินคำพูดที่ไม่น่าจะมีใครกล้าพูด เพราะผิดความเป็นจริง แต่ก็ยังได้ยินและดันมีคนพร้อมจะเทใจเชื่อ...

ย้ำ...เท “ใจ” เชื่อ ไม่ได้เชื่อด้วย “สมอง” ที่จำนนต่อเหตุผลหรือหลักฐาน

เราจึงได้ยินคำพูดโง่ๆ ที่ว่า

“ไทยเสียเขาพระวิหารไปแล้ว”

“เรากำลังเสียดินแดนและอธิปไตย”

“รัฐบาลยอมยกเขาพระวิหารให้กัมพูชาไปได้อย่างไร” ฯลฯ

ถ้าจะนับที่การถือครองความเป็นเจ้าของ ก็ต้องยอมรับว่า เขาพระวิหารไม่เคยเป็นของเรามาตั้งแต่ปี พ.ศ.2505 ตามคำตัดสินของศาลโลก และเราก็ปล่อยเวลาให้ล่วงเลยมา เป็นการยอมรับคำตัดสินนั้นทางหนึ่ง

ใครที่พูด ณ วันนี้ ด้วยความเสียดายยิ่งว่า เราสูญเสียเขาพระวิหาร จึงออกจะความรู้สึกช้า หรือไม่ก็ยึดมั่นถือมั่น หรือไม่ก็เป็นเด็กรุ่นหลังที่ไม่เรียนรู้ประวัติศาสตร์อันใดเลย ได้แต่ปล่อยให้คนแก่หวงของเป่าหู

เช่นเดียวกับเรื่องดินแดนและอธิปไตย นี่ก็เป็นความมักง่ายในการเสพข่าวสาร เพราะสิ่งที่คณะกรรมการมรดกโลกแถลงตัดสินให้เป็นมรดกโลก คือ ตัวปราสาท หรือพระวิหาร ขณะที่พื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารก็ยังมีส่วนที่อยู่ในการดูแลของไทย และคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกของไทย ก็มีแนวโน้มเตรียมจะเสนอขึ้นทะเบียนพื้นที่ดังกล่าวเป็นมรดกโลกด้วยเช่นกัน

เรื่องนี้จึงไม่เกี่ยว และเป็นไปไม่ได้เลย ในอันที่จะสูญเสียดินแดนหรืออธิปไตย ดังที่ใครก็ได้ขอเพียงมีปากพูดจะกล่าวอ้าง

ยิ่งเรื่องที่ว่า แล้วรัฐบาลไป “ยอม” ยกเขาพระวิหารให้เขาได้อย่างไร

ยกให้ หรือไม่ยกให้ เรื่องนี้ “ศาลโลก” เป็นผู้ตัดสิน และก็ตัดสินไปแล้ว ซึ่งขณะนั้นรัฐบาลไทยก็ต่อสู้ในทางกฎหมายอย่างสุดความสามารถแล้ว

แต่ในที่สุด เมื่อคำตัดสินออกมา เราก็ต้องยอมรับกฎกติกาที่กำหนดร่วมกันระหว่างประเทศ ไม่เช่นนั้นจะหาความสุขสงบที่ไหนเจอ

เรื่องนี้จึงไม่มีใครยกให้ใคร หรือแย่งไปจากใครได้โดยพลการ