ควันหลงจากการ อภิปรายไม่ไว้วางใจ เที่ยวนี้.....ชี้ให้เห็นภาพที่คลุมเครือใน พรรคเพื่อไทย ชัดเจนขึ้น.....แม้เนื้อหาที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อภิปราย กรณีเงิน 263 ล้าน จะมี ใบเสร็จ และสามารถดำเนินการตามขั้นตอนของ การยุบพรรคการเมือง ได้.....แต่เผอิญเสียงในพรรคฝ่ายค้านเองก็ไม่แน่น............
“อินทรีเหล็ก” ได้ยินมา แม้แต่ ประเด็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐบาล....ก็มี รายการกั๊ก กันเกิดขึ้น.....ความเห็นของ แกนนำพรรค ก็ยังไม่ลงตัว กลายเป็น ข้อบาดหมาง ในพรรคไปฉิบ.....โทษไม่ได้เมื่อพรรคเพื่อไทยก็อยู่ในระยะขาลง......ทำได้แค่นี้ก็ถือว่าดีถมไปแล้ว............
ไหนๆก็ไหนๆ ประเด็นที่น่าอภิปราย ปลากระป๋อง รถเมล์เช่า 4 พันคัน หรือประเด็นการดำเนินนโยบายแก้ปัญหา วิกฤติเศรษฐกิจ บกพร่องอย่างไร.....โดนใจชาวบ้านทั้งนั้น.....หายไปไหนหรือ การที่ มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ มือเศรษฐกิจของพรรค หรือ สุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีต รมว.คลัง ไม่ได้โชว์ฝีมือเพราะอะไร.....คนในพรรคเพื่อไทยน่าจะตอบได้ดีที่สุด............
ต่อกรณีที่ เสียงของพรรคเพื่อไทย หายไป 7-9 เสียง พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ในฐานะ ส.ส.เพื่อไทย อธิบายว่าไม่ใช่เรื่องแปลก.....ส่วนจะถือว่าเป็น งูเห่าในพรรคหรือเป็น กบฏ หรือจะต้องมีการขับออกจากพรรคเป็นอีกเรื่อง ความเปลี่ยนแปลงในพรรคเพื่อไทยหลังการอภิปรายห้ามกะพริบตา............
แต่ที่น่าแปลกใจคือ เหตุผลของ สุนัย จุลพงศธร ส.ส.เพื่อไทย ชี้ว่า ผลการลงคะแนนในส่วนของ ชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย....เป็น สายสัมพันธ์ทางใจ และจะกลายมาเป็นการเชื่อมต่อทางการเมืองในอนาคต.....ก็แปลว่า ที่อภิปรายกันแทบล้มแทบตายก็แค่ปาหี่การเมือง............
ตามประสาคนหาข่าวมี ส.ส.เพื่อไทยหลายชีวิต ที่เตรียมไปตั้งต้นชีวิตใหม่กับ พรรคภูมิใจไทย เรียบร้อย ไม่เฉพาะ กทม. หรือ ส.ส.ที่ไปปรากฏตัวในที่ประชุมพรรคภูมิใจไทยเท่านั้น.....มีแววที่จะย้ายพรรคอีกอื้อ เหตุผลสำคัญอยู่ที่ กระสุนดินดำ ที่มีให้ไม่อั้น.....ต่างจังหวัดสองแสน กทม.สามแสน แถมยังมีตำแหน่งไว้รองรับ ไม่ไปก็แปลกแล้ว............
ก็ต้องยอมรับความจริงว่า ประเด็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เที่ยวนี้.....กินลึก.....พูดกันอย่างตรงไปตรงมา หลักฐานที่เอามาโชว์ ชัดเจนจนแทบไม่ต้องมีการอภิปราย .....เพราะฉะนั้น การชี้แจงของ นายกฯอภิสิทธิ์ และบรรดาองครักษ์ จึงไม่มีน้ำหนักที่จะหักล้าง.....แต่เผอิญว่า นี่คือ การเมืองไทย.....นี่คือสังคมที่ฟังกระแสมากกว่าข้อเท็จจริง............
เดิมพันการเมืองชนิดเอาเป็นเอาตาย ผลพวงของการอภิปรายที่ผ่านมา ก็อย่างที่รองนายกฯ สุเทพ เทือกสุบรรณ ประกาศเอาไว้.....เรื่องนี้มี เดิมพันถึงขั้นยุบพรรค.....เพราะฉะนั้น กระบวนการยุติธรรมและสังคมจะต้องช่วยกันพิสูจน์ผลของการเดิมพันครั้งนี้ด้วย............
และที่เป็นสาระมากกว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลคือ กฎกติกาของสังคม.....การทำหน้าที่ของ กระบวนการตรวจสอบ.....จะมีจิตสำนึกและมาตรฐานแค่ไหน.....ถ้ายอมรับได้ว่า ต้องเลือกข้าง ประวัติศาสตร์การเมืองไทยจะต้องบันทึกไว้ว่า นี่คือจุดตกต่ำที่สุดของบ้านเมือง............
นอกจากเรื่องของ เงินบริจาคปริศนา จำนวน 263 ล้านบาทแล้ว พ.ต.อ.ณรัตน์ เศวตนันท์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ยืนยันได้ส่งเรื่อง เงินอุดหนุนพรรคการเมือง กว่า 23 ล้านบาท ไปให้ กกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองตรวจสอบ......อยู่ที่ กกต.จะแสดงจุดยืนต่อ มาตรฐานในระบบการตรวจสอบ อย่างไรเท่านั้น............
“อินทรีเหล็ก” เคยเกริ่นเอาไว้แล้วว่า การอภิปรายไม่ไว้ วางใจรัฐบาลครั้งนี้ก็แค่ ปาหี่ทางการเมือง.....ไม่มีผลกระทบต่อรัฐบาล ยิ่ง นายกฯอภิสิทธิ์ รีบออกมาการันตีว่า ไม่มีการปรับ ครม. และไม่มีการเปลี่ยนแปลงในรัฐบาล.....กษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ที่ได้คะแนนเสียงไว้วางใจไปอย่างเฉียดฉิวเลยไม่รู้สึกสะดุ้งสะเทือน............
ที่ต้องชื่นชมในความกล้าคือ เกียรติกร พากเพียรศิลป์ ส.ส.ปราจีนบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ที่แสดงจุดยืนในการงดออกเสียงโหวตให้กับ รมว.ต่างประเทศ......งานนี้ไม่รู้ ผู้อาวุโสในสภา ทั้งหลาย จะรู้สึกอายกันบ้างหรือเปล่าแฮะ............
คนรุ่นใหม่ในสภาที่น่าจับตา ไม่ว่าจะเป็น วิสารดี เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย และ ฐิติมา ฉายแสง ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคเพื่อไทย ที่อภิปรายกันด้วยเนื้อหาและเหตุผลล้วนๆ.....ไม่คอยเสียดสี กระแทก แดกดันเหมือนกับพวกที่นั่งเหนียงยานอยู่ในสภารอวันหมดอายุ............
เอ้าวิกฤติเศรษฐกิจจะลงลึกแค่ไหน อยู่ที่คนในชาติจะต้องช่วยกันแก้ปัญหา บนจิตสำนึกร่วมกัน.....กรณี บริษัทยักษ์ใหญ่ในอเมริกา เอาเงินงบประมาณที่ช่วยอุ้มธุรกิจไป แจกโบนัส กันเพลิดเพลิน.....โอบามา แสดงถึงภาวะผู้นำ โดยการให้สภาออกกฎหมายเรียกเงินคืน......ผิดกับบ้านเรา รัฐบาลพยายามที่จะ แก้กฎหมายกู้เงิน ไปแจกโบนัสตอบแทนบุญคุณกันสบายแฮ............
“อินทรีเหล็ก”