WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Thursday, July 10, 2008

อดีตผบ.สส.ซัด‘พล.อ.ปฐมพงษ์’เกินงาม!ส่อทำกองทัพแตกแยก

เรียงหน้าถล่ม “พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์” แต่งทหารขึ้นเวทีพันธมิตรฯ ไม่เหมาะสม ขัดต่อคำชี้แจงของกองทัพอย่างชัดเจน อดีต ผบ.สส. ชี้เป็นถึงนายทหารชั้นผู้ใหญ่ไม่ควรแสดงออกมากเกินไป “เหวง-ณัฐวุฒิ” ชี้ปลุกทหารออกมาร่วมชุมนุมส่อทำกองทัพแตกแยก พร้อมจี้ “บุญสร้าง” จัดการตามวินัยทหาร

จากกรณีที่ พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ ประธานคณะที่ปรึกษากองบัญชาการทหารสูงสุด สวมเครื่องแบบนายทหารเต็มยศขึ้นเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย วิพากษ์วิจารณ์การบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล ภายใต้การนำของ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เมื่อค่ำคืนวันที่ 8 กรกฎาคม ที่ผ่านมานั้น

สวมชุดทหารด่ารัฐบาลไม่เหมาะ
วันถัดมา พล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ในฐานะอดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด ให้ความเห็นว่า การสวมเครื่องแบบขึ้นปราศรัยบนเวทีชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ต้องเปิดดูระเบียบของกระทรวงกลาโหมว่าผิดวินัยหรือไม่ แต่ส่วนตัวเห็นว่าไม่เหมาะสม เพราะเป็นถึงนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ไม่ควรแสดงออกจนเกินไป

ส่วนการเรียกร้องให้ทหารออกมาร่วมชุมนุมด้วยนั้น ถือเป็นดุลพินิจของแต่ละคนในการพิจารณา พร้อมยืนยัน ทหารจะไม่ทำรัฐประหารอย่างแน่นอน และขอให้เลิกพูดถึงเรื่องนี้ เพราะไม่เป็นประโยชน์ และจะทำให้บ้านเมืองยิ่งแย่ลง

ขึ้นเวทีชี้ชัดหนุนการชุมนุม
ด้าน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวไม่เห็นด้วยกับการขึ้นปราศรัยบนเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ของ พล.อ.ปฐมพงษ์ เพราะ พล.อ.ปฐมพงษ์ แต่งเครื่องแบบนายทหาร อัตราพลเอกเต็มยศ ขึ้นปราศรัยบนเวทีพันธมิตรฯ ว่าทนไม่ได้อีกต่อไปกับเหตุการณ์ปราสาทเขาพระวิหารที่ส่งผลเสียหายต่อประเทศไทย โดยหลังจากได้ลงพื้นที่สำรวจการปฏิบัติงานของทหารบริเวณพื้นที่ปราสาทพระวิหาร และได้ทำหนังสือแจ้งมาทาง รมว.กลาโหมและ รมว.ต่างประเทศ เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2551 ว่าทหารเหล่านั้นรู้สึกกังวลและอึดอัดที่มีประชาชนจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาตั้งถิ่นฐานรุกล้ำเข้ามาในประเทศไทย แต่รัฐบาลกลับวางเฉย จนเป็นเหตุให้ต้องลุกขึ้นมาพูดบนเวทีพันธมิตรฯ

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า วิธีการแสดงออกของ พล.อ.ปฐมพงษ์ หากไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ ก็มีวิธีอีกมากมายที่เหมาะสม เช่น การแถลงข่าวในสถานที่ที่เหมาะสมกว่าเวทีพันธมิตรฯ หรือการทำหนังสือทักท้วง ก็สามารถทำได้ แต่นี่ พล.อ.ปฐมพงษ์ เลือกที่จะขึ้นเวทีพันธมิตรฯ มันหมายความว่าอย่างไร มันหมายความว่า พล.อ.ปฐมพงษ์ พูดเรื่องปราสาทเขาพระวิหารบนเวทีพันธมิตรฯ โดยยอมรับความเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ ที่ดำเนินอยู่ด้วยใช่หรือไม่ เช่น การมาขับไล่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง หรือการประกาศทฤษฎีการเมืองใหม่ หรือการล่าชื่อประชาชน 2 หมื่นคน เพื่อถอดถอนผู้พิพากษา ซึ่งการกระทำอย่างนี้จึงมีปัญหา

ฉะ!ปลุกระดมให้กองทัพแตกแยก
นอกจากนี้ นายณัฐวุฒิ ยังได้นำเอกสารซึ่งเป็นข้อปฏิบัติสำหรับข้าราชการทหารที่ออกมาเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2551 ที่ผ่านมาว่า ทหารที่จะต้องการเข้าร่วมฟังการปราศรัยในที่สาธารณะ ไม่ควรสวมเครื่องแบบ และควรเว้นการใช้ยศประกอบในการแนะนำตนเองกับบุคคลทั่วไป ขณะที่อยู่ในการชุมนุม และการไปร่วมชุมนุมต้องไม่ใช่ในเวลาราชการ และการไปร่วมฟังการปราศรัยหรือร่วมบรรยาย ห้ามวิพากษ์วิจารณ์การปฏิบัติงานของรัฐบาลให้ประชาชนฟัง

รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวด้วยว่า จากข้อปฏิบัติดังกล่าวนี้ชัดเจนว่า สิ่งที่ พล.อ.ปฐมพงษ์ แสดงออกบนเวทีกลุ่มพันธมิตรฯ เป็นการกระทำที่ขัดต่อคำสั่ง ขัดต่อแนวนโยบายของกองทัพไทย ที่มีการลงนาม เซ็นหนังสือราชการที่เพิ่งออกมาเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ซึ่งผ่านมาเพียงหนึ่งสัปดาห์เท่านั้น พล.อ.ปฐมพงษ์ ก็สวมเครื่องแบบนายทหารอัตราพลเอกเต็มยศ ขึ้นเวทีขับไล่รัฐบาล และเรียกร้องให้ทหารออกมาร่วมชุมนุมอย่างเปิดเผย

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า การกระทำเช่นนี้นอกจากจะขัดต่อคำชี้แจงของกองทัพไทยแล้ว ยังขัดต่อวินัยทหาร ซึ่งถือเป็นหลักสำคัญที่สุดสำหรับทหาร และยังก่อให้แตกความสามัคคีในทหาร ทั้งที่ก่อนหน้านี้ผู้นำในกองทัพต่างออกมาย้ำเป็นเสียงเดียวกันว่า ปัญหาทางการเมือง ต้องแก้ด้วยการเมือง ทหารจะไม่ออกมากระทำการใดๆ อันไม่พึงปรารถนาในระบอบประชาธิปไตย โดยทหารจะอยู่ในที่ตั้ง

“เมื่อนโยบายผู้บังคับบัญชาเหล่าทัพเป็นอย่างนี้ แต่ พล.อ.ปฐมพงษ์ ยังขึ้นไปกล่าวบนเวที เชิญชวนนายทหารออกมาชุมนุมโดยไม่ต้องเกรงกลัวคำสั่งผู้บังคับบัญชา ก็หมายความว่า พล.อ.ปฐมพงษ์ กำลังทำให้เกิดการแตกความสามัคคีในกองทัพด้วย

จี้ “บุญสร้าง” จัดการตามวินัย
ดังนั้นจากการกระทำที่ไม่เหมาะสม และผิดวินัยทหารดังกล่าว ผมจึงขอเรียกร้องให้ พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในฐานะผู้บังคับบัญชาโดยตรงของ พล.อ.ปฐมพงษ์ ได้ดำเนินการต่อพฤติกรรมของ พล.อ.ปฐมพงษ์ ตามกฎระเบียบวินัยทหารและตามกฎหมายของกองทัพอย่างถึงที่สุด เพื่อไม่ให้เป็นแบบอย่างต่อนายทหารคนอื่นๆ ที่จะออกมาเคลื่อนไหวในลักษณะเดียวกัน เพราะหากเกิดการเลียนแบบกัน ความสง่างามของกองทัพจะอยู่ตรงไหน ตอนนี้ประชาชนกำลังรอบรรทัดฐานจากกองทัพไทยว่าจะดำเนินการต่อการแสดงออกของนายทหารซึ่งสวมเครื่องแบบชุมนุมทางการเมืองโค่นล้มรัฐบาล ปลุกระดมประชาชนอย่างไร ขอให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการโดยเร็ว เพื่อให้สังคมสงบเรียบร้อยด้วย” นายณัฐวุฒิ กล่าว

นายณัฐวุฒิ ยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า การเดินทางลงไปในพื้นที่นั้น พล.อ.ปฐมพงษ์ ลงไปตั้งแต่เมื่อไร อยู่ในช่วงการบริหารงานของรัฐบาลไหน ช่วงของรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช หรือช่วงของรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ กันแน่ และอยากตั้งข้อสังเกตอีกว่า พล.อ.ปฐมพงษ์ นั้นได้รับตำแหน่งทางการเมือง หลังการยึดอำนาจ โดยเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และหลังจากมีรัฐบาลชุดนี้ พล.อ.ปฐมพงษ์ ก็ไปเดินป้วนเปี้ยนอยู่บริเวณเวทีพันธมิตรฯ อยู่ตลอด จึงทำให้อดมองไม่ได้ว่า เป็นการแทงหวยทางการเมืองงวดสุดท้ายก่อนการเกษียณอายุราชการของ พล.อ.ปฐมพงษ์ หรือไม่ ที่หวังจะได้รางวัลที่ใหญ่กว่าการเป็น สนช. หลังการรัฐประหารเมื่อ 19 กันยายน 2549 หรือไม่

มรดกโลกไม่เกี่ยวเสียดินแดน
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า ขณะนี้มีความพยายามของบุคคลบางกลุ่มในการนำเอาคำตัดสินของคณะกรรมการมรดกโลกที่ให้ปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกตามคำขอของกัมพูชา มาเชื่อมโยงเกี่ยวพันกับคำวินิจฉัยของศาลปกครองกลางและศาลรัฐธรรมนูญ ในทำนองว่า การขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารนั้น ทำให้ประเทศไทยต้องเสียดินแดน เสียอธิปไตย และยังเชื่อมโยงว่าคำวินิจฉัยของทั้ง 2 ศาลนั้นมีข้อสรุปในเชิงว่า รัฐบาลนี้ได้กระทำการจนประเทศไทยต้องเสียดินแดนในที่สุด

“ตรงนี้มีการยืนยันจากหลายฝ่ายที่เดินทางไปร่วมประชุมกับคณะกรรมการมรดกโลก ไม่ว่าจะเป็นตัวแทนจากกรมแผนที่ทหาร หรือ นายปองพล อดิเรกสาร ต่างก็ยืนยันว่าไทยไม่เสียดินแดนแม้แต่ตารางนิ้วเดียว ส่วนคำวินิจฉัยของศาลปกครองกลางและศาลรัฐธรรมนูญนั้น ก็เป็นคำวินิจฉัยที่มีผลเฉพาะประเด็นที่เป็นกรณีทางกฎหมาย ระหว่างผู้ยื่นร้องและรัฐบาลในฐานะผู้ถูกร้องเท่านั้น ดังนั้นจึงขอให้ประชาชนได้เข้าใจด้วย”

“เหวง”ย้ำคำชี้แจงกองทัพระบุชัด
ขณะที่ นพ.เหวง โตจิราการ หนึ่งในแกนนำคณะกรรมการประชาชนเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 ได้เรียกร้องให้มีการตรวจสอบการกระทำของ พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ ที่แต่งเครื่องแบบทหารขึ้นปราศรัยบนเวทีพันธมิตรฯ ต่อผู้บัญชาการทหารสูงสุด และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมว่า เหมาะสมหรือไม่ ซึ่งควรจะมีการดำเนินการตรวจสอบ และน่าจะมีการดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ได้เคยมีคำชี้แจงของกองทัพไทยเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ระบุชัดว่าทหารที่ร่วมฟังคำปราศรัยไม่ควรแต่งเครื่องแบบ และใช้ชั้นยศในการอ้างประกอบตัวเอง และยังห้ามมิให้มีการวิพากษ์วิจารณ์การปฏิบัติงานของรัฐบาล