วันเดียวกัน เมื่อเวลา 10.30 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงผลสรุปการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า ทางพรรคต้องขอบคุณทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ที่ทำให้เห็นว่าประเทศไทยได้ กลับเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตย ทำให้รัฐบาลสามารถกลับเข้าทำงานได้อีกครั้ง เพราะได้รับเสียงสนับสนุนอย่างท่วมท้น ได้รับความไว้วางใจจากพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อช่วยกันแก้ปัญหาวิกฤติชาติในขณะนี้ แต่ยังมีความห่วงใยหลายเรื่อง โดยเฉพาะข้อมูลการอภิปรายของฝ่ายค้านที่จะนำไปสู่การเมืองนอกสภา จึงอยากเรียกร้องให้ฝ่ายค้านและกลุ่มเสื้อแดงทบทวน ไม่นำไปสู่ความรุนแรง ทำให้สังคมแตกแยก ขอให้ทุกฝ่ายตระหนักว่าจะทำอะไรขอให้คิดถึงประเทศชาติเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบข้อมูลของฝ่ายค้านสามารถจับเท็จได้ 6 เรื่องคือ 1. หลักฐานการสมัครเป็นสมาชิกพรรคของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีความชัดเจนว่าได้สมัครเข้ามาก่อนจะเป็น ส.ส. 2. เรื่องการกู้เงินไอเอ็มเอฟเกิดในสมัยรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกรัฐมนตรี ที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นรองนายกฯ ดูแลด้านเศรษฐกิจ ไม่ใช่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์
อุ้ม “กษิต”-ปัดข้อหาอมเงินทีพีไอ
นพ.บุรณัชย์กล่าวต่อว่า 3. กรณีการปล่อยให้สร้างถนนขึ้นเขาพระวิหารในฝั่งไทย ทำให้ชาติสูญเสียอธิปไตยนั้นไม่เป็นความจริง ทางพรรคจะนำเรื่องนี้เข้าที่ประชุมพรรควันที่ 24 มี.ค. เพื่อประสานกับคณะกรรมาธิการที่เกี่ยวข้องกับด้านความมั่นคง และกระทรวงการต่างประเทศลงพื้นที่ เพื่อเสนอข้อเท็จจริงว่ารัฐบาลนี้ได้ระงับการสร้างถนนขึ้นเขาพระวิหารทางฝั่งเขมร 4. กรณีการออกหมายจับนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ก็ไม่เป็นความจริง หากทางพนักงานสอบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วไม่มีมูล ก็ไม่สามารถออกหมายจับได้ ซึ่งนายกษิตเองก็ไม่จำเป็นต้องไปมอบตัว 5. เรื่องเงินบริจาคเงินเข้าพรรคจำนวน 258 ล้านบาท ยืนยันว่าทางพรรคไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบข้อเท็จจริง และ 6. กรณีเงินอุดหนุนพรรคการเมือง 23 ล้านบาท จาก กกต. ที่กล่าวหาว่าไม่ได้นำไปใช้ตามวัตถุประสงค์ก็ไม่เป็นความจริง เพราะช่วงเลือกตั้งปี 2548 มีป้ายหาเสียงของพรรคติดอยู่ทั่วประเทศ จนเป็นเหตุให้ถูกร้องเรียนเรื่องการติดป้ายหาเสียง
ฉุนข้อมูลดีเอสไอหลุดถึง “เฉลิม”
นพ.บุรณัชย์กล่าวต่อว่า จะเห็นว่าการบิดเบือนข้อมูลถือเป็นการสร้างหลักฐานเท็จ ดังนั้นทางพรรคจะเปิดโปงข้อเท็จจริงทุกเรื่องที่ฝ่ายค้านโจมตี ที่นายพีระพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อไทย ออกมายืนยันว่า ข้อมูลที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้มาจากดีเอสไอนั้น ขอตั้งข้อสังเกตว่าเป็นกระบวนการที่มีใบสั่งสมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ผ่านนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รมว.ยุติธรรม สมัยนั้น ส่วนการนัดชุมนุมใหญ่ของกลุ่มเสื้อแดงในวันที่ 26 มี.ค.นั้น เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่การสร้างกระแสกดดันเพื่อให้นิรโทษกรรม พ.ต.ท.ทักษิณแล้ว แต่เป็นการยกระดับเพื่อให้ พ.ต.ท.ทักษิณหวนคืนสู่อำนาจการเมือง ทวงคืนผลประโยชน์ของตัวเอง ดังนั้นเราจะไม่ไปตอบโต้ ไม่สร้างเงื่อนไขอีก แต่จะใช้นโยบายคู่ขนานสนับสนุนแนวนโยบาย เพื่อช่วยเหลือคนจน โดยตั้งเป็นกองทุนพอเพียงกระจายไปทั่วประเทศ ไม่แบ่งแยกพื้นที่ว่าเป็นสีแดงหรือสีเหลือง จึงอยากให้ประชาชนเข้าร่วมนโยบายนี้ และขอเชิญทุกฝ่ายเข้ามาร่วมกันปฏิรูปการเมือง เพื่อให้ประเทศชาติกลับเข้าสู่สภาวะปกติและบริหารบ้านเมืองไปข้างหน้าได้
ขอเงิน “ทักษิณ” ที่ถูกอายัดให้รัฐบาล
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ขู่จะยื่นฟ้องยุบพรรคเพื่อกรณีเงินบริจาค 258 ล้านบาท นพ.บุรณัชย์ตอบว่า ต้องรอดูข้อมูลที่พรรคเพื่อไทยจะยื่นต่อ กกต.ก่อน จากนั้นจึงจะดำเนินการฟ้องร้องเพื่อให้ยุบพรรคเพื่อไทย เพราะการอภิปรายของ ร.ต.อ.เฉลิมเป็นการทำในนามพรรคเพื่อไทย แต่เพื่อความถูกต้องขอให้ดีเอสไอและ กกต.ไปหารือร่วมกันตรวจสอบข้อเท็จจริง ส่วนการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ระบุว่าจะเสกเงินมาบริหารประเทศโดยไม่ต้องกู้นั้น เป็นการปลุกระดมที่บิดเบือนข้อเท็จจริง รัฐบาลพยายามแก้ปัญหาเพื่อช่วยประชาชน ขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณกลับใช้วิธีการโฟนอินเพื่อล้มล้างรัฐบาล ถึง พ.ต.ท.ทักษิณเข้ามาในช่วงวิกฤตนี้ก็ไม่สามารถบริหารประเทศได้ เพราะไม่มีความรู้ความสามารถอย่างแท้จริง ตอนวิกฤติปี 40 ที่ร่วมรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ก็ดูแลด้านเศรษฐกิจสมัยนั้น ก็เหมือนคนชี้ทางให้คนขับ ขับรถลงเหว หาก พ.ต.ท.ทักษิณจะช่วยกอบกู้วิกฤติเศรษฐกิจ ควรนำเงินที่ถูกอายัดไว้ในประเทศมามอบให้รัฐบาล จะได้นำเงินไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนโดยที่รัฐบาลไม่ต้องกู้ต่างประเทศ
จวกเสื้อแดงเมืองทำลายงานบุญ
ด้านนายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ ส.ส.ชลบุรี รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ผลโหวตที่ออกมาถือว่ารัฐบาลได้รับเสียงสนับสนุนเป็นอย่างดี โดยเสียงฝ่ายค้านที่หายไปมาปันใจให้รัฐบาล เพราะอาจเห็นว่ารัฐบาลพยายามแก้ไขปัญหาให้ประชาชน จึงไม่คิดแต่จะเอาชนะเพียงอย่างเดียว ส่วนกรณีที่นายกฯถูกต่อต้านจากกลุ่มเสื้อแดงที่ จ.ชลบุรี ระหว่างลงพื้นที่นั้น ถือว่าไม่เหมาะสม เพราะเป็นงานบุญที่มีการจัดเตรียมงานไว้ล่วงหน้านานแล้ว การกระทำของกลุ่มคนเสื้อแดงจึงถือเป็นการทำลายบรรยากาศบ้านเมือง การโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณที่มีเข้ามาเกือบจะทุกวัน ถือเป็นการบ่อนทำลาย บอกแต่เรื่องเท็จ
แย้มภูมิใจไทยอ้าแขนรับทุกกลุ่ม
เมื่อเวลา 14.30 น. ที่สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย กล่าวถึงการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า การลงมติอภิปรายเป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส. ซึ่งเป็นเครื่องชี้วัดว่า ส.ส.มีเอกสิทธิ์ในการโหวตเมื่อผลเป็นอย่างไรก็ต้องเป็นไปตามนั้น ส่วน ส.ส.ฝ่ายค้านที่ยกมือโหวตให้นั้น ในอนาคตหากจะมาร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทยก็ยินดี อย่างไรก็ตาม ทางพรรคยังไม่ได้ หารือถึงเรื่องดังกล่าว เมื่อถามว่า เสียง ส.ส.ที่ยกมือไว้ วางใจให้กับนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย และนายบุญจง ที่เกินมานั้น เป็นกลุ่มที่จะเป็นการย้ายมาสังกัดพรรคภูมิใจไทยชัดเจนแล้วหรือไม่ นายบุญจงตอบว่า ยังไม่มีการยืนยันว่าจะย้ายใดๆ ทั้งสิ้น ขอยืนยันว่าเสียงที่ ปรากฏเป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส. เมื่อถามว่า ได้มีการเจรจาหรือคุยกันก่อนหรือไม่ นายบุญจงตอบว่า ไม่มีการเจรจากัน เป็นไปตามที่ผลคะแนนออกมา เมื่อถามว่า หากพรรคเพื่อไทยขับ ส.ส.ที่ยกมือสนับสนุน พรรคภูมิใจไทยพร้อมรับมาเข้าสังกัดพรรคหรือไม่ นายบุญจงตอบว่า การที่พรรคเพื่อไทยจะขับ ส.ส.ออกจากพรรคหรือไม่นั้น ไม่ สามารถตอบได้ เพราะเป็นเรื่องของพรรคเพื่อไทย ส่วนในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มใด แม้แต่กลุ่มอีสานพัฒนา หากเป็นคนไทยแล้วต้องการเข้าสังกัดพรรคภูมิใจไทย เราไม่ปิดกั้น แต่ต้องผ่านกระบวนการพิจารณาของกรรม-การบริหารพรรคก่อน ซึ่งเรื่องนี้เป็นไปตามข้อบังคับพรรค
ฉุนข้อหาซื้อตัว ส.ส.เพื่อไทย
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายศักดา คงเพชร ส.ส. ร้อยเอ็ด กลุ่มอีสานพัฒนา พรรคเพื่อไทย ระบุว่ามีการซื้อเสียงโหวต ส.ส.ในราคา 1 ล้านบาทนั้น นายบุญจงตอบว่า คำกล่าวเช่นนี้ถือเป็นเรื่องเท็จ การโหวตทั้งหมดเป็นการตัดสินใจของ ส.ส. ทุกคนมีเอกสิทธิ์ ฉะนั้นอย่ามากล่าวหาว่ามี ส.ส.มารับเงิน เพราะมันไม่เป็นความจริง เมื่อถามว่า การที่นายศักดาออกมาระบุเช่นนี้มีเจตนาอะไร
นายบุญจงตอบว่า ต้องไปถามคนที่พูด เพราะพูดไปเรื่อย เปื่อย ยืนยันว่าพรรคภูมิใจไทยไม่มีเรื่องการจ่ายเงิน ถือว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นเรื่องปกติในระบอบประชาธิปไตย เมื่อฝ่ายค้านต้องการตรวจสอบก็สามารถทำได้ และฝ่ายรัฐบาลก็มีหน้าที่ชี้แจง ซึ่งผลก็ออกมาอย่างที่เห็นไม่มีการจ่ายเงินทั้งสิ้น
มั่นใจชี้แจงแจกเงิน-นามบัตรได้
เมื่อถามถึงกรณีคณะอนุกรรมการฯของ กกต.จะมีการพิจารณาเรื่องแจกเงินพร้อมแนบนามบัตรในสัปดาห์ นี้ จะกระทบกับการทำหน้าที่หรือไม่ นายบุญจงตอบว่า ไม่มีผลกระทบ เพราะทั้งหมดอยู่ที่กระบวนการพิจารณาขององค์กรอิสระ ซึ่งตนได้ชี้แจงแล้ว และหลังจากนั้นเป็นหน้าที่ของ กกต.ที่จะต้องวินิจฉัย เมื่อถามว่า แม้ว่าจะผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจไปแล้ว แต่ ป.ป.ช.ยังคงจะตรวจเรื่องนี้ควบคู่ไปกับ กกต. มั่นใจว่าจะสามารถผ่านพ้นเรื่องนี้ไปได้หรือไม่ นายบุญจงตอบว่า ไม่มีเรื่องอะไรน่าวิตกหวั่นไหว เป็นเรื่องปกติ
“กษิต” ฟุ้งไร้ปัญหาผลงานอื้อ
วันเดียวกัน ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงผลการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมาว่าไม่มีปัญหาอะไร เพราะทุกสิ่งทุกอย่างอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง การกุข่าวอันเป็นเท็จเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ตนเองนั้นทำงานรับราชการมา 37 ปี ผลงานเป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น เป็นคนที่ไม่ชอบโอ้อวด ถ้ามีความจำเป็นต้องชี้แจงก็ต้องชี้แจง เพราะผลงานมีมากมาย หากไม่ดีจริงในช่วงเวลาหนึ่ง พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร คงไม่ให้เป็นที่ปรึกษาและเป็นทูตที่โตเกียวและวอชิงตัน ต่างคนต่างรู้มือรู้สภาพจิตใจกันมา ส่วนความแตกต่างนั้นคือจุดยืนทางการเมือง ไม่ใช่ปัญหาที่ไม่ชอบขี้หน้า ในเมื่อมีจุดยืนที่แตกต่างกัน ก็อย่ามาสาดโคลนใส่กัน ส่วนเรื่องความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ในขณะนี้มองว่าเป็นเรื่องของนายทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรี