คอลัมน์: บทบรรณาธิการ
คดีเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2550 ที่ผ่านมา ยังคาราคาซังอีกหลายร้อยคดี ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ยังวินิจฉัยไม่เสร็จ ทั้งที่เวลาเนิ่นนานมากว่า 7 เดือนแล้ว มีพรรคการเมืองที่กรรมการบริหารพรรคเกี่ยวข้องกับการโดนใบแดง ซึ่งมีปัญหาทางกฎหมายว่าจะถูกยุบพรรคหรือไม่ แทบจะทุกพรรคการเมือง
มีคำถามค้างคาใจ ทำไมกรณี พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นคดีความที่เกี่ยวข้องกับ รองหัวหน้าพรรค ซึ่งเป็น ตำแหน่งกรรมการบริหารพรรค ในขณะนั้น ได้ ทำการแจกตั๋วหนัง จัดการปราศรัยในโรงหนังก่อนภาพยนตร์จะฉาย ซึ่งเป็นการกระทำที่ส่อว่าจะผิดกฎหมายเลือกตั้งอย่างชัดเจน แต่ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ ในคดีที่ว่านี้แม้แต่น้อย
เรื่องดังกล่าวมีการร้องเรียนและผ่านความเห็นชอบจาก กกต. ประจำจังหวัดมาแล้ว ส่งเรื่องมาที่ กกต. ใหญ่ กว่า 2-3 เดือน แต่กลับไม่มีการตัดสินคดีความนี้
เป็นเรื่องน่าแปลกไหม???
ต้องการจะดึงเรื่องเอาไว้หรืออย่างไร???
ต้องการต่อรองอะไรกันอีกหรือไม่???
ต้องการจะช่วยพรรคใดพรรคหนึ่งหรืออย่างไร???
งานนี้ กกต. ต้องบอกกับสาธารณชนให้ได้ว่า ทำไมเรื่องการตัดสินคดีความนี้จึงล่าช้ากว่าที่ควรจะเป็น มีการดำเนินการในช่วง 2-3 เดือนนี้ไปถึงไหนอย่างไร มีอะไรที่เป็นข้อมูลหักล้างใหม่ๆ มาหรือไม่ หรืออยู่ในแฟ้มเข้ากล่อง ไม่ได้ดำเนินการอะไรเลย แล้วทำไมจึงเป็นเช่นนั้น
หากตอบไม่ชัดเจน คนจะยิ่งสงสัยไม่มีวันสิ้นสุด
เพราะเรื่องที่ จ.เพชรบูรณ์ ช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง มีการจับเงิน 1.2 ล้านบาท ในการช่วยผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์ เป็นข่าวครึกโครมพอสมควร
แต่กลับไม่แจกใบแดง
ผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์ได้ “ใบเหลือง” แต่ให้ยึดเงินของกลางเอาไว้
สังคมงุนงง สงสัย กับมาตรฐานของ กกต. ในขณะนั้นว่า มีเจตนาช่วยเหลือเจือจุนพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งหรืออย่างไร หรือว่าเป็นมือใหม่หัดขับ ทั้งที่จับเงินได้มากมายขนาดนั้น
มาถึงกรณีที่ จ.อุบลราชธานี ที่อยู่ๆ เรื่องก็เงียบหายเข้ากลีบเมฆไปเสียเฉยๆ !!!
ทั้งที่หลักฐานภาพจากวีซีดีฟ้องอยู่คาหนังคาเขา!!!
วิญญูชนยังมองออกว่า หลักฐานกรณีนี้ชัดเจนยิ่งกว่ากรณีของรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชนด้วยซ้ำไป
ขนาด “ลีน่า จัง” ที่เคยสมัครชิงชัยในตำแหน่งผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานคร เอาดาราขึ้นรถแห่ ในวันที่ไปจับสลากเลขหมาย ยังมีมาตรฐานของ กกต. ว่าทำผิด เพราะเป็นการแสดง “มหรสพ” โดนใบแดงไปตามระเบียบ
แต่...แจกตั๋วดูหนัง ปราศรัยแนะนำตัวผู้สมัครก่อนภาพยนตร์จะฉาย ไม่ใช่ มหรสพ หรืออย่างไร? ไม่ใช่การจูงใจให้คนไปใช้สิทธิเลือกตั้งใช่ไหม? จะได้เป็นบรรทัดฐานในการหาเสียงเลือกตั้งครั้งต่อๆ ไป
วันนี้เราจะเห็นว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้ตัดคณะกรรมการบริหารพรรคเหลือเพียงไม่กี่คน เพื่อไม่ให้เป็นข้อสงสัยในทางกฎหมายต่อไป
วันนี้เราจะเห็นว่า รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ท่านนี้ ไม่แสดงบทบาททางการเมืองเหมือนปกติ พอๆ กับคนที่เกี่ยวข้องกับการจ้างพรรคเล็ก ให้ลงสมัครรับเลือกตั้งในภาคใต้ แล้วรอดพ้นคดียุบพรรค ที่ไม่แสดงบทบาททางการเมืองเลย เพื่อไม่ให้เป็นจุดโฟกัส พอผ่านคดียุบพรรคแล้วกลับมีบทบาทสูงมาก เป็นข้อพิรุธเชิงพฤติกรรมที่น่าสงสัยยิ่ง
วันนี้ กกต. ต้องมีความชัดเจนในเรื่องราวที่เกิดขึ้น ก่อนที่คนจะสงสัยไปในทางเสียหายกว่านี้อีกว่า กกต. ชุดนี้มีความเที่ยงธรรมหรือไม่ หรือเป็นกรรมการที่ต้องการเข้าข้าง ใคร ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งกันแน่?