แกนนำคปพร.ทวงสัญญา ส.ส. เร่งแก้รธน.อำมาตยาธิปไตย สกัดวงจรอุบาทว์ ส.ว.ลากตั้ง จี้ส.ส.ต้องกล้าหาญตามแนวทางประชาธิปไตย ย้ำรธน.ฉบับคปพร.คือทางออกมีจุดอ่อนที่น้อยที่สุด
กรณีความคืบหน้าของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เปิดเผยรายชื่อผู้เข้ารับการสรรหาเพื่อเป็นสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.)สรรหาในส่วนอื่นๆ จำนวน25 องค์กร 23 รายชื่อ โดยหนึ่งในนั้นมี ว่าที่ร.อ.จิตร์ ศิรธรานนท์ อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) และบุคคลอื่นที่เคยมีส่วนในการสนับสนุนกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
วันนี้ (15 พ.ย.) นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำคณะกรรมการประชาชนเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ2550 (คปพร.) ระบุถึงกรณีดังกล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องเห็นสนช.กลับเข้ามามีบทบาทในการระบอบอำตยาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ 2550 อีกครั้งในรูปแบบการเสนอชื่อเข้ามาเป็นส.ว.สรรหา โดยส.ว.สรรหามีความชัดเจนอยู่แล้วว่าเป็นเครื่องมือทางการเมืองในการสืบทอดระบอบอำมาตยาธิปไตยให้มีความแข็งแรงมากยิ่งขึ้นเพื่อให้กระบวนการต่างๆให้บรรลุวัตถุประสงค์
“สนช.ก็คือมาจากพวกที่นิยมชมชอบในระบอบเผด็จการรัฐประหาร จึงต้องหาวิธีทางที่จะดิ้นรนให้กลับเข้ามาสู่วงจรเดิมอีก โดยการเข้ามาเป็นส.ว.สรรหาที่มีจิตปัญญานิยมชมชอบรัฐประหาร อำมาตยิปไตย เช่นเดียวกัน เพื่อให้ส.ว.สรรหามีอำนาจดังนั้นประชาชนควรรู้เท่าทันกระบวนการทำลายล้างระบอบประชาธิปไตยเหล่านี้ว่าคงอยู่ได้เพราะรัฐธรรมนูญปี50” นพ.เหวงกล่าว
เมื่อถามว่าแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเดินทางช้าลงหรืออาจถูกสกัดเพราะส.ว.สรรหารุ่น2 แกนนคปพร.กล่าวว่า ต้นตอปัญหาอยู่ที่รัฐธรรมนูญฉบับ2550ที่ว่างกรอบแนวทางให้ระบอบประชาธิปไตยต้องมีอุปสรรค เราไม่สามารถจะดำเนินการโดยตรงกับกลุ่มส.ว.สรรหาเหล่านี้เพราะกระบวนการทั้งหมดเป็นไปตามครรลองรัฐธรรมนูญ 2550 ซึ่งถือว่าเป็นไปตามหลักกฎหมายและประชาธิปไตยแม้จะมีที่มาโดยคมช.ก็ตาม
ทั้งนี้ในเมื่อต้นต่อมีปัญหาจึงควรเร่งแก้ปัญหาโดยรัฐสภาต้องเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญตามสัญญาที่ได้หาเสียงกับประชาชนเมื่อคราวที่มีการเลือกตั้งวันที่ 23 ธ.ค.2550 จึงอยากเรียกร้องให้ส.ส.พรรคพลังประชาชนเดินหน้าแก้ไขตามหน้าที่และตามครรลองประชาธิปไตย และยังคงยืนยันว่ารัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมฉบับคปพร. ไม่ได้ทำเพื่อช่วยพรรคการเมือง หรืออดีตนายกรัฐมนตรีตามที่ถูกกล่าวหา แค่นี่คือทางออกที่ลดแรงเสียดทานความรุนแรงได้ดีที่สุดเนื่องจากนี่คือการผลักดันให้แก้ไขจากแรงสนับสนุนของประชาชนอย่างบริสุทธิ์ใจ
“จะให้พวกอำมาตยาธิปไตยหรือพวกส.ว.สรรหาเหล่านี้หมดไปต้องแก้ที่ต้นตอคือรัฐธรรมนูญ50 เรื่องนี้ต้องอยู่ที่รัฐสภา ว่าจะมีความกล้าหาญหรือไม่ ถ้ามีผู้กล้าก็ต้องเดินหน้าต่อไป อยากขอร้องส.ส.ที่ประชาชนเขาเลือกไปนั่งอยู่ในสภาให้ช่วยมีจิตสำนึกในระบอบประชาธิปไตย มั่นคงในการแก้ไขตามที่ได้หาเสียงไว้ นี่แค่พันธมิตรฯขู่นิดหน่อยก็ทำกลัวกัน ซึ่งมันไม่ได้ต้องเดินหน้าต่อไป เสียงก็น่าจะพออยู่แล้ว ซึ่งร่างคปพร.นั้นคือทางออกที่มีจุดโจมตีน้อยที่สุดคือเป็นการเสนอโดยความบริสุทธิ์ใจของประชาชนที่ไม่มีผลประโยชน์กับพรรคการเมือง” แกนนำคปพร.กล่าว