ที่มา ข่าวสด
เหล็กใน
เรื่องที่กล่าวหากันว่า ส.ส.ไม่ได้มาพูดอภิปราย แต่มาอ่านอภิปราย
อ่านจากกระดาษที่มีการร่างคำพูดไว้ล่วงหน้าแล้ว
จริงๆแล้ว ผู้ชมทางบ้านจะเห็นว่าไม่ได้มีแค่คนเดียว
หลายคนก็อ่านอภิปรายเหมือนกัน
เหตุที่เกิดสภาพเช่นนี้ อาจเพราะฝ่ายค้านปัจจุบัน เป็นรัฐบาลมานานเกินไป
ขาดเวทีให้ขัดเกลาฝีปากการพูดในที่ประชุมสภา
อีกสาเหตุที่เป็นสาเหตุหลัก เพราะส.ส.ชุดนี้ของฝ่ายค้าน เป็นแถวสองแถวสามที่ได้รับการผลักดันขึ้นมาแทนตัวจริง
ตัวจริงที่พากันตายหมู่จากคดียุบพรรค 2 รอบ
เรื่องของการพูดการอภิปราย คนไม่เคยกับตัวเองคงจะไม่รู้ว่าเป็นงานโหดหิน
ยิ่งเป็นการพูดในเวทีระดับชาติ และถ่ายทอดสดออกทีวีไปทั่วประเทศ
ทักษะที่เคยฝึกซ้อมมา อาจเกิดภาวะตื่นสนาม
ลืมข้อความที่จะสื่อสาร หรือการลำดับเรื่องผิดพลาด
การอภิปรายในสภาไม่ใช่เรื่องที่ใครจะทำได้
บางคนพยายามทำแบบรุ่นใหญ่เขาเคยทำกัน แต่มีรายละเอียดผิดเพี้ยนไปนิดๆหน่อยๆ
แทนที่ผู้ชมจะรู้สึกสนุก ชวนติดตาม พลันกลายเป็นความเบื่อหน่าย
สำบัดสำนวนเกินก็ไม่ได้ มีแต่น้ำท่วมทุ่งก็ไม่ได้
น้ำเสียงดุดัน ก้าวร้าว เกินบารมีในตัวก็ไม่ดีอีก
เป็นเรื่องของศาสตร์และศิลป์ที่แต่ละคนต้องศึกษา และค้นหาจุดลงตัวของตัวเองให้ได้
คนบางคนประสบความสำเร็จในชีวิตด้านธุรกิจ หรือรับราชการ
แต่ไม่ได้หมายความว่าจะประสบความสำเร็จด้านการพูดในสภา
เช่นเดียวกับคนที่พูดเก่ง พูดลิงหลับ หรือพูดประทับใจผู้ชมน้ำตาจะไหล
ก็อาจไม่ประสบความสำเร็จในด้านการบริหารประเทศ
สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือ การพูดให้เก่ง เป็นคุณสมบัติที่คนเป็นนักการเมืองต้องมี
คนพูดเก่งกว่าคนอื่น โอกาสไต่เต้าไปสู่"ดาวสภา"ก็จะเปิดกว้าง
นายชวน หลีกภัย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ล้วนแต่เป็นนักพูดฝีปากฉกาจฉกรรจ์
สร้างชื่อเสียงให้ตัวเองก็จากทักษะการพูดทั้งนั้น
เช่นเดียวกับขั้วตรงข้ามผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ อย่างนายสมัคร สุนทรเวช ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง
ลีลาแต่ละคนแตกต่างมีเอกลักษณ์ของตัวเอง
นักการเมืองบางคนก็สร้างชื่อให้ตัวเองชั่วข้ามคืน จากการอภิปรายในสภาออกทีวีหนแรก
เช่น หมอเลี้ยบ น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี หรือนายสุนัย จุลพงศธร
ก็เป็นกำลังใจให้มือใหม่หัดพูดทั้งหลาย
อย่างไรก็ดี การอ่านอภิปรายนี่ต้องขอร้องอย่าทำ เพราะมันผิดหลักวิชาการพูด
นึกถึงนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ กับคำว่า"พุทโธ่"ทีไร คนก็ยังฮาทีนั้น!