รัฐบาลบาฮามาสอุ้ม"แม้ว" ให้ใช้ดินแดนตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น สั่งทูตช่วยชี้แจงประชาคมโลก หลายชาติในทวีปอเมริกาเล็งรับรองเป็นนายกฯที่ชอบธรรมของไทย "จตุพร"ยัน"ทักษิณ"มีพาสปอร์ตที่เข้าอังกฤษได้ พระพยอมห้ามมือ-ตีนตบเข้าวัด พร้อมให้ทุกฝ่ายใช้พื้นที่วัด ปลัด กห.ชี้อดีตผู้นำเก็บกด เชื่อคิดได้ว่าจะโฟนอินอีกหรือไม่ ทนาย"น่าน"ลาออก ประท้วง"เดชอุดม"ยุ่งการเมือง
@ "บาฮามาส"ให้"แม้ว"ตั้งรบ.พลัดถิ่น
รัฐบาลบาฮามาสให้พื้นที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตั้งรัฐบาลไทยพลัดถิ่น เรียกร้องขอความเป็นธรรมจากเวทีโลก พร้อมให้เจ้าหน้าที่ทางการทูตช่วยชี้แจงประชาคมโลก เพื่อรับรองรัฐบาลไทยพลัดถิ่นของ พ.ต.ท. ทักษิณ ขณะที่หลายประเทศในทวีปอเมริกา เตรียมให้การรับรองสถานะของ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าเป็นนายกรัฐมนตรีที่ชอบธรรมของไทย
ทั้งนี้ หนังสือพิมพ์ เดอะ ทริบูน หนังสือพิมพ์รายวันชื่อดังของบาฮามาส รายงานเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน ว่านายฮิวเบิร์ต อเล็กแซนเดอร์ อิงแกรห์ม วัย 61 ปี นายกรัฐมนตรีบาฮามาส ให้สัมภาษณ์ระบุว่า นอกจากรัฐบาลบาฮามาสจะมอบสถานะพลเมืองกิตติมศักดิ์ (Honourary citizenship) ให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ถูกทหารยึดอำนาจเมื่อปี 2549 แล้ว ทางรัฐบาลบาฮามาสเตรียมติดต่อให้ พ.ต.ท.ทักษิณสามารถใช้ดินแดนของประเทศบาฮามาสเป็นที่ตั้งรัฐบาลไทยพลัดถิ่น (Governments in exile) ได้เช่นกัน เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมจากเวทีโลก ในฐานะรัฐบาลที่ได้รับการยอมรับจากประชาชนไทยส่วนใหญ่
รายงานข่าวระบุว่า กระทรวงต่างประเทศบาฮามาสได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทางการทูตช่วยชี้แจงทำความเข้าใจถึงความชอบธรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณ และช่วยขอการรับรองรัฐบาลพลัดถิ่นของ พ.ต.ท.ทักษิณ ต่อประชาคมโลกแล้ว โดยเริ่มจากประเทศในทวีปอเมริกาก่อน ซึ่งมีรายงานว่า ขณะนี้มีดินแดนต่างๆ ในทวีปอเมริกา อาทิ บาร์เบโดส แอนติกาและบาร์บูดา โดมินิกา เซนต์คิตส์และเนวิส เซนต์ลูเชีย เกรนาดา เซนต์วินเซนต์และเกรนาตีนส์ เตรียมให้การรับรองสถานะของ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าเป็นนายกรัฐมนตรีที่ชอบธรรมของไทย รวมทั้งสถานะของรัฐบาลพลัดถิ่น
@ ทูตผู้ดีพบ"มาร์ค"หารือการเมือง
ด้านนายควินตัน เควลย์ เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่พรรคประชาธิปัตย์ โดยใช้เวลาหารือประมาณ 30 นาที ว่า นำเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศของอังกฤษมาพูดคุยถึงสถานการณ์การเมืองภายในประเทศไทย ซึ่งมีการไปพูดคุยกับพรรคการเมืองต่างๆ เช่นกัน ทั้งนี้ หวังว่าทุกฝ่ายจะแก้ปัญหาโดยสันติวิธีและใช้การเจรจามาหาทางออก
เมื่อถามว่า มีการพูดถึงการเพิกถอนวีซ่าของ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา ด้วยหรือไม่ นายเควลย์กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นการพิจารณาตามกฎหมายของอังกฤษ โดยกระทรวงมหาดไทยของอังกฤษเป็นผู้รับผิดชอบการพิจารณาเรื่องวีซ่า ทั้งนี้ การถอนวีซ่าของ พ.ต.ท.ทักษิณและภริยานั้นเป็นเพราะศาลของไทยได้ตัดสินจำคุกบุคคลทั้งสอง
@ "จตุพร"ยัน"ทักษิณ"เข้าอังกฤษได้
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน (พปช) และผู้ดำเนินรายการ "ความจริงวันนี้" กล่าวถึงรัฐบาลอังกฤษเพิกถอนวีซ่า พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน มีสาเหตุมาจากต้องคำพิพากษาจำคุก ว่าต้องรอดูกันต่อไป เพราะทางการอังกฤษไม่ทราบข้อเท็จจริงว่าคดีที่เกิดขึ้นมาจากกระบวนการไม่ยุติธรรม อย่างไรก็ตาม แม้ทางการอังกฤษจะไม่ออกวีซ่าให้ พ.ต.ท.ทักษิณอีก ก็ไม่เป็นไร เพราะขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ถือพาสปอร์ตอยู่หลายประเทศ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือพาสปอร์ตของบาฮามาส ซึ่งสามารถเดินทางเข้าประเทศอังกฤษได้
"กระแสข่าวเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนที่ระบุว่า ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ไม่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณเข้าประเทศนั้น ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณมีความสัมพันธ์อันดีกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์" นายจตุพรกล่าว
@ ปัดดึงศาสนาเอี่ยวการเมือง
นายจตุพรยังกล่าวตอบโต้กรณีที่มีการมองว่าจัดรายการความจริงวันนี้ ที่วัดสวนแก้ว จ.นนทบุรี ในวันที่ 23 พฤศจิกายนนี้ เป็นการนำการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องกับศาสนาว่า ไม่อยากตอบโต้ให้เสียปาก เพราะคนที่พูด ไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์ คนพวกนี้ก็เคยไปปราศรัยหาเสียงข้างโลงศพทั้งนั้น อย่ามาพูดเลย การจัดงานครั้งนี้ไปในนามรายการ "ความจริงวันนี้" อีกทั้งก่อนหน้านี้นายสมัคร สุนทรเวช อดีตหัวหน้า พปช. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เคยปราศรัยที่วัดสวนแก้วมาก่อนทั้งนั้น
"งานที่วัดสวนแก้ว ยังไม่มีการยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะโฟนอินเข้ามาหรือไม่ แต่การ จัดรายการในเวทีอื่น เราพร้อมให้ พ.ต.ท. ทักษิณโฟนอินเข้ามาได้ตลอดและเชื่อว่าการพูดจะไม่พาดพิงสถาบันหรือบุคคลอื่น" นายจตุพรกล่าว และว่า กรณีพระราชธรรมนิเทศ หรือพระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว จะขอเวลารายการความจริงวันนี้ เพื่อเทศนาธรรมกับผู้ร่วมงานนั้น มีความยินดีที่จะมอบเวลาให้
@ ห้ามพกมือ-ตีนตบเข้าวัด
ด้านพระพยอมกล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจได้เข้ามาเคลียร์พื้นที่และตรวจความเรียบร้อยภายในวัดแล้ว ทั้งนี้ การที่มีคนขู่ว่าจะวางระเบิด เพราะคิดว่าวัดสวนแก้วไม่มีความเป็นกลางและเปิดโอกาสให้กลุ่มเสื้อแดงมาใช้วัดเป็นเวทีนั้นต้องขอชี้แจงว่า ถ้าคนรู้จักวัดสวนแก้ว ก็น่าจะเข้าใจกำพืดของเจ้าอาวาสดี เพราะก่อนหน้านี้วัดเคยเปิดเวทีให้นายสมัคร และนายอภิสิทธิ์ มาประชันความคิดกัน และก่อนหน้านี้วัดก็เคยอำนวยความสะดวกในการต่อต้านจตุคามรามเทพ และต่อต้านอดีตพระยันตระ
"จะเสื้อขาว เสื้อเทา เสื้อเหลือง เสื้อแดง ก็มาใช้เวทีของวัดสวนแก้วได้เลย เราไม่ได้สงวนไว้ให้ใครกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เพราะเวทีของพรรคถือเป็นทางออกของปัญญา อาตมาก็อยากรู้เหมือนกันว่าการเมืองใหม่เป็นอย่างไร การที่แต่ละฝ่ายมาใช้เวทีของวัดไม่คิดว่าจะเป็นการใช้เพื่อเวทีทางการเมือง รวมถึงไม่เป็นการเอาศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ผู้ที่เข้ามาใช้พื้นที่ต้องอยู่ในกติกา ห้ามนำมือตบ เท้าตบเข้ามา และอาตมาจะใช้เวลาประมาณ 30 นาที เพื่อแสดงธรรมเทศนาในฉบับของอาตมา" พระ พยอมกล่าว และว่า การจัดรายการความจริงวันนี้สัญจร ควรจัดแบบปรมัตถ์ ไม่ควรจัดแบบสมมุติ และต้องพูดเนื้อหาที่ไม่เป็นการยั่วยุให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเกลียดชังกัน
@ กองเชียร์อยากฟัง"แม้ว"โฟนอิน
ต่อมาเวลา 14.00 น. นายจตุพร พร้อมนายวีระ มุสิกพงศ์ ผู้ดำเนินรายการความจริงวันนี้ เข้าพบพระพยอม เพื่อหารือและดูสถานที่เตรียมจัดรายการความจริงวันนี้ โดยภายหลังการหารือกันประมาณ 30 นาที พระพยอม กล่าวว่า ได้ให้คำแนะนำกับทางผู้จัดงานว่า ควรจะจัดงานให้เป็นไปด้วยความร่มรื่น สงบ เยือกเย็น แต่แฝงไปด้วยปัญญา
"ทางวัดไม่เคยตั้งข้อรังเกียจนักการเมืองกลุ่มนั้นกลุ่มนี้ด้วย ไม่ว่ากลุ่มผู้ที่จะมาขอจัดนั้นจะเป็นสีอะไร หากติดต่อมาขอใช้สถานที่ ทางวัดก็ไม่ปฏิเสธ และหลังจากนี้ไป หากใครจะมาขอจัดงานบ้าง ก็เชิญได้เลย เดี๋ยวจะหาว่าอาตมาเอียง" พระพยอมกล่าว
ด้านนายวีระกล่าวว่า เรื่องที่จะพูดในวันนั้น จะเอาความจริงมาพูดทั้งนั้น แต่ขออุบไว้ก่อน อยากให้มาติดตามฟังกันเอง ส่วนเรื่องความเหมาะสมของเนื้อหานั้น ไม่ต้องห่วง ผู้พูดบนเวทีในวันนั้นมีวุฒิภาวะ เพราะทุกคนรู้ว่า เมื่อมาพูดในวัดจะพูดกันอย่างไรให้เหมาะสม โดยจะเริ่มขึ้นเวทีตั้งแต่เวลา 13.00-16.00 น.
เมื่อถามว่า จะให้ พ.ต.ท.ทักษิณโฟนอินเข้ามาในรายการหรือไม่นั้น นายวีระย้อนถามว่า แล้วอยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณโฟนอินหรือเปล่า ซึ่งกลุ่มประชาชนแฟนรายการความจริงวันนี้ที่เดินทางมาด้วย ได้ตะโกนตอบว่า "ให้มีๆ ๆ" นายวีระจึงกล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณเป็นคนไทยคนหนึ่ง เป็นนายกรัฐมนตรีมาแล้ว ทำประโยชน์ช่วยเหลือประเทศมาก็มาก ดังนั้น พ.ต.ท. ทักษิณจะเป็นผู้ตัดสินใจเองว่าจะโฟนอินเข้ามาในงานหรือไม่
@ "อ๋อย-อดิศร-พงศ์เทพ"ร่วมงาน
นายวีระกล่าวอีกว่า คาดว่าจะมีประชาชนเดินทางมาร่วมงานเป็นจำนวนมากจนล้นวัด ซึ่งจะต้องปรับปรุงระบบเครื่องเสียงและติดวงจรปิด เพื่อให้ประชาชนที่เดินทางมาร่วมงานได้รับฟังชัดเจน และขอให้ประชาชนเดินทางมาด้วยรถประจำทาง รถสาธารณะแทน เนื่องจากพื้นที่จอดรถคงมีไม่เพียงพอกับผู้คนที่เดินทางมาร่วมงานอย่างแน่นอน ส่วนเรื่องการรักษาความปลอดภัยนั้น คงไม่เน้นมาก เพราะหากวัดยังไม่ปลอดภัย ก็ไม่รู้ว่าที่ไหนจะปลอดภัย
"ผู้ร่วมรายการนอกจากจะมีผม นายจตุพร และนายก่อแก้ว พิกุลทอง แล้ว จะมีนายจาตุรนต์ ฉายแสง นายอดิศร เพียงเกษ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย มาร่วมด้วย" นายวีระกล่าว
@ ปลัดกห.ชี้อดีตนายกฯเก็บกด
พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะเปิดเผยศัตรูทางการเมืองในการโฟนอินรอบสองว่า ไม่รู้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณให้สัมภาษณ์ด้วยอารมณ์อะไร อาจมีความเก็บกดในเรื่องที่ถูกยกเลิกวีซ่าถึงได้ออกมาพูดเช่นนั้น
"เราไม่อยากให้ท่านทำ ท่านคงคิดได้ว่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้นมา แต่คงเป็นเรื่องยากที่จะห้าม เพราะท่านคิดว่าทำแล้วได้ประโยชน์ก็คงห้ามไม่ได้ ผมคิดว่าท่านคงคิดได้ว่าทำแล้วจะเกิดอะไรกับตัวท่าน มันคงจบไม่ง่าย คงเกิดผลกระทบอะไรตามมา แต่คิดว่าคุณทักษิณคงได้เรียนรู้จากการโฟนอินในครั้งแรกแล้ว คิดว่าประชาชนคงไม่กระตือรือร้นที่จะฟังโฟนอินครั้งที่หนึ่ง ครั้งที่สอง ครั้งที่สาม ความจริงท่านควรกลับเข้ามาสู้คดี หากเห็นว่ากระบวนการของเรามีความไว้วางใจได้ อยากให้ท่านกลับมาพิสูจน์ตัวเอง ที่พูดไม่ได้เข้าข้าง แต่ส่วนตัวเชื่อว่าท่านคงไม่มา เพราะท่านไม่เชื่อกระบวนการยุติธรรม ท่านเลยไม่กลับมา" พล.อ.อภิชาตกล่าว
เมื่อถามว่า กองทัพคิดว่าสถานการณ์บ้านเมืองถึงทางตันหรือยัง พล.อ.อภิชาตกล่าวว่า คงไม่ถึงทางตัน ในส่วนของกองทัพคงไม่หมดหนทาง แต่ถ้าถึงทางตันจริง กองทัพคงต้องคุยให้หนักยิ่งขึ้น
@ "สานเสวนา"เชื่อไม่มีเหตุรุนแรง
ศ.นพ.วันชัย วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการศูนย์สันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า ในฐานะตัวแทนเครือข่ายสานเสวนาเพื่อสันติธรรม กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณอาจจะโฟนอินมาในรายการ "ความจริงวันนี้สัญจร" ที่วัดสวนแก้ว และขู่ว่าจะแฉบุคคลที่เป็นศัตรูทางการเมืองว่า เชื่อว่าพระพยอมจะตรวจถ้อยคำของ พ.ต.ท.ทักษิณอยู่แล้ว การโฟนอินเข้ามาในรายการความจริงวันนี้สัญจรเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ก็ไม่ได้ทำให้เกิดความรุนแรง แต่ถ้าสังคมร่วมกันรณรงค์ไม่ให้เกิดความรุนแรงสถานการณ์ก็จะดีขึ้น
ด้านนายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า ไม่ได้ใส่ใจรายการความจริงวันนี้อยู่แล้ว ซึ่งเคยบอกแล้วว่ารัฐบาลต้องรับผิดชอบที่มีการใช้สื่อของรัฐ ซึ่งรัฐบาลไม่ควรเปิดช่อง เพราะจะทำให้สังคมเกิดความขัดแย้ง
@ "ขุนค้อน"ไม่ก้าวล่วงโฟนอิน
นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีสภาทนาย ความแถลงการณ์ระบุว่าการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา พาดพิงถึงกระบวนการยุติธรรมว่า เรื่องนี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลอยู่แล้ว และผลสอบตำรวจก็สรุปออกมาว่าไม่เข้าข่ายความผิด ไม่ใช่หน้าที่ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมจะเข้าไปก้าวล่วง แต่หากเรื่องมาถึงก็จะขอดูอีกที แต่ตอนนี้ไม่อยากวิพากษ์วิจารณ์ให้เป็นประเด็นการเมือง
ส่วนกรณีโฆษกพรรคเพื่อไทยเรียกร้องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานนายกสภาพิเศษ ถอดถอนนายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ นายกสภาทนายความ ที่ออกแถลงการณ์เรื่องการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ นายสมศักดิ์กล่าวว่า ยังไม่ทราบรายละเอียด ยังไม่ได้รับการประสานมา แต่ยอมรับว่าเรื่องนี้อยู่ในการพิจารณา
@ 11ทนายน่านประท้วง"เดชอุดม"
ด้านนายศุภดิษฐ์ บำรุงพฤกษ์ ประธานสภาทนายความ จ.น่าน พร้อมคณะกรรมการ รวม 11 คน แถลงลาออกจากกรรมการสภาทนาย ความ จ.น่าน ถึงนายกสภาทนายความ เพื่อประท้วงกรณีนายเดชอุดมแถลงการณ์วิจารณ์การโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยระบุว่านายเดชอุดมแสดงบทบาทนอกเหนือวัตถุประสงค์และอำนาจหน้าที่ตามมาตรา 7 และมาตรา 8 แห่ง พ.ร.บ.ทนายความ พ.ศ.2528 พร้อมทั้งเรียกร้องให้คณะกรรมการสภาทนายความแสดงจุดยืนอยู่บนความเป็นกลาง ในการเรียกร้องให้สังคมเคารพกฎหมายและต่อต้านการใช้ สิทธิเสรีภาพที่เกินขอบเขต หรือการใช้กฎหมู่ ทั้งปวง
นายศุภดิษฐ์กล่าวว่า แถลงการณ์ของนายเดชอุดมควรจะแสดงออกในฐานะส่วนตัวหรือกลุ่มบุคคล แต่กลับใช้ชื่อขององค์กรสภาทนายความ ไปให้ท้ายกลุ่มพันธมิตรที่ละเมิดกฎหมาย ทั้งที่นักกฎหมายจะต้องเป็นผู้นำทางสังคมให้เคารพกฎหมายและสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น ต่อต้านการใช้เสรีภาพที่เกินขอบเขตทั้งปวงโดยไม่มีเงื่อนไข
"มีเพื่อนทนายความ จ.น่าน หลายคน ไปว่าความที่ จ.อุตรดิตถ์ ระหว่างไปซื้อของที่ตลาดถูกประชาชนเยาะเย้ยถากถาง เพราะคิดว่าเป็นทนายความของกลุ่มพันธมิตร สาเหตุมาจากเข้าใจผิดในแถลงการณ์ของนายเดชอุดมและพวก ทั้งที่การเคลื่อนไหวทางการเมืองดังกล่าวไม่เคยหารือสมาชิกสภาทนายความทั่วประเทศเลย รู้สึกอับอายและเสื่อมเสียเกียรติภูมิในวิชาชีพทนายเป็นอย่างมาก" นายศุภดิษฐ์กล่าว และว่า ขอประณามนักกฎหมายที่สนับสนุนการใช้กฎหมู่ หรือวิถีทางนอกกฎหมาย ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ทรยศต่อวิชาชีพของตน