จาก “กู้ชาติ” สู่ “การเมืองใหม่” ความเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่มีแกนนำประกอบด้วย นายสนธิ ลิ้มทองกุล, พล.ต.จำลอง ศรีเมือง, นายสมศักดิ์ โกศัยสุข, นายพิภพ ธงไชย, นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ โดยมี นายสุริยะใส กตะศิลา เป็นผู้ประสานงาน บัดนี้ได้ปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์จาก “การตรวจสอบรัฐ” สู่ “การปฏิรูปการเมือง” และนี่คือจุดหมายปลายทางของการเคลื่อนไหวภาค 2
ที่เริ่มนับหนึ่งตั้งแต่การออกมาเรียกร้องคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรรมนูญ ปี 2550 ของรัฐบาล เมื่อวันที่ 25 พ.ค.51 จากนั้นก็ปรับเปลี่ยนมาเป็นการขับไล่ “นายจักรภพ เพ็ญแข” และยกระดับมาเป็นขับไล่รัฐบาล…กระทั่ง เสนอระบบ “การเมืองใหม่” ที่กำลังถูกมองว่าถอยหลังเข้าคลองไปมากกว่า 30 ปี ไม่ได้แม้กระทั่งประชาธิปไตยครึ่งใบก็เพราะข้อเสนอที่ให้มี ส.ส.จากการแต่งตั้ง (70 เปอร์เซ็นต์) มากกว่าการเลือกตั้ง (30 เปอร์เซ็นต์) นั่นเอง และการเสนอแนวคิดดังกล่าว ยังส่งผลให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ถึงบทบาทที่เปลี่ยนไปของกลุ่มพันธมิตรฯ
อะไร...ที่ทำให้พันธมิตรฯ เสนอระบบ “การเมืองใหม่” เรื่องนี้ “พล.ต.จำลอง ศรีเมือง” หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ อธิบายว่า ประชาธิปไตยและขนบธรรมเนียมประเพณีของไทย มีความแตกต่างกับต่างประเทศ ที่ผ่านมา ประเทศไทยได้นำแนวทางต่างประเทศมาใช้แล้วก็เกิดความผิดพลาด ฉะนั้น จึงต้องมองหาแนวทางที่เหมาะสมกับประเทศไทย และก็เกิดแนวคิดรูปแบบการเมืองใหม่ดังกล่าว“เวลานี้พิสูจน์แล้วว่าการเมืองแบบเก่าช่วยอะไรไม่ได้ แม้แต่สภาก็ช่วยไม่ได้ เพราะถ้าสภาช่วยได้เราคงไม่ต้องตรากตรำมาชุมนุมอยู่อย่างนี้ เมื่อถึงเวลาแก้ไขเราก็ต้องแก้ไข จะมีคนออกมาท้วงติงก็ไม่เป็นอะไร”
ทั้งนี้ “พล.ต.จำลอง” ยังได้ชี้แจงประเด็นที่ถูกมองว่า “รูปแบบการเมืองใหม่” เสมือนเป็นการสร้างความชอบธรรมให้กลุ่มพันธมิตรฯ เข้าสู่การเมือง
“ผมยืนยันว่า อนาคตต้องการเป็นคนที่ชื่อจำลองธรรมดาๆ ปฏิบัติธรรม ลด ละ เลิก กิเลส และจะคอยรับใช้สังคมด้วย ในพันธมิตรฯ มีหลายคนที่มีฝีไม้ลายมือไม่ยิ่งหย่อนไปกว่านักการเมือง ทำงานการเมืองได้ แต่ก็ไม่เอา ไม่มีใครไป”
“ที่ผ่านมา เขาทำมาหากินตามปกติแล้วออกมาชุมนุมเมื่อบ้านเมืองมีปัญหา ดังนั้น จึงเห็นว่าการเข้าไปสู่การเมืองไม่ใช่เหตุผลและวัตถุประสงค์ของเรา ” พล.ต.จำลอง กล่าว
ทั้งยังได้แสดงความเห็นส่วนตัวเกี่ยวกับ “รูปแบบการเมืองใหม่” โดยบอกว่าผู้ที่จะมาเป็นนักการเมืองต้องมีความเสียสละจริงๆ ไม่ใช่อาชีพที่จะไปแสวงหาผลประโยชน์ของประเทศชาติมาเป็นของส่วนตัว“และจะเป็นไปได้หรือไม่ที่จะกำหนดว่า นักการเมือง ส.ส. ส.ว. จะไม่มีเงินเดือน จะรับแต่เบี้ยประชุม เหมือนที่ผมเคยปฏิบัติมาเมื่อครั้งเป็น ผู้ว่าฯ กทม., ส.ส. และ สนช.”“แต่ทั้งนี้ ในรายละเอียดของแนวทางและรูปแบบการเมืองใหม่ ก็ยังต้องรับฟังความคิดเห็นของประชาชนทั่วไปว่า แนวทางอย่างไรถึงจะดีที่สุด ในมุมมองขอประชาชนคิดว่าอะไร”
อย่างไรก็ตาม “พล.ต.จำลอง” ย้ำกรณีที่พันธมิตรฯ ได้ยื่นอุทธรณ์ศาลแพ่งเพิกถอนสั่งปิดถนนว่า หากศาลมีคำสั่งใดออกมา พันธมิตรฯ ก็เคารพ ซึ่งได้เตรียมแนวทางจะปฏิบัติไว้แล้วว่าอาจจะย้ายสถานที่หรือยุติการชุมนุม...และเมื่อวันที่ 7 ก.ค.51 สถานีโทรทัศน์พีทีวีได้ออกอากาศผ่านทางดาวเทียมของช่องเอ็มวีทีวีเป็นวันแรกตั้งแต่เวลา 07.30 น. โดยเป็นการออกกาศสดรายการ “เพื่อนพ้องน้องพี่” ซึ่งมีผู้ดำเนินรายการ 4 คน ประกอบด้วย นายวีระ มุสิกพงษ์ นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน และ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ได้กล่าวโจมตีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ว่า ไม่ใช่การเมืองภาคประชาชน แต่เป็นการใช้ความคิดเพียงคน 5 คน ทำลายระบอบประชาธิปไตย รวมทั้งเห็นว่า “ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์” ที่เข้าร่วมกับกลุ่มพันธมิตรฯ เป็นการชักศึกเข้าบ้าน จากแนวคิดของพันธมิตรฯ กำลังลดจำนวน ส.ส. ที่มาจากการเลือกตั้งให้เหลือเพียง 30 เปอร์เซ็นต์ และเป็นการสรรหาถึง 70 เปอร์เซ็นต์ และเห็นว่ากลุ่มพันธมิตรฯ ทางภาคใต้ที่ขับไล่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย จะส่งผลให้งบประมาณและการพัฒนาเข้าไม่ถึงประชาชนภาคใต้ศึกปะทะคารมนับจากนี้จะเข้มข้นขึ้นทุกขณะ ประชาชนโปรดใช้วิจารณญาณในการชมและฟัง!!