WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Friday, November 14, 2008

'แป๊ะลิ้ม'ประชาชนผู้วิกลจริตแห่งปี้


คอลัมน์ : สวัสดีวันจันทร์

โดย วีระ มุสิกพงศ์


ถึงแม้จะไม่ได้เป็นนักจิตวิทยาและถึงแม้จะไม่ใด้เป็นแพทย์แต่วันนี้ข้าพเจ้าขอทำหน้าที่ตรวจสอบสภาพจิตของนายสนธิ ลิ้มทองกุล 1 ในผู้นำม็อบพันธมิตรซึ่งกระทำการท้าทายกฎหมายไทยอยู่ในทำเนียบรัฐบาลสักหน่อย

เมื่อวันสารทกลางเดือน 10 ที่ผ่านมา นายสนธิได้ปราศรัยกับสาวกที่มาร่วมชุมนุมถ่ายทอดสดทาง ASTV ให้คนได้ชมทั่วประเทศพร้อมกันว่าได้นั่งสมาธิเป็นเวลา 30 นาทีพบว่าในบริเวณทำเนียบรัฐบาลมีสัมภเวสีล่องลอยอยู่มากมายจึงชักชวนกันทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้วิญญาณเหล่านั้น

วันสารทกลางเดือน 10 นั้นตามประเพณีที่ทำกันมาคนไทยทั่วไปจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้บรรพบุรุษผู้ล่วงลับทั้งหลายอยู่แล้ว โดยเฉพาะ เปรตชน ซึ่งเชื่อกันว่าตกทุกข์ได้ยากอยู่ในภพภูมิที่ไม่พึงประสงค์

การอ้างว่า พบเห็นสัมภเวสีจำนวนมากในบริเวณทำเนียบรัฐบาลในช่วงนั้นมีเหตุผลพอที่จะทำให้ผู้คนผู้ด้อยเหตุผลหลงเชื่อตามไปได้ง่าย เพราะเขาเหล่านั้นขาดการปฏิบัติศีล - สมาธิอยู่แล้วเป็นนิจกาล จึงไม่สามารถตั้งคำถามว่า คนอย่างนายสนธิ ลิ้มทองกุล นั้นหรือที่สามารถนั่งสมาธิภาวนา 30 นาทีแล้วพบเห็นสัมภเวสีได้เหมือนเปิดโทรทัศน์ดูละคร

ในทางตรงกันข้าม ถ้าเป็นคนที่รู้จักใช้สติ – ปัญญา ขบคิดปัญหาอยู่บ้าง เขาก็ต้องตั้งคำถามมากมายถึงวัตรปฏิบัติของคนที่ชอบอวดอ้างความเป็นผู้ทรงศีลและปฏิบัติภาวนาว่าระดับใดที่ควรจะพบเห็นอะไร

ถ้าระดับที่ยังรักษาศีล 5 ไม่ได้ คงรักษาได้แต่ศีล 4 หรือไม่ก็ศีล 3 คืออาจขาดข้อ กาเม กับ มุสา แล้วละก็เลิกพูดกันได้เลยกับว่า สมาธิ

ทั้งนี้ไม่ต้องอ้างเหตุผลเดียวกับที่นายรัก รักพงษ์ เคยอ้างว่าการประพฤติธรรมของเขาไม่ต้องอาศัยหลักคำสอนจากใครหรืออิงพระไตรปิฎกใดๆ เป็นการปฏิบัติเอง รู้เอง เห็นเอง ให้เสียเวลา

ต่อมา เมื่อครอบครัวความจริงวันนี้จัดชุมนุมคนเสื้อแดงต้านรัฐประหารที่ ‘ราชมังคลากีฬาสถาน’ เมื่อวันที่ 1 พ.ย. และปรากฏว่ามีประชาชนผู้รักประชาธิปไตยไปชุมนุมกันมากเรือนแสน ดังที่สื่อมวลชนทุกแขนงได้รายงานข่าวให้ทราบทั่วกันแล้ว

เหตุการณ์นี้ทำให้นายสนธิ ลิ้มทองกุล หยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นปราศรัยต่อสาวกของเขาโดยออกอากาศทาง ASTV เช่นเคย โดยนายสนธิได้เล่าให้สาวกฟังว่า ก่อนการปราศรัยทางการเมืองและการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร บนเวทีของ ความจริงวันนี้สัญจร ครั้งที่ 2 ได้มีการจัดการแสดงละคร โดยนักแสดงอาชีพให้คนเสื้อแดงได้ดูกัน เนื้อเรื่องของละครนั้นเป็นทำนองเรื่องจักรๆ วงศ์ๆ ที่มีพระราชา ปุโรหิตและโอรสซึ่งเป็นรัชทายาท ซึ่งข้าพเจ้าไม่ต้องการนำมาเล่าซ้ำในที่นี้ เพราะมีการเทียบเคียงเนื้อเรื่องไปถึงประธานองคมนตรีและอื่นๆเป็นตุเป็นตะเพื่อให้สาวกของตนเองเห็นว่า เวทีความจริงวันนี้ กระทำในสิ่งไม่บังควร

การพูดของนายสนธิครั้งนี้ ทำให้ข้าพเจ้าและเพื่อนพ้องงุนงงเป็นอย่างมาก เพราะทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ในวันนั้นไม่ว่าจะเป็น ผู้จัด นักร้อง นักดนตรี ตำรวจ ผู้สื่อข่าวทุกแขนง และประชาชนคนเสื้อแดงทุกคนต่างก็ไม่เห็นว่า บนเวทีมีการแสดงละครไม่ว่าเรื่องนี้หรือเรื่องใดๆ

การที่คนซึ่งมีฐานะเป็นแกนนำของกลุ่มพันธมิตรระดับ 1 ใน 5 หรืออาจเป็นระดับ 1 ใน 2 ด้วยซ้ำยกข้อความใดมากล่าวปราศรัยต่อประชาชนจำนวนมาก ย่อมเป็นที่เชื่อกันเบื้องต้นว่าน่าจะเป็นเรื่องจริง ไม่ใช้เรื่องโกหก หรือเรื่องที่เสกสรรค์ปั้นแต่งขึ้น

แต่เรื่องที่นายสนธิ นำมาเล่าในครั้งนี้ กลับปรากฏว่าไม่มีความจริงแม้แต่สัก 1% คือมันเป็นศูนย์ ไม่มีมูล ไม่มีเหตุ ไม่มีเค้า แม้แต่ ความคิด ของคณะผู้จัดงาน
ดังนั้น เราจึงสามารถสรุปได้ว่า นายสนธิได้นำความเท็จมากล่าวเพื่อทำให้เกิดความเกลียดชังแก่คณะความจริงวันนี้เท่านั้นเอง

พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำอีกคนหนึ่งของพันธมิตรเคยเผยแพร่พระพุทธ วัจนะที่ว่าคนพูดเท็จจะไม่ทำความชั่วอย่างอื่นเป็นไม่มี ประเด็นนี้ไม่ทราบว่า 2 ผู้นำของพันธมิตรฯ เคยยกขึ้นเป็นหัวข้อสนทนากันบ้างหรือไม่ นับตั้งแต่กินอยู่หลับนอนด้วยกันในทำเนียบรัฐบาลเป็นเวลานานหลายเดือน

ข้าพเจ้าเองไม่คุ้นเคยกับคนที่มีความประพฤติเช่นนี้ จึงอดนำมาวิเคราะห์สภาพจิตไม่ได้ว่า คนที่สามารถพูดความเท็จต่อสาธารณชน โดยที่รู้อยู่ว่าคนจำนวนมากกว่าอีกกลุ่มหนึ่งรู้อยู่ว่าเป็นความเท็จ ต้องใช้ความกล้าหาญเพียงใดและสภาพจิตของเขาในขณะนั้นเป็นอย่างไร

เป็นไปได้หรือไม่ที่คนคนหนึ่งเมื่อถูกกดดันจากสถานการณ์จนไม่มีทางออก เขาอาจจินตนาการหรือสร้างเรื่องขึ้นมาเป็นเรื่องเป็นราว แล้วนำเรื่องในจินตนาการนั้นไปเล่าสู่คนอื่นๆฟัง โดยตัวเขาเองสำคัญว่าเป็นเรื่องจริง

นายสนธิ ลิ้มทองกุล กำลังตกอยู่ในสถานะเช่นนั้น หรือว่าเขาเจตนาโกหก โดยที่มีความมั่นใจว่ามวลชนพื้นฐานของเขาพร้อมที่จะเชื่อหรือไม่ว่าเขาจะพูดอะไร

วันสองวันมานี้เอง ข้าพเจ้าได้เห็นนายสนธิ ชักชวนให้สาวกของเขาในทำเนียบรัฐบาลนุ่งขาวห่มขาวถือศีล 5 โดยเคร่งครัด แม้คำเชิญชวนเป็นเรื่องดี แต่เมื่อคำเชิญชวนนี้ออกมาจากปากนายสนธิ แทนที่จะออกมาจากปากพล.ต.จำลอง ศรีเมือง ข้าพเจ้าก็รู้สึกมีวิจิกิจฉาคือความสงสัย

สงสัยว่าคนอย่างนายสนธิ นี้หรือชักชวนผู้คนให้ร่วมปฏิบัติธรรม ?
เขามีความพร้อมทั้งกาย วาจา ใจที่จะทำเช่นนั้นละหรือ ?
ครับ ข้าพเจ้ากำลังมีความสงสัยว่านายสนธิ ลิ้มทองกุลเป็นคนป่วย
ท่านผู้อ่านว่าข้อวิเคราะห์ของข้าพเจ้ามีเหตุผลเพียงพอหรือไม่ ?