ที่มา เดลินิวส์
พี่คนโต 'วิดีโอลิงค์'เปิดใจแดงพรึ่บฟังแน่น
เยาวลักษณ์ พี่สาวคนโตอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร เสียชีวิตจากภาวะหัวใจล้มเหลว"แม้ว"ทราบข่าวรู้สึกเสียใจมาร่วมงานศพไม่ได้ เผยป่วยเป็นอัมพาตมานานกว่า 20 ปี ญาติทำการรักษามาต่อเนื่องแต่เกิดติดเชื้อในกระแสเลือดแล้วเสียชีวิต ญาตินำศพไว้วัดเทพศิรินทร์ เตรียมฌาปนกิจ 29 มี.ค. นี้ ด้านเยาวเรศ-เยาวภา ระบุพี่สาวเปรียบ เสมือนแม่ที่คอยดูแลน้อง ๆ ทุกเรื่อง ขณะที่กลุ่ม นปช. เสื้อแดง รวมพลกันพรึ่บเต็มสนามกีฬาฯเชียงใหม่ ฟังโฟนอินทักษิณ นัดระดมพลครั้งใหญ่ปิดล้อมทำเนียบฯ 26 มี.ค. นี้ ทักษิณ ใช้วิดีโอลิงค์หากลุ่มเสื้อแดง เชียงใหม่ รับสภาพจิตใจย่ำแย่ สูญเสียพี่สาว ลั่นขอทำงานเพื่อประเทศต่อไป ยันมีความจงรักภักดี ขอเปิดไม้เด็ดแก้ ศก. 26 มี.ค. นี้ วอนทุกฝ่ายทำงานให้ประเทศรอด
เมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 22 มี.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่านางเยาวลักษณ์ คล่องคำนวณการ หรือ ชินวัตร อายุ 62 ปี พี่สาวคนโตของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เสียชีวิตที่โรงพยาบาลพระราม 9 แขวงและเขตห้วยขวาง จึงเดินทางไปตรวจสอบพบว่า ศพยังเก็บอยู่ภายในห้องเก็บศพของโรงพยาบาล ซึ่งบรรดาญาติพี่น้องต่างทยอยเดินทางมาเยี่ยมดูใจเป็นครั้งสุดท้าย
นพ.อาทิตย์ เจียรนัยศิลาวงศ์ ผู้ช่วยผอ.ฝ่ายการแพทย์ รพ.พระราม 9 แถลงการเสียชีวิตว่า นางเยาวลักษณ์ เข้ามารักษาตัวที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันที่ 16 เม.ย. 51 เป็นเวลา 340 วัน หลังเข้ารักษาอาการป่วยด้วยโรคไต ซึ่งมีอาการทรงตัวมาตลอด และมาระยะหลังติดเชื้อในทางเดินกระแสเลือด และเสียชีวิตในที่สุด ในเวลา 22.40 น. วันที่ 21 มี.ค. ที่ผ่านมา โดยนางเยาวลักษณ์ป่วยเป็นโรคเบาหวานมาก่อนตั้งแต่ปี 35 ระยะหลังมีโรคไตเข้ามาแทรกซ้อนโรคเบาหวานอีก
นางเยาวเรศ วงศ์นภาจันทร์ หรือ ชินวัตร น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ เปิดเผยว่า ญาติพี่น้องได้โทรศัพท์ไปบอก พ.ต.ท.ทักษิณ แล้ว ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณบอกว่า รู้สึกเสียใจ แต่คงไม่สามารถเดินทางกลับมาร่วมงานศพได้ ขณะที่ส่วนตัวรู้สึกช็อกหลังได้ทราบข่าว เพราะแพทย์ได้แจ้งก่อนหน้านี้ว่าพี่สาวยังมีชีวิตได้อีกนานจึงไม่คาดฝันว่าจะจากไปเร็ว
ต่อมาเวลา 11.00 น. ที่รพ.พระรามเก้า นพ.วิรุฬห์ มาวิจักขณ์ อายุรแพทย์โรคไต ในฐานะแพทย์เจ้าของไข้ นางเยาวลักษณ์ แถลงข่าวการเสียชีวิตของนางเยาวลักษณ์ อีกครั้ง ว่า นางเยาวลักษณ์ อายุ 62 ปี ป่วยเป็นโรคอัมพาตมา 20 ปี ไม่รู้สึกตัวมา 2 ปี มีโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ ต่อมามีโรคไตวายเรื้อรัง ได้มารับการรักษาที่ รพ.พระราม 9 ตั้งแต่วันที่ 16 เม.ย. 51 ถึงแก่กรรมด้วยโรคหัวใจล้มเหลว เมื่อเวลา 22.40 น. วันที่ 21 มี.ค. ที่ผ่านมา
นพ.วิรุฬห์ กล่าวต่อว่า ตลอดระยะเวลาที่นางเยาวลักษณ์รักษาตัวอยู่ที่ รพ. ทางญาติมีการรับรู้เกี่ยวกับอาการมาโดยตลอด เมื่อประมาณ 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้ป่วยมีอาการทรุดลงเป็นระยะ ๆ ความดันตก หัวใจเต้นช้าลง หยุดเต้น และเสียชีวิตในที่สุด โดยในช่วงที่ พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ที่ประเทศไทย ได้แวะมาเยี่ยมนางเยาวลักษณ์ เป็นระยะ แต่หลังจากไปอยู่ต่างประเทศไม่ได้ติดต่อมาที่ตนแต่อาจจะมีการซักถามอาการกับทางญาติ ส่วนรายละเอียดการเคลื่อนย้ายศพว่าจะนำไปบำเพ็ญกุศลที่วัดใดนั้นทางญาติขอเป็นเรื่องส่วนตัวภายในครอบครัว
สำหรับนางเยาวลักษณ์เป็นบุตรคนที่ 1 ของนายเลิศและนางยินดี ชินวัตร มีพี่น้องทั้งหมด 9 คน คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นางเยาวเรศ วงศ์นภาจันทร์ นางปิยนุช ลิ้มพัฒนาชาติ นายอุดร ชินวัตร (เสียชีวิต) นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ นายพายัพ ชินวัตร นางมณฑาทิพย์ โกวิทเจริญกุล นางทัศนีย์ (เสียชีวิต) และนางยิ่งลักษณ์ อมรฉัตร ด้านครอบครัวสมรสกับ พ.อ.พิเศษศุภฤกษ์ คล่องคำนวณการ มีลูก 2 คน คือ นางพนิตพิชา ชินวัตร และ น.ส.นัทธฤทัย คล่องคำนวณการ
ประวัติการทำงาน เป็นคนช่วยดูแลกิจ การของครอบครัวชินวัตรมาตั้งแต่ต้น เคยทำธุรกิจโรงภาพยนตร์ใน จ.เชียงใหม่ ชื่อชินทัศนีย์และนครเชียงใหม่ เคยเป็นนายกเทศมนตรีคนแรกของเทศบาลนครเชียงใหม่ เป็นผู้พิพากษาสมทบ และนายกสมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชา ชีพแห่งประเทศไทย ประจำเชียงใหม่ โดยนางเยาวลักษณ์ เป็นแม่สื่อที่แนะนำให้นางเยาวภา กับนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี รู้จักกันแล้วแต่งงานกันในที่สุด
สำหรับศพนางเยาวลักษณ์ ทางญาติได้นำไปตั้งรดน้ำศพที่ศาลาศรีอรทัยกุล-สินทรา พรรณทร วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร โดยในเวลา 15.30 น. พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีตผบ.ทบ. และ ผบ.สส. เป็นประธานรดน้ำศพพร้อมกับบรรดาญาติพี่น้องในตระกูลชินวัตร และ บุคคลใกล้ชิดจำนวนมาก ต่อมาได้มีการย้ายศพไปตั้งสวดพระอภิธรรมที่ศาลา 3 สุวรรณวนิชกิจ
นางเยาวภา น้องสาว เผยว่า พี่สาวคนนี้เปรียบเสมือนแม่ของน้องทุก ๆ คน เป็นคนดูแลและจัดการทุกเรื่องของน้อง ๆ ไม่ว่าจะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ แต่พี่สาวก็ป่วยมานานแล้ว ซึ่งทาง พ.ต.ท.ทักษิณ ทราบเรื่องแล้วรู้สึกเสียใจแต่ไม่สามารถมาร่วมงานศพได้เพียงแต่ส่งพวงหรีดมาแสดงความเสียใจ โดยการสวดพระอภิธรรมจะมีถึงวันที่ 28 มี.ค. นี้ และจะฌาปนกิจในวันที่ 29 มี.ค.นี้ จากนั้นจะมีการนำเถ้ากระดูกไปลอยอังคาร ส่วนหนึ่งจะนำไปไว้ที่วัดโรงธรรมสามัคคี อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นสุสานของตระกูลชินวัตร โดยอยากให้พี่สาวได้อยู่กับพ่อแม่
วันเดียวกัน ก่อนหน้านี้เวลา 09.00 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์ ตอนหนึ่งว่า กรณีมีข่าวแผนตากสินที่จะใช้ล้มล้างรัฐบาลนั้น คงไม่ใช่เป็นสิ่งที่ตนจะมายืนยันว่ามี หรือไม่มีจริง แต่ก็เคยเห็นว่ามีเอกสาร และคนที่อาจจะมีความคิดนี้ แต่ไม่รู้ว่ามีกว้างขวาง แค่ไหน แต่ถ้ามีแนวความคิดอย่างนั้นก็รู้สึกเป็นห่วง เพราะอย่างที่บอกว่าเราแตกต่างกันทางการเมืองแต่ขอให้อยู่ภายใต้กติกา
“ช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ก็ใช้กระบวนการของสภาในการติดตาม ตรวจสอบรัฐบาล ซึ่งเราก็ผ่านพ้นตรงนั้นมา ดังนั้นขอให้พวกเราได้ช่วยกันคิดถึงส่วนรวมเป็นใหญ่ การต่อต้านกัน ถ้าเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบของกฎหมาย เสียงของท่านก็ไปถึงคนที่ท่านต้องการให้ได้ยิน แต่ถ้าไปทำอะไรรุนแรง ผิดกฎหมาย มันอาจจะสะใจคนบางกลุ่ม แต่มันเสียหายกับทั้งประเทศ จึงไม่อยากให้ทำ” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ที่โรงแรมแกรนด์วโรรส พาเลซ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เวลา 08.00 น. กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ได้จัดอบรมอาสาสมัครพิทักษ์ประชาธิปไตยรุ่นที่ 1 โดยมีแกนนำและตัวแทนเดินทางมาร่วมอบรมเพื่อนำข้อมูลไปเผยแพร่ต่อให้กับเครือข่าย มีนายแพทย์เหวง โตจิราการ เป็นผู้กล่าวเปิดการ อบรมพร้อมกล่าวโจมตีรัฐบาลและประกาศระดม เสื้อแดงให้ไปร่วมชุมนุมใหญ่ปิดล้อมทำเนียบไล่รัฐบาลในวันที่ 26 มี.ค. นี้
ต่อมาในเวลา 11.00 น. นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โฟนอินผ่านทางโทรศัพท์เข้ามา กล่าวให้กำลังใจคนเชียงใหม่ขอให้เสื้อแดงทุกคน และกล่าวว่าแม้ตนเองจะอยู่หรือไม่อยู่ในตำแหน่งนายกฯ แต่เราก็ไม่ลืมกัน ตอนนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ มีความสุขดี ความจริงจะต่อสายโฟนอินเข้าไปพูดคุยให้ แต่เนื่องจากเป็นเวลาตีสอง ซึ่งนอนหลับแล้ว
ส่วนบรรยากาศเวทีความจริงวันนี้สัญจร ที่สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีกลุ่มเสื้อแดงจากจังหวัดต่าง ๆ ทยอย เดินทางเข้ามาภายในสนามกีฬากลางเป็นจำนวนมาก โดยตรงกลางสนามมีการติดตั้งจอขนาดใหญ่ 4 จอ เพื่อเตรียมนำเสนอภาพ พ.ต.ท.ทักษิณ ในช่วงที่จะมีการโฟนอิน ซึ่งแกนนำคนสำคัญทยอยเดินทางมาแล้ว อาทิ นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นต้น ส่วนบริเวณด้านนอกสนามกีฬา มีการออกร้านจำหน่ายเสื้อผ้าสีแดง ของที่ระลึกของกลุ่มคนเสื้อแดง เช่น ผ้าโพกศีรษะ เท้าตบ ภาพถ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นต้น
ที่ จ.ร้อยเอ็ด กลุ่มคนร้อยเอ็ดรักประชาธิปไตย หรือกลุ่มคนเสื้อแดง ได้รวมตัวกันที่บริเวณหน้าโรงเรียนร้อยเอ็ดวิทยาลัย ก่อนเคลื่อน ขบวนพร้อมการปราศรัยบนรถกระจายเสียงแห่ไปตามถนนต่าง ๆ รอบเมืองร้อยเอ็ด เรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชนและจัดการ เลือกตั้งใหม่โดยเร็ว
ที่ จ.เชียงราย นายสุเมธ แสงนิ่มนวล ผวจ.เชียงราย พร้อมด้วย นางรัตนา จงสุทธนามณี นายก อบจ.เชียงราย ร่วมเป็นประธานเปิดพิธีชุมนุมสวนสนามของ อปพร. และมีการมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ จากนั้น นายสุเมธ กล่าวถึงการเดินทางมาราชการของนายบุญจง วงศ์ไตร รัตน์ รมช.มหาดไทย ในวันที่ 23 มี.ค. นี้ ว่า เชื่อว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจะไม่ใช้วิธีการที่รุนแรง ทุก อย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย ก่อนหน้านี้ได้ส่ง คนไปเจรจากับแกนนำคนเสื้อแดงแล้ว รับปากว่าจะมาชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยเท่านั้น ส่วนการเตรียมการป้องกันไม่ให้มีการใช้ความรุนแรงนั้น ทุกส่วนที่เกี่ยวข้องต่างมีมาตรการเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว
พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมว่า ขณะนี้มีความพร้อมอย่างเต็มที่ในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย โดยเฉพาะช่วงที่จะมีการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดง ในวันที่ 26 มี.ค. นี้ การเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบ จลาจลไว้แล้วตามแผนคาดว่าจะใช้กำลังประมาณ 22 กองร้อย หรือ 3,300 นาย คอยดูแลความเรียบร้อย รวมทั้งอำนวยความสะดวกด้านการจราจรให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนด้วย นอกจากนี้ยังเพื่อเป็นการป้องกันมือที่ 3 ที่อาจฉวยโอกาสสร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้น พร้อมมีคำสั่งให้มีการสืบสวนหาข่าวทุกส่วนเพื่อมาประเมินสถานการณ์แบบวันต่อวัน ขณะเดียวกันกลุ่มผู้ชุมนุมเองต้องช่วยกันเพิ่มความระมัดระวังช่วยด้วยอีกแรง
พล.ต.ท.วรพงษ์ กล่าวต่อว่า สำหรับแผนปฏิบัติการยังคงใช้แผนปฏิบัติการเหมือนการชุมนุมครั้งที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นแผนที่ใช้แล้วได้ผลดี แต่อาจปรับเปลี่ยนรายละเอียดบ้างบางส่วน เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์การชุมนุม ยืนยันจะไม่มีการใช้กำลังกับกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างแน่นอน ทั้งนี้จะมีการประชุมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อติดตามสถานการณ์ความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างต่อเนื่องในรอบ 24 ชั่วโมงของทุกวัน
นายศิริศักดิ์ ติยะพรรณ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีต่างประเทศ กล่าวภายหลังเป็นหัวหน้าคณะทำงานอัยการ เดินทางร่วมกับ เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศ และตัวแทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เจรจาร่างสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน ไทย-ฮ่องกง เพื่อติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า คณะ ทำงานเพิ่งเดินทางกลับมาถึงประเทศไทย ซึ่งการเจรจาเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยมีการอธิบายและแลกเปลี่ยนความเห็นในร่างสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนซึ่งกันและกัน ว่ามีประเด็นใดที่ทั้งสองฝ่ายเห็นตรงกันและรับกันได้บ้าง ซึ่งส่วนที่สองฝ่ายเห็นตรงกัน คือ หากมีความจำเป็นต้องส่งเอกสารหรือข้อมูลต่าง ๆ ระหว่างกัน จะส่งผ่านมายังผู้ประสานงานกลางของแต่ละฝ่าย ซึ่งในส่วนของประเทศไทย คืออัยการสูงสุด
นายศิริศักดิ์ กล่าวต่อว่า สำหรับประเด็นที่ยังรับกันไม่ได้ หรือทั้งสองฝ่ายมีความ เห็นไม่ตรงกันอยู่ก็จะมีการทำเครื่องหมายวงเล็บเอาไว้เพื่อจะได้มอบหมายให้คณะทำงานแต่ละฝ่ายทั้งไทยและฮ่องกง นำประเด็นดังกล่าวกลับ ไปศึกษาและพิจารณา ก่อนจะมีการนัดเจรจาร่างสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนฯ ในครั้งต่อไป โดยตนได้รายงานความคืบหน้า ให้นายชัยเกษม นิติ สิริ อัยการสูงสุดทราบแล้ว หลังจากนี้ในส่วนคณะทำงานฝ่ายไทยก็คงต้องประชุมระหว่างตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือศาล อัยการ กระทรวง การต่างประเทศ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อพิจารณาและศึกษาประเด็นต่าง ๆ
“ประเด็นในร่างสนธิสัญญาฯ ที่ไทย-ฮ่องกง มีความเห็นไม่ตรงกัน 1.กฎหมายของฮ่องกง ใช้ระบบกฎหมายคอมมอนลอว์ หรือกฎหมายจารีตประเพณี ขณะที่กฎหมายของไทยใช้เป็นระบบประมวลกฎหมาย หรือระบบลายลักษณ์อักษร 2.ภาษาแม้ร่างสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนของฮ่องกงใช้ภาษาอังกฤษเหมือนสนธิสัญญาฯ หรือกฎหมายประเทศอื่น ๆ แต่เมื่อให้คณะทำงานในส่วนของฮ่องกงแปลความหมายให้คณะทำงานของฝ่ายไทยฟังก็พบว่ามีความหมายเฉพาะ ส่วนประเด็นที่ยังไม่ได้ข้อสรุป คือ คณะทำงานฝ่ายฮ่องกง ต้องการให้ร่างสนธิสัญญาระบุความผิดเป็นข้อหาให้ชัดเจน ประมาณ 46 ข้อหา” นายศิริศักดิ์ กล่าว
ที่ จ.เชียงใหม่ เวลา 20.30 น. พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ใช้ระบบวิดีโอลิงก์เข้ามาในการชุมนุมของกลุ่มนปช. โดยมีใจความสำคัญว่า วันนี้ไม่ค่อยสบายเพราะพี่สาวจากไปและตนไม่มีโอกาสได้กราบศพ ขอกราบศพผ่านช่องทางนี้แทน และอีกอย่างตอนนี้แก่แล้วจะ 60 ปี ซึ่งคงต้องไปขอเงิน 500 บาทที่รัฐบาลแจก จากนี้ไปขอทำงานเพื่อประเทศต่อไป และเป็นเรื่องที่แปลกมากที่คนทำงานเพื่อประเทศ มีความจงรักภักดีต้องถูกไล่ออก สมัยตนทำงานเศรษฐกิจทุกอย่างดีหมด แต่ตอนนี้เศรษฐกิจพัง สิ่งที่เกิดขึ้นทำลายประเทศ ตนต้องขอพูดว่าที่ผ่านมามีคนปองร้ายตนทั้งการลอบสังหาร คาร์บอมบ์ ต้องการทำลายตน ขอให้คนเสื้อแดงอย่าแตกความ สามัคคี ให้คิดถึงเป้าหมายหลักของพวกเรา
“ในวันที่ 26 มี.ค. นี้ ผมจะมาพูดอีกครั้งว่าทำอย่างไรประเทศจะพ้นวิกฤติ และหากรัฐบาลจะให้ตนช่วยก็พร้อมทำงานให้ ขอยืนยันว่าผมมีความจงรักภักดีและจะทำงานเพื่อคนไทยให้อยู่ดีมีสุขตลอดไป ตอนนี้รัฐบาลทำงานแบบถอยหลังเข้าคลอง ทำเพื่อตัวเองก่อนประชาชน โดยหลังเหตุการณ์ปฏิวัติมีการตั้ง คมช. ตั้ง คตส. มาเล่นงานผม และตอนนี้มีข่าวล้มรัฐบาลซึ่งเป็นการใส่ร้าย ผมขอยืนยันว่าไม่มีแผนมีแต่ความจงรักภักดีและขอให้ทุกคนไม่ว่าจะขัดแย้ง อย่างไร ทุกคนก็ต้องตายกันทั้งหมด ขอให้ร่วมกันทำให้ประเทศรอด ประชาชนอยู่ดีมีสุขดีกว่า” พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว.