ที่มา ไทยรัฐ
เมื่อวันที่ 22 มี.ค. เวลา 10.00 น. ที่อิมแพค เมืองทองธานี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ ถึงกรณีมีข่าวว่าการปรับ ครม.ครั้งหน้าจะดึง ส.ส.พรรคเพื่อแผ่นดิน กลุ่ม พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ที่ยกมือสนับสนุน เข้าร่วมรัฐบาลด้วยว่า ยังไม่มีแนวคิดที่จะปรับคณะรัฐมนตรี ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ว่าที่หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดินแต่งตัวรอเป็นรัฐมนตรีอยู่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่าขอบคุณที่สนับสนุนรัฐบาล แต่ต้องนำไปคุยกับคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล หรือวิปรัฐบาลก่อน
เมินโพล-ป้อง “กษิต” ทำงานดี
ผู้สื่อข่าวถามถึงผลสำรวจความเห็นประชาชนที่ส่วนใหญ่เห็นว่าควรปรับนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศออกจากตำแหน่งนั้น นายอภิสิทธิ์ตอบว่า พร้อมที่จะรับฟังและนำไปประเมิน แต่เห็นว่านายกษิตทำงานได้ดี และมีความระมัดระวังมากขึ้น ผู้สื่อข่าวถามถึงกลุ่มคนเสื้อแดงที่จะมาปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลวันที่ 26 มีนาคมนี้ นายกรัฐมนตรีตอบว่าให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคงดูแล โดยยังคงมีจุดยืนเดิมในการรักษากฎหมายและหลีกเลี่ยงการปะทะ
สัปดาห์หน้านัดถกปฏิรูปการเมือง
ผู้สื่อข่าวถามว่า การปฏิรูปการเมืองได้มีการหารือกับฝ่ายค้านหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ยังไม่ได้คุยเพราะบรรยากาศยังไม่เอื้อ แต่สัปดาห์หน้าจะได้คุยแน่นอน เมื่อถามว่า แต่จากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ฝ่ายค้านมีท่าทีไม่เห็นด้วย นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ขณะเดียวกัน ฝ่ายค้านเองก็อยากให้เดินหน้า และต้องถามกลับไปว่า ถ้ามีข้อเสนอที่ดีกว่าก็ยินดี ตนยึดที่ตัวสถาบันมากกว่าตัวบุคคลและเป็นสถาบันที่อิงอยู่กับฝ่ายนิติบัญญัติ และยินดีเป็นตัวกลางประสาน
นายกฯสั่งเร่งพัฒนาพื้นที่ภาคใต้
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้าจะมีการหารือในเรื่องภาคใต้และจะเน้นเรื่องการพัฒนาที่ขาดหายไปในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (ศสช.) ไปรวบรวมโครงการและปัญหาอุปสรรค ที่จะกระทบต่อการพัฒนาพื้นที่ภาคใต้ เพราะการรวบรวมข้อมูลทั้งหมดจะช่วยให้งานเดินหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดความรวดเร็วในการดำเนินการ อีกทั้งยังจะช่วยสนับสนุนการทำงานของหน่วยงานด้านความมั่นคงได้อีกทางหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ตนยังไม่ทราบว่าจะมีเรื่องการบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่เข้าสู่วาระการประชุมหรือไม่ เพราะรัฐบาลกำลังประเมินผลการบังคับใช้กฎหมาย และจะมีการสรุปในช่วงเดือนเมษายนนี้ และตนมีความตั้งใจที่จะลงไปดูปัญหาในพื้นที่ด้วยตัวเอง “ผมตั้งใจว่าจะลงพื้นที่ให้ครบทุกภาค รวมถึง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ต้องดูเวลาที่เหมาะสม ซึ่งอาจจะลงไปในช่วงที่ปิดสมัยประชุมสภาฯ รวมถึงรัฐมนตรีคนอื่นๆ ก็จะลงพื้นที่อย่างเต็มที่ในช่วงเวลาดังกล่าว”
ปลื้มสภาฯลงมติไว้วางใจให้อยู่ต่อ
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 09.00 น. ที่อิมแพค เมืองทองธานี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้พูดออกรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” ผ่านทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย NBT และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย โดยนายอภิสิทธิ์กล่าวว่า สัปดาห์ที่ผ่านมาเชื่อว่าพี่น้องประชาชนจำนวนมาก ได้ติดตามเรื่องของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งถือว่าเป็น กระบวนการสำคัญในระบอบประชาธิปไตย ฝ่ายค้านได้ ยื่นญัตติไม่ไว้วางใจตนและรัฐมนตรีอีก 5 ท่าน และขอขอบคุณ ส.ส.ได้ลงมติไว้วางใจตนและรัฐมนตรีทั้ง 5 ท่าน ให้ดำเนินการบริหารราชการแผ่นดินต่อไป ตลอดระยะเวลา 2 วันที่มีการอภิปรายนั้น ได้พยายามชี้แจงข้อเท็จจริงที่เป็นข้อสงสัยคำถามของเพื่อนสมาชิกฝ่ายค้านให้มากที่สุด ให้ครอบคลุมที่สุด เท่าที่เวลาจะอำนวยได้ คิดว่า หลายคนที่ได้ติดตามการอภิปรายคงได้ประโยชน์ไม่มากก็น้อย ได้รับทราบคำถาม คำสงสัย หรือคำกล่าวหาของทางสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฝ่ายค้าน ขณะเดียวกันตนและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องได้พยายามชี้แจงคำถาม หรือข้อกล่าวหาเหล่านั้นให้ดีที่สุด ซึ่งจะครอบคลุมถึงนโยบายรัฐบาลในหลายเรื่องด้วยกัน กระบวนการนี้เป็นกระบวนการ ที่มีคุณค่าในระบอบประชาธิปไตย ประเด็นใดซึ่งเป็นข้อท้วงติงของเพื่อนสมาชิกฝ่ายค้าน ที่ตนเห็นว่าเป็นประโยชน์ ก็จะนำเอากลับมา และจะให้ทางสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี รวบรวมประเด็นเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความมั่นคง หรือเรื่องอื่น ๆ ที่ได้มีการหยิบยกในการอภิปรายขึ้นมา
ย้ำรัฐบาลเป็นห่วงคนตกงาน
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลก็เดินหน้าทำงานอย่างเต็มที่ วันนี้ที่มาที่อิมแพค เมืองทองธานีก็เป็นหนึ่งในโครงการเร่งด่วนของรัฐบาล คิดว่าตลอดระยะเวลา 2-3 เดือนที่ผ่านมา มีความห่วงใยว่าเมื่อเศรษฐกิจหดตัว เพราะว่าเศรษฐกิจโลกประสบกับวิกฤติรุนแรง สิ่งที่ห่วงที่สุดก็คือพี่น้องประชาชนที่ตกงาน หรือไม่มีงานทำ หรือกำลังกังวลว่าจะตกงาน รวมไปถึงนิสิต นักศึกษา ทั้งหลายที่กำลังจะจบการศึกษา เพราะฉะนั้น นอกจากการที่จะประคับประคองหรือการกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว นโยบายหรือโครงการสำคัญข้อหนึ่งของรัฐบาลคือการดูแลในเรื่องของการที่จะรองรับปัญหานี้ ในส่วนของกระทรวงแรงงานก็ทำงานต่อเนื่อง ทราบว่าจะมีการจัดวันนัดพบแรงงาน กรุงเทพมหานครจัดไปแล้ว ที่ผ่านมาสามารถจัดหางานได้ทันทีจำนวนไม่น้อย และจะเดินสายในต่างจังหวัดต่อไป
“ต้นกล้าอาชีพ” ช่วยเหลือผู้ตกงาน
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ในส่วนของรัฐบาลได้จัดโครงการเป็นพิเศษขึ้นมาตามงบประมาณกลางปีหรืองบเพิ่มเติม ที่เราได้ผ่านสภาฯ มา 6,900 กว่าล้านบาท เพื่อที่จะมาทำโครงการที่เราเรียกว่า “ต้นกล้าอาชีพ” สิ่งที่เกิดขึ้นคือเปิดโอกาสให้พี่น้องประชาชนตั้งแต่อายุ 18-60 ปี ที่สนใจสามารถสมัครเข้ามาเพื่อรับการฝึกอบรม การฝึกอบรมจะมีหลากหลาย จะเป็นทักษะในเรื่องของงานธุรการ งานคอมพิวเตอร์ เรื่องอาหาร เรื่องอะไรก็แล้วแต่ มีให้เลือกมากมายพอสมควรทีเดียว และได้ลงโฆษณาให้สมัครเข้ามาได้ ไม่ว่าจะเป็นทางหนังสือพิมพ์ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของเว็บไซต์ และวันนี้มีการจัดงานเป็นพิเศษที่เมืองทองธานี จะจัดไปถึงสามทุ่ม เพราะฉะนั้นพี่น้องประชาชนที่สนใจอยากจะเข้ามาร่วมโครงการ สามารถมาแวะเยี่ยมชมได้ เราเปิดสมัครวันที่ 18-24 ของทุกเดือน เมื่อปิดวันที่ 24 ไปแล้วก็รอเดือนหน้า 18-24 เดือนหน้าก็จะมีการเปิดรับสมัครอีก ซึ่งจะเปิดรับสมัครที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทั่วประเทศ ผู้ที่เข้ามาจะมารับการฝึกอบรมอาชีพในระยะสั้น ระหว่างที่ฝึกอบรมจะได้รับทั้งเรื่องของค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าพาหนะ และที่สำคัญที่สุดคือว่าหลังจากรับการฝึกอบรมไปแล้ว ถ้ากลับไปภูมิลำเนาเดิมของท่าน จะมีเงินช่วยเหลือหลังการฝึกอบรมให้ด้วย ซึ่งอาจจะเป็นเงินที่ท่านสามารถนำไปใช้เป็นทุนเพื่อเริ่มกิจการต่างๆได้
กระตุ้น ศก.เห็นผลใน 2 เดือน
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ในเรื่องของเศรษฐกิจอย่างที่ตนได้ย้ำมาโดยตลอดว่า ภาวะเศรษฐกิจโลกยังอยู่ในภาวะที่น่าเป็นห่วง รัฐบาลได้มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบแรก ผลของการกระตุ้นเศรษฐกิจคงจะเห็นชัดในช่วงประมาณ 2-3 เดือนข้างหน้า เพราะว่าหลังจากนี้ไปเม็ดเงิน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโครงการ “เช็คช่วยชาติ” ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผู้สูงอายุ ไปจนถึงโครงการการเรียนฟรี เงินส่วนใหญ่จะออกตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม คือสัปดาห์ หน้าเป็นต้นไป ตลอดเดือนเมษายน พฤษภาคม ต้นเดือนเมษายน เราจะมีการจัดงานเรื่องของ OTOP ด้วย และเรื่องของมหกรรมที่เกี่ยวข้องกับทางด้านเศรษฐกิจด้วย หวังที่จะสร้างความคึกคักขึ้นมา เพื่อให้เกิดความหมุนเวียน แต่ว่าในระยะกลาง ระยะยาว คำตอบที่จำเป็นจะต้องมีคือเราจะต้องลงทุนเพิ่มเติม เพื่อเสริมสร้างความสามารถของเศรษฐกิจไทย และเพื่อที่จะให้ประเทศไทยมีความพร้อม มีขีดความสามารถในการแข่งขันมากขึ้น
ดันลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเข้า ครม.
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า สัปดาห์หน้ารัฐบาลเสนอกรอบการเจรจากู้เงินประมาณ 70,000 ล้านบาท ซึ่งจะเข้ามาทำโครงสร้างพื้นฐาน จะเป็นเรื่องแหล่งน้ำ ถนน หนทาง ส่วนหนึ่ง เพื่อที่จะใช้จ่ายเงินในช่วงของปีงบประมาณนี้เป็นต้นไป มีหลายคนเป็นห่วงเรื่องการกู้เงิน ตนย้ำอีกครั้งว่ารัฐบาลทุกยุคทุกสมัยแทบจะเรียกได้ว่ามีการกู้เงินทั้งสิ้น เพื่อมาลงทุน สิ่งสำคัญคือว่า 1. อย่า กู้เงินจนเกินเลยขอบเขตของมาตรฐานสากลที่เขามีอยู่ว่าจะไปกระทบกระเทือนกับการเงินการคลังของประเทศในวันข้างหน้า รัฐบาลดูแลเรื่องนี้แน่นอน และ 2. คือกู้เงินมาเพื่อใช้เงินให้คุ้มค่า เรากำลังกู้เงินมาในขณะนี้คือทำในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐาน ตนได้เอาตัวเลขต่างๆ มาดูเห็นว่าจากการที่เศรษฐกิจโลกกำลังจะชะลอตัว หดตัว การค้าหดหายไป 20-30 เปอร์เซ็นต์ เราจำเป็นที่จะต้องมีเงินมาชดเชยในระบบเศรษฐกิจ เพราะฉะนั้น 3 ปีข้างหน้าตั้งใจว่ารัฐบาลเองจะต้องเป็นผู้ลงทุนประมาณ 1 ล้าน 4 แสนล้านบาท หรือ 1.4 ล้านล้านบาท กำลังจะทำโครงการในรายละเอียด จะมีทั้งเรื่องของรถไฟความเร็วสูง ปรับปรุงในเรื่องของรถไฟ ปรับปรุงในเรื่องของถนน รวมทั้งถนนไร้ฝุ่น ลงทุนกันขนานใหญ่ในเรื่องของแหล่งน้ำ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในด้านของชลประทาน นอกจากนั้น ยังจะมีการปรับปรุงในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา และการสาธารณสุขด้วย รายละเอียดนี้จะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจในวันพุธที่จะถึงนี้
สร้าง 5 รั้วป้องกันภัยยาเสพติด
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า สัปดาห์ที่ผ่านมาได้เปิดตัวโครงการในเรื่องของการรณรงค์ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ที่พี่น้องประชาชนร้องเรียนมาโดยตลอด ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา เรามีคนที่ติดยาเสพติดเพิ่มขึ้นเป็นหลักแสน ได้พยายามที่จะทำเรื่องนี้ให้เป็นระบบบูรณาการ บอกให้ทุกหน่วยงานต้องถืองานนี้เป็นงานหลัก ได้ให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เข้ามามีบทบาทเป็นฝ่ายอำนวยการ ฝ่ายประสานงาน เพื่อรองรับกับนโยบายที่ทางสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ได้ดำเนินการมา หลักสำคัญความจริงก็มีการถ่ายทอดทางโทรทัศน์ไปแล้ว คือว่าเราบอกต้องสร้างเป็นรั้วป้องกัน ไม่ว่าจะเป็นรั้วชายแดนป้องกันไม่ให้แหล่งผลิตจากต่างประเทศส่งยาเสพติดเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นรั้วในสังคม สร้างพื้นที่ดีๆ พื้นที่ที่สร้างสรรค์ เพื่อป้องกันการติดยาเสพติดจากการที่มีการไปมั่วสุม อาจจะเป็นสถานบันเทิงที่ผิดกฎหมาย อาจจะเป็นปัญหาเรื่องร้านเกมส์ โต๊ะพนันหรืออะไรต่างๆ ต้องทำรั้วป้องกันตรงนี้อย่างเต็มที่ ทำรั้วในส่วนของชุมชน ทำรั้วในส่วนของครอบครัว และทำรั้วในส่วนของสถานศึกษา และในช่วงสั้นๆ ที่รัฐบาลเข้ามาบริหาร ได้มีการเข้าไปปราบปราม มีการยึดหลักเป็นหลักร้อยล้าน ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเอง ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนมากเมื่อเทียบกับในช่วงปีที่ผ่านมา เราทำตรงนี้ได้โดยไม่ต้องไปใช้มาตรการในลักษณะที่จะไปกระทบกับเรื่องของสิทธิมนุษยชน เพราะฉะนั้นงานตรงนี้ก็จะดำเนินการอย่างเข้มแข็ง
เร่งแก้ความเดือดร้อนให้ประชาชน
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ครม.ได้เร่งสะสางงานเต็มที่ คือ 1. ปัญหาภัยธรรมชาติ มีการตั้งกลไกขึ้นมาดูแล เตรียมรับปัญหาภัยแล้งในขณะนี้อย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันงบที่ค้างในเรื่องการช่วยเหลือทั้งน้ำท่วม ภัยแล้งปีที่แล้ว ครม.ดำเนินการอนุมัติไปหมดแล้ว ถ้าจะมีค้างอยู่มีเหลืออีกนิดเดียวเท่านั้นเอง ปัญหาเรื่องของพืชผล ซึ่งโครงการบางโครงการมีปัญหามา เช่น ข้าวโพดมีปัญหาช่วงรอยต่อระหว่างที่ว่าจะมีขยายโควตาหรือไม่ ครม.แก้ไขปัญหาไปแล้ว มันสำปะหลังยังมีปัญหาอยู่ ตนกำลังจะเร่งไปดูในเรื่องของการขาดแคลน ลานที่เข้ามาร่วมในโครงการรับจำนำในหลายพื้นที่ รวมทั้งภาคตะวันออกที่จังหวัดชลบุรี ซึ่งตนไปมาเมื่อวานนี้ แล้วก็มีชาวไร่อ้อยนัดพบกับตน พอดีมีไม่ไว้วางใจ ก็คงจะเป็นสัปดาห์หน้า ส่วนการเร่งรัดงบประมาณลงไปในพื้นที่ โดยเฉพาะงบฯของท้องถิ่น ซึ่งยังค้างอยู่ รวมทั้งเป็นประเด็นที่หยิบยกมาในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ขณะนี้ตนได้รวบรวมปัญหา อุปสรรคตัวเลขมาหมดแล้ว ก็จะเร่งแก้ไขต่อไป
เอาจริงเดินหน้าเก็บภาษีมรดก
นายอภิสิทธิ์กล่าวตอบข้อซักถามเกี่ยวกับแผนจัดเก็บภาษีมรดกว่า รัฐบาลยังยืนยันที่จะเดินหน้าต่อไปซึ่งคงต้องตราเป็นกฎหมายเพราะหากไม่ทำ วิกฤติเศรษฐกิจจะกระทบเป็นลูกโซ่ ขอยืนยันว่ารัฐบาลนี้ วางแผนในระยะยาวปัญหานี้ พร้อมยืนยันว่าเงินประกันตน 2,000 บาท จะถึงมือประชน 26 มี.ค.นี้ และหากมีความไม่โปร่งใสขอให้แจ้งตรงมาที่ตนเองได้จะได้แก้ปัญหาให้ทันท่วงที
วอนเสื้อแดงยุติแผนตากสินป่วนชาติ
นายอภิสิทธิ์กล่าวในช่วงท้ายว่า รัฐบาลนี้จะเปิดกว้างพร้อมรับความคิดเห็นจากทุกฝ่ายโดยจะไม่แบ่งสีเสื้อ และรัฐบาลจะไม่เป็นคู่กรณีกับใคร แม้ว่าจะไม่สามารถทำให้ทุกคนยอมรับความคิดเห็นทางการเมืองตรงกันได้ แต่ขอร้องว่าอย่าขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่การเคลื่อนไหวขอให้อยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย ยืนยันว่าตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มีระยะเวลาที่จำกัดตามรัฐธรรมนูญ โดยอุปนิสัยส่วนตัวไม่ยึดติดกับตำแหน่ง แต่ขอทำหน้าที่นี้เพื่อชดใช้หนี้แผ่นดิน ส่วนกระแสข่าวเรื่อง “แผนตากสิน” เพื่อใช้ล้ม รัฐบาลนั้น ยืนยันไม่ได้ว่ามีจริงหรือไม่ แต่ก็เคยเห็นว่ามันมีเอกสาร มีคนที่มีความคิดนี้อยู่ แต่ไม่รู้ว่ามันกว้างขวางขนาดไหน รู้สึกเป็นห่วงว่า ถ้ามีแนวคิดอย่างนั้น ก็ขอร้องว่า เราคิดแตกต่างทางการเมืองไม่เป็นไร แต่ขอให้อยู่ภายใต้กติกา อย่างเช่นการตรวจสอบตามระบบรัฐสภาเหมือนที่ผ่านมา 2 วัน ตนขอให้คิดถึงประโยชน์ส่วนรวมเป็นใหญ่ ส่วนการต่อต้านกันนั้น ถ้ากลุ่มต่อต้านใช้วิธีเคลื่อนไหว อยู่ในกรอบของกฎหมายปกติ เสียงสะท้อนของท่านก็น่าจะไปถึงคนที่ท่านต้องการที่จะให้ได้ยินอยู่แล้ว แต่ถ้าไปทำอะไรที่รุนแรงหรือผิดกฎหมายนั้น อาจจะสะใจคนบางกลุ่ม แต่คนทั้งประเทศจะเสียหาย ดังนั้นจึงไม่อยากให้ทำ