ที่มา ข่าวสด
ไม่มางานศพพี่ นัดคุ้ยอีก26มีค. มาร์คปลื้มโหวต ได้เสียงเกินคาด
แม้วแฉ- กลุ่มเสื้อแดงประมาณ 2 หมื่นคน นั่งฟังพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่โฟนอินเข้ามา แฉผู้อยู่เบื้องหลังการโค่นล้มและลอบสังหารตัวเอง ที่สนามกีฬา 700 ปี จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 22 มี.ค. |
"มาร์ค"ไม่ปลด"กษิต"คะแนนเกินคาด
เวลา 09.00 น. วันที่ 22 มี.ค. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์ จัดที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี ถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที นายกฯ กล่าวขอบคุณส.ส.ที่สภาลงมติไว้วางใจตนเองและรัฐมนตรี 5 คน ให้ดำเนินการบริหารราชการแผ่นดินต่อไป ประเด็นหรือข้อท้วงติงที่ฝ่ายค้านอภิปรายแล้วเป็นประโยชน์จะนำกลับมาแล้วมอบให้สำนักงานเลขา ธิการคณะรัฐมนตรี รวบรวมประเด็นแล้วเสนอ ครม. ต่อไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ ความมั่นคง หรือเรื่องอื่นๆ ที่มีการหยิบยกอภิปรายขึ้นมา
ผู้ดำเนินรายการถามถึงกระแสข่าวกดดันให้ปลดนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ นายกฯ กล่าวว่า ดูจากตัวเลขที่ลงมติให้วิปรัฐบาลคำนวณว่าจำนวนส.ส. ที่ถือว่าอยู่ฝ่ายรัฐบาลหักด้วยส.ส.ที่ลงคะแนนไม่ได้คือรัฐมนตรี จะมีอยู่ 237 เสียง เมื่อลบผู้ลาประชุมหรือมาไม่ทันจำนวน 3-4 คน จะมีเสียง 233-234 ดังนั้นเมื่อได้คะแนนไว้วางใจ 246 เสียงถือว่าได้มากกว่าที่คาดคิดไว้ ส่วนผู้ไม่ลงคะแนนไว้วางใจให้อย่าไปเรียกว่าเป็น "งูเห่า" เพราะส.ส.มีเอกสิทธิ์ มีสิทธิ์ มีความเป็นอิสระตามรัฐ ธรรมนูญในการลงคะแนน อาจมีสมาชิกพรรคเพื่อแผ่นดิน ประชาราช แม้กระทั่งสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ตัดสินใจลงคะแนน งดออกเสียง ไว้วางใจ หรือไม่ไว้วางใจบ้าง ขอขอบคุณทุกๆ คน ถือว่าให้โอกาสรัฐบาลทำงานต่อไปเมื่อได้รับโอกาสรัฐบาลต้องทำให้ดีที่สุด
สำหรับความเคลื่อนไหวให้ปลดนายกษิตพ้นตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ เพราะได้รับคะแนนน้อยที่สุดในบรรดารัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ถือเป็นจุดอ่อนของรัฐบาล นายกฯ กล่าวว่า ไม่มีจุดอ่อน ทุกอย่างขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพการทำงาน และอยู่ที่การประเมินว่าต้องมีการปรับเปลี่ยนหรือไม่ ในส่วน รมว.ต่างประเทศ ประเด็นที่ถูกอภิปรายส่วนหนึ่งเป็นเรื่องการเคลื่อนไหวก่อนเข้ามาเป็นรัฐมนตรีกับเรื่องกัมพูชา คิดว่ารัฐมนตรีชี้แจงได้ค่อนข้างชัดเจน แต่เข้าใจดีว่าเพื่อนสมาชิกจำนวนมากอาจมีมุมมองที่แตกต่างและสะท้อนความรู้สึกนี้มาค่อนข้างต่อเนื่อง แต่คะแนน 237 เสียงที่ รมว.ต่างประเทศได้รับก็มากกว่า 234 เสียงที่ประเมินว่าจะได้
ฟุ้งงานคืบเร็วกว่าที่ตั้งไว้ 99 วัน
สำหรับการประเมินว่าสอบผ่านหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ถ้าประเมินตัวเองต้องประเมินเงียบๆ ถ้าต่อสาธารณะต้องให้สาธารณะประเมิน แต่สิ่งที่ยืนยันได้คือทำงานไม่หยุด รู้ว่าประเทศกำลังเผชิญกับวิกฤต ประชาชนลำบาก โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ และตนทำงานโดยไม่มีผลประโยชน์อื่น ยึดประโยชน์ของส่วนรวมอย่างเดียว ส่วนความสำเร็จความล้มเหลวในการทำงานต้องให้คนอื่นประเมิน ระยะเวลาที่ทำงานมา 80 กว่าวัน แม้ยังไม่ถึง 99 วันที่รัฐบาลตั้งไว้ว่าต้องมีอะไรชัดเจน ได้ทำงานหลายอย่างที่เป็นไปตามเป้าหมาย เช่น เรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจ แผนรอบที่ 1 งบประมาณผ่านสภาเรียบร้อยกำลังลงถึงมือประชาชน มีการเตรียมการรอบ 2 หรือรอบ 3 ไว้แล้ว ในแง่ความเชื่อมั่นได้ทำให้สถานการณ์ต่างๆ นิ่งหรือมีเสถียรภาพมากขึ้น ต่างประเทศมีความเข้าใจมากขึ้นต่อการเปลี่ยนแปลงที่ให้เกิดขึ้น และการจัดประชุมสำคัญ เช่น อาเซียนซัมมิตผ่านพ้นไปเรียบร้อย มองรวมๆ 82 วันถือว่าเป็นไปตามเป้าหมาย แต่ยังพอใจไม่ได้ เศรษฐกิจกำลังเผชิญปัญหาอยู่
นายกฯ กล่าวว่า ไม่อยากให้ประชาชนตกใจเรื่องเศรษฐกิจ แม้ปัญหาหนักแต่ถ้าร่วมมือกันทุกอย่างจะผ่านไปได้ ไม่ต้องกลัวเรื่องกู้เงิน เพราะขณะนี้ทั่วโลกต้องทำอย่างนี้ ส่วนที่มีการมองว่าเป็นเด็กอายุเพียง 44 ปี แต่เข้ามาแก้ปัญหาเศรษฐกิจประเทศ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยแปลกที่คนในวัยตนที่เข้ามาทำงานและมีความรับผิดชอบสูงขึ้นโดยลำดับ ตนขาดประสบการณ์ด้านไหนก็สอบถามจากผู้มีประสบ การณ์ เพราะเป็นคนที่รับฟัง ไม่ใช่คนที่เอาตัวเอง เป็นใหญ่ ดังนั้นตรงไหนขาดจะเติมให้เต็ม ถ้าความเด็กหมายถึงความสุจริต ความบริสุทธิ์ ความกล้าที่ จะทำอะไรใหม่ๆ ถือว่าเป็นสิ่งดี ในยุคนี้ก็ต้องการเหมือนกัน
ชี้กู้เงินแผน 2 หากไม่ทำเม.ย.หนักแน่
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เมื่อเศรษฐกิจหดตัวลงถ้าเราอยู่เฉยจะมีคนตกงาน ดังนั้นรัฐบาลต้องเข้าไปลงทุนหรือใช้จ่ายเอง เงินลงทุนจะมาจาก 3 ทาง คือ ขึ้นภาษี กู้เงิน หรือขายทรัพย์สมบัติของชาติ รัฐบาลไม่คิดขายสมบัติชาติแต่เลือกวิธีกู้เงิน มั่นใจว่าไม่กระทบต่อสถานภาพของเศรษฐกิจประเทศ และหนี้สาธารณะไทยอยู่ในเกณฑ์ดี การกู้เงินอีกไม่ใช่ว่ามาตรการแรกไม่ได้ผลแต่เป็นการดำเนินมาตรการ 2 ระยะตามที่รัฐบาลมีนโยบาย หากไม่ทำเดือนเม.ย.และพ.ค.จะหนักหนาสาหัสมาก มั่นใจว่าหากดำเนินการตามนี้เมื่อเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวเราจะฟื้นตัวตามและจะมีรายได้เพียงพอมาใช้หนี้ได้อย่างสบายๆ อยากให้สบายใจ เข้ามาเป็นรัฐบาลในช่วงวิกฤตครั้งที่ 2 เราไม่เคยทำให้ประเทศเสียหายระยะยาว ตรงกันข้ามจะดูแลเรื่องเสถียรภาพ ความมั่นคงเป็นอย่างดี และปรึกษาหารือใกล้ชิดตลอดเวลากับกระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า จากการได้นำตัวเลขต่างๆ มาดูว่าการที่เศรษฐกิจโลกกำลังหดตัว การค้าหดหายไป 20-30% จำเป็นต้องมีเงินมาชดเชยในระบบเศรษฐกิจ ดังนั้น 3 ปีข้างหน้ารัฐบาลต้องเป็นผู้ลงทุนประมาณ 1.4 ล้านล้านบาท ซึ่งต้องไปแยกแยะว่าแหล่งรายได้จะมาจากที่ไหนอย่างไรบ้าง และตอนนี้กำลังทำโครงการในรายละเอียด มีทั้งเรื่องรถไฟความเร็วสูง ปรับปรุงเรื่องรถไฟ ถนน รวมทั้งถนนไร้ฝุ่น ตลอดจนการลงทุนใหญ่เรื่องแหล่งน้ำ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในด้านชลประทาน นอกจากนั้น จะเป็นการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานทางการศึกษาและการสาธารณสุข ซึ่งรายละเอียดจะนำเข้าพิจารณาในการประชุม ครม.เศรษฐกิจวันพุธที่ 25 มี.ค.
รุกสมานฉันท์-คุยฝ่ายค้านสัปดาห์นี้
นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงการสร้างความสมานฉันท์ระหว่างเสื้อเหลือง-แดงว่า สิ่งที่ตนพิสูจน์ตลอดเวลาที่ผ่านมาคือไม่ทะเลาะกับใคร รัฐบาลไม่เป็นคู่กรณีกับใคร และเคารพฟังทุกเสียงจริงๆ แม้แต่กลุ่มที่เคลื่อนไหวต่อต้าน ส่วนข้อเรียกร้องและคดีความต่างๆ สั่งให้รายงานและติดตามกำชับตลอด ขณะนี้สามารถรายงานความคืบหน้าต่างๆ ได้ คดีความไม่ได้เกี่ยวกับสีเสื้อแต่ต้องรักษาความถูกต้องในบ้านเมือง ใครทำผิดกฎหมายกฎหมายต้องเป็นกฎหมาย ส่วนข้อเรียกร้องเรื่องการปฏิรูปการเมืองได้เดินหน้าไปขั้นหนึ่ง มีองค์กรที่เป็นกลางเข้ามา
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า สำหรับฝ่ายค้านตนจะไปหารืออีกรอบในสัปดาห์นี้ และจะเดินหน้าตรงนี้ต่อ รวมไปถึงข้อขุ่นข้องหมองใจว่ากฎหมายหรือระเบียบต่างๆ ปฏิบัติอย่างเป็นธรรมหรือไม่ ตนดูหมดและฟังทุกเสียงจริงๆ เช่น สิทธิเสรีภาพของคนใช้อินเตอร์เน็ต ยอมพบกับทุกกลุ่มไม่เคยรังเกียจ แถลงการณ์อาจต่อว่ารัฐบาล หรือประชาชนที่บอกว่าแก้ปัญหาไม่ถูกจุด อาทิ เกษตรกร ไม่ต้องเดินขบวนติดต่อมาตนยินดีพบ ล่าสุดกำลังจะนัดเวลาพูดคุยกับชาวไร่อ้อย
นายกฯ กล่าวว่า ตนคงไม่สามารถทำให้ทุกคนเห็นตรงกันทางการเมืองได้และไม่มีทาง ไม่เชื่อว่าจะมีนักการเมืองคนไหนทำให้คนทั้งร้อยชอบได้ เพียงขอให้เราเคารพความแตกต่าง อย่าขัดขวางการทำหน้าที่ของกันและกัน จะแสดงออกอย่างไรขอให้อยู่ภายใต้กฎหมาย วันนี้ขอย้ำเชิญชวนทุกคนให้ร่วมกันแก้ปัญหาของประเทศ ถ้าแก้ปัญหาของประเทศได้สำเร็จประโยชน์ไม่ได้ตกอยู่กับตน แต่ตกอยู่กับพี่น้องประชาชน ตนไม่เอาอะไรกลับบ้านไปไหน มาอยู่ตรงนี้ในเวลาที่จำกัด เพราะรัฐธรรมนูญเขียนไว้ชัดเจน ต่อให้คนสนับสนุนท่วมท้นอย่างไรก็มีเวลาจำกัด ตนไม่คิดอะไรมากไปกว่านี้ ถือว่ามาชดใช้บุญคุณแผ่นดิน ไม่เป็นไรถ้าจะแสดงออกคัดค้านตนเปิดโอกาส แต่ขออย่าขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ อย่าทำให้นโยบายหลายอย่างแทนที่จะไปถึงมือประชาชน ทำให้เศรษฐกิจฟื้นมาได้ ได้รับผลกระทบ
รับเคยเห็นเอกสาร"แผนตากสิน"
ส่วนข่าวที่มีแผนตากสินจ้องล้มรัฐบาล นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คงไม่เป็นสิ่งที่ตนอยากมายืนยันว่ามีหรือไม่ แต่เคยเห็นว่ามีเอกสาร หรือมีคนที่มีความคิดนี้ ไม่ทราบว่ากว้างขวางแค่ไหน ก็เป็นห่วงถ้ามีหรือคิดอย่างนั้น เราแตกต่างกันในทางการเมืองไม่เป็นไรแต่ขอให้อยู่ภายใต้กติกา ขอให้ช่วยกันคิดถึงส่วนรวมเป็นใหญ่ การต่อต้านที่อยู่ในขอบเขตของกฎหมายเสียงของเขาก็ไปถึงคนที่ต้องการให้ได้ยิน แต่ถ้าทำอะไรรุนแรงผิดกฎหมายอาจสะใจคนบางกลุ่ม แต่เสียหายคนทั้งประเทศ ไม่อยากให้ทำ
ที่หอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพฯ นายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสกดดันนอกสภาที่กลุ่มเสื้อแดงประกาศชุมนุมใหญ่และปิดล้อมทำเนียบ ในวันที่ 26 มี.ค. รัฐบาลเตรียมรับมืออย่างไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า จุดยืนเหมือนเดิมทุกครั้ง ทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ฝ่ายความมั่นคงจะรักษากฎหมายอย่างนุ่มนวล หลีกเลี่ยงการปะทะให้มากที่สุด เมื่อถามว่าจำเป็นต้องขอกำลังเจ้าหน้าที่ทหารเข้ามาเป็นผู้ช่วยตำรวจเหมือนครั้งที่ผ่านมาหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคงได้เรียกประชุมไปแล้วและมั่นใจว่าจะรับมือได้
นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงความคืบหน้าการปฏิรูปการเมืองว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมายังไม่มีโอกาสได้หารือกับฝ่ายค้านเพราะเป็นช่วงเวลาการอภิปรายไม่ไว้วางใจ บรรยากาศไม่เอื้ออำนวยที่จะให้เดินเข้าไปพูดคุยกันเพราะเป็นช่วงเวลาที่เตรียมข้อมูลอภิปรายรัฐบาล แต่สัปดาห์นี้จะมีโอกาสได้พูดคุยกันแน่นอน เมื่อถามว่าฝ่ายค้านไม่เห็นด้วยให้สถาบันพระปกเกล้าเข้ามาเป็นเจ้าภาพในการปฏิรูปการเมือง นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า พรรคฝ่ายค้านก็ต้องการให้การปฏิรูปการเมืองเดินหน้า คงต้องถามกลับว่ามีข้อเสนออะไรที่ดีกว่าหรือไม่ ตนยินดีรับฟัง สถาบันพระปกเกล้าที่พูดถึงเป็นตัวสถาบันไม่ใช่ตัวบุคคล และเป็นสถาบันที่สามารถระดมความร่วมมือจากฝ่ายต่างๆ ได้เป็นจำนวนมาก ที่สำคัญเป็นสถาบันที่อิงกับฝ่ายนิติบัญญัติจึงไม่มีปัญหาหากจะดึงส.ส.เข้าไปมีส่วนร่วม แต่หากเป็นกลไกอื่นก็คงจะมีปัญหา
ทุ่มเวลาลงพื้นที่ช่วงปิดสมัยประชุม
เมื่อถามว่ารัฐบาลจะมีวิธีจูงใจอย่างไรให้ฝ่ายค้านเข้ามาร่วมมือ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนคงต้องสอบ ถามว่าความห่วงใยอยู่ตรงไหน และตนยินดีที่จะเป็นคนกลางในการถ่ายทอดความห่วงใยดังกล่าว พร้อมทั้งดูว่าสถาบันพระปกเกล้าจะปรับเปลี่ยนเพื่อให้ฝ่ายค้านมีความมั่นใจได้มากน้อยแค่ไหน
นายกฯ กล่าวด้วยว่า สัปดาห์นี้จะมีการประชุมคณะกรรมการพัฒนาพื้นที่พิเศษ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หารือเรื่องหลักคือการพัฒนา เพราะมองว่ามันขาดหายไปในช่วงที่ผ่านมา และ 1 เดือนที่ผ่านมาได้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ไปรวบรวมโครงการทั้งหมดที่มีความสำคัญเกี่ยวกับการพัฒนา และการลงทุนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงอุปสรรคในการทำงานในโครงการต่างๆ เมื่อถามว่านายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย เตรียมเสนอร่างกฎหมายเพื่อเข้ามาช่วยในการพัฒนาและแก้ปัญหาในพื้นที่ นายกฯ กล่าวว่า เรื่องของกฎหมายยังไม่แน่ใจว่าจะอยู่ในวาระการประชุมหรือไม่ แต่ที่ผ่านมาได้พูดคุยกับนายถาวรบ้างแล้ว เนื่องจากมีร่างกฎหมายของส.ส. และขณะนี้รัฐบาลอยู่ในช่วงการประเมินการใช้กฎหมายทุกฉบับที่จะครบกำหนดในเดือนเม.ย.นี้
เมื่อถามว่าจำเป็นต้องเดินทางลงพื้นที่ภาคใต้ด้วยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตั้งใจว่าการลงพื้นที่จะเดินทางไปทุกภาค รวมทั้งพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย แต่ต้องดูเวลาที่เหมาะสม คงเป็นช่วงปิดสมัยประชุมที่มีเวลาอยู่ประมาณ 2 เดือน ตนจะลงพื้นที่อย่างเต็มที่
เบรก"ประชา"นั่งรมต.-ยังไม่คิดปรับครม.
นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงผลสำรวจล่าสุดของเอแบคโพลที่ระบุว่าประชาชนถึงร้อยละ 41.8 ต้องการให้ปรับนายกษิตพ้น ครม.ว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดเรื่องนี้เดี๋ยวจะไปดู ตนพร้อมรับฟังเสียงสะท้อนจากทุกฝ่ายและยินดีรับฟังข้อห่วงใยจากทุกฝ่าย ในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศเข้าใจว่าเรื่องการทำงานไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย งานด้านการต่างประเทศก็ ไปได้ด้วยดี แต่ที่ยังติดใจคือการเคลื่อนไหวของนาย กษิตก่อนหน้าเข้ามารับตำแหน่ง ซึ่งยืนยันได้ว่าหากมีคดีความทุกอย่างจะเดินหน้าอย่างตรงไปตรงมา นาย กษิตไม่ได้มีสิทธิ์เหนือคนอื่น และนายกษิตเองก็ระมัด ระวังมากขึ้นเพราะยึดถือตามนโยบายรัฐบาลคือจะต้องไม่ไปสร้างความแตกแยก
เมื่อถามว่าเมื่อชั่งน้ำหนักระหว่างแรงกดดันภาย นอกกับการให้นายกษิตทำหน้าที่ต่อไปจะเลือกวิธีการใด นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนยึดว่าการทำงานจะต้องมุ่งไปที่ความสำเร็จของการทำงาน ซึ่งมีการประเมินตลอดเวลา เมื่อถามถึงกรณีสมาชิกพรรคเพื่อแผ่นดินบางส่วนยกมือสนับสนุนรัฐบาล มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่การปรับ ครม.ครั้งหน้าจะเข้ามาร่วมรัฐบาลด้วย นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ยังไม่ได้คิดไปถึงเรื่องการปรับครม. แต่ถ้ามีเพื่อนส.ส.จะเข้ามาสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลมากขึ้นก็ต้องขอขอบคุณ คงต้องพูดคุยกับทางคณะกรรมการประสานงาน (วิป) และฝ่ายประสานงานด้วย
เมื่อถามว่าขณะนี้มีข่าวลือถึงขนาดว่า พล.ต.อ. ประชา พรหมนอก ว่าที่หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน เตรียมแต่งตัวรอเป็นรัฐมนตรีแล้ว นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตนยังไม่ได้คิดเรื่องการปรับ ครม. เนื่องจากที่ผ่านมาคะแนนโหวตจากการลงมติไม่ไว้วางใจคะแนนเสียงของรัฐมนตรีทุกคนมากกว่าจำนวน ส.ส.ของฝ่ายรัฐบาลที่คำนวณกันไว้ จึงคิดว่าจะเดินหน้าทำงานต่อไป แต่ก็รับฟังทุกเสียงสะท้อน
"สดศรี"โวยดีเอสไอชิ่ง
นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการ เมือง กล่าวถึงการตรวจสอบประเด็นเรื่องเงินบริจาคของพรรคประชาธิปัตย์ และเงินกองทุนพัฒนาการเมือง ว่า ต้องรอให้มีการเสนอเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมกกต. หากทั้ง 2 เรื่องเป็นเรื่องเดียวกัน กกต.ก็ต้องให้รวมเข้าเป็นเรื่องเดียวกัน เรื่องนี้เป็นประเด็นทางการเมือง ตนกลัวจะมีปัญหาจึงสั่งเจ้าหน้าที่อย่าเพิ่งเปิดกล่องเอกสาร เพราะต้องตั้งอนุกรรมการขึ้นมาตรวจสอบเอกสารในกล่องเอกสารที่ดีเอสไอส่งมา และต้องมีตัวแทนจากดีเอสไอมาร่วมเซ็นรับรองเอกสารถูกต้องทุกใบด้วย เพราะหากเปิดกล่องแล้วมีการอ้างว่าเอกสารหายไประหว่างที่อยู่กับกกต. จะถูกข้อครหาได้
นางสดศรีกล่าวว่า สัปดาห์นี้คาดว่าน่าจะเสนอเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุมกกต.ได้ ตนจะเสนอและขอหารือกับที่ประชุมว่าก่อนเปิดกล่องควรตั้งอนุกรรมการขึ้นมาก่อนหรือไม่ ถ้ากกต.เปิดกล่องหลักฐานที่ ดีเอสไอส่งมาให้ก่อนก็อาจเป็นอันตรายกับกกต.ได้ เพราะดีเอสไอไม่ได้ทำเรื่องเข้ามาว่าได้ยื่นหลักฐานอะไรมาบ้าง ถ้ากกต.เปิดกล่องหลักฐานก่อนอาจมีการกล่าวหากกต.นำหลักฐานเท็จเข้ามาใส่ปะปน และก็อยากให้ดีเอสไอแถลงด้วยว่าทำไมถึงต้องส่งมาให้กกต.เพราะเหตุใด
นางสดศรีกล่าวว่า การตรวจสอบเรื่องนี้กกต.ต้องพิจารณาก่อนว่ามีอำนาจตรวจสอบหรือไม่ เพราะคิดว่าเมื่อดีเอสไอได้ตรวจสอบเรื่องนี้จนจะเสร็จสมบูรณ์แล้ว สอบสวนมาตั้งแต่เดือนพ.ค.2551 ทำไมโยนเรื่องมาให้กกต.ในเวลานี้ หากเรื่องเสร็จแล้วก็น่าที่จะส่งต่อไปให้อัยการให้ส่งฟ้องศาล เมื่อดีเอสไอระบุว่าเป็นความผิดตามพ.ร.บ.ตลาดหลักทรัพย์ก็สามารถฟ้องร้องดำเนินการได้ แต่หากเข้าพ.ร.บ.พรรคการเมือง อย่างที่กล่าวอ้างหากศาลตัดสินแล้วส่งมาให้กกต. ก็น่าจะเป็นการดีกว่าให้กกต.สอบในเวลานี้ เนื่องจากกกต.ต้องเริ่มสอบใหม่ ซึ่งจะทำให้เกิดความล่าช้า หากพรรคประชาธิปัตย์ผิดแล้วต้องถึงขั้นยุบพรรคก็สามารถส่งมาให้กกต. ดำเนินการตรวจสอบและส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคก็ได้ ดีเอสไอกลัวโดนการเมืองเล่นงานจึงโยนเรื่องนี้มาให้กกต. ตนก็จะเสนอนายทะเบียนในเรื่องนี้ด้วยว่าสมควรหรือไม่ที่เราจะรับเรื่องของดีเอสไอไว้พิจารณา
แนะ"เทือก"ฟ้องศาล"เหลิม"หลักฐานเท็จ
นางสดศรีกล่าวถึงกรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ระบุว่า ข้อมูลที่ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย นำมาอภิปรายเป็นความเท็จ ซึ่งจะยื่นให้กกต. ตรวจสอบและอาจมีผลถึงขั้นยุบพรรคเพื่อไทย ว่า กรณีกกต.จะพิจารณาประเด็นการอภิปรายที่มีการกล่าวหากันจะถึงขั้นยุบพรรคได้หรือไม่ กกต.จะพิจารณากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง แต่กรณีนี้น่าจะฟ้องร้องศาลมากกว่า เพราะเป็นการอภิปรายในสภา หากใครเสียหายก็เป็นการหมิ่นประมาทและถือเป็นความผิดทางคดีอาญา สามารถแจ้งความดำเนินคดีเหมือนคดีอาญาทั่วไป เพราะถือว่ามีการนำหลักฐานที่เป็นเท็จมายื่นให้กับหน่วยงานของรัฐ พรรคประชาธิปัตย์ก็มีสิทธิ์ที่จะฟ้องร้องได้เช่นกัน
เมื่อถามว่าทั้ง 2 พรรคเตรียมยื่นหลักฐานให้กกต. มีวัตถุประสงค์เพื่อยุบพรรค อาจใช้กกต. เป็นเครื่องมือทางการเมือง นางสดศรีกล่าวว่า ที่ทั้ง 2 พรรคนำหลักฐานมาให้กกต. เป็นเรื่องดี ถือเป็นการช่วยกกต.หาข้อมูลเพื่อสืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริง การตรวจสอบเรื่องการใช้เงินของพรรคการเมืองยังไม่เคยมีเรื่องใหญ่เท่านี้มาก่อน ถ้าทั้ง 2 พรรคมีหลักฐานให้กกต.สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ประชาชนก็จะได้เห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
จี้ดีเอสไอสอบข้อมูลรั่ว
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม เปิดเผยถึงกรณีพรรคเพื่อไทยระบุข้อมูลการอภิปรายเกี่ยวกับเงินบริจาคของบริษัท ทีพีไอ โพลีน ให้พรรคประชาธิปัตย์ มาจากสำนวนการสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ว่า ตนไม่ทราบเรื่องดังกล่าวและที่ผ่านมาหลังตกเป็นข่าวตนไม่เคยเข้าไปสอบถาม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีดีเอสไอ ข้อมูลดังกล่าวเป็นเรื่องการทำสำนวนคดีของดีเอสไอที่ยืนยันว่าตนไม่เคยเข้าไปแทรกแซง อย่างไรก็ตาม เป็นหน้าที่ของพ.ต.อ.ทวี ต้องเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าข้อมูลดังกล่าวมาจากดีเอสไอ มีการเปิดเผยข้อมูลให้กับพรรคเพื่อไทยจริงหรือไม่ และหากพบว่ามีการนำข้อมูลออกไปเปิดเผยจริงจะออกไปได้อย่างไร บุคคลใดนำไปเปิดเผย ซึ่งตนไม่จำเป็นต้องเรียกพ.ต.อ.ทวี มาสอบถามแต่อย่างใด
ก่อนหน้านี้พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันท์ รองอธิบดี ดีเอสไอ ในฐานะโฆษกดีเอสไอ เปิดเผยว่า ดีเอสไอมีหน้าที่สอบสวนเฉพาะความผิดทางการเงิน ตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เท่านั้น ส่วนประเด็นเรื่องพรรคการเมืองดีเอสไอส่งเรื่องไปให้กกต.วินิจฉัย
ปชป.อ้างจับเท็จฝ่ายค้านได้ 6 เรื่อง
เมื่อเวลา 11.00 น. ที่พรรรคประชาธิปัตย์ น.พ. บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงผลสรุปการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ว่า พรรคประชาธิปัตย์มีความห่วงใยหลายเรื่อง โดยเฉพาะข้อมูลการอภิปรายของฝ่ายค้านที่จะนำไปสู่การเมืองนอกสภาทำให้เกิดการแบ่งแยกของสังคม อยากเรียกร้องให้ฝ่ายค้านและกลุ่มเสื้อแดงทบทวน พรรคตรวจสอบข้อมูลที่ฝ่ายค้านนำมาอภิปรายสามารถจับเท็จได้ทั้งสิ้น 6 เรื่อง คือ 1.การนำหลักฐานของนายอภิสิทธิ์ สมัยเข้ามาเป็นส.ส.สมัยแรก ที่อ้างว่าไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคนั้น ยืนยันว่ามีหลักฐานการสมัครเข้าเป็นสมาชิกของนายอภิสิทธิ์ ชัดเจนก่อนลงสมัครส.ส. 2.ที่ฝ่ายค้านโจมตีปัญหาเศรษฐกิจปี 40 จนเป็นที่มาของการกู้เงินจากไอเอ็มเอฟในสมัยพรรคประชาธิปัตย์ เรื่องดังกล่าวไม่ได้กู้ในช่วงสมัยพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล แต่เกิดขึ้นสมัยพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกฯ มีพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร เป็นรองนายกฯ ดูด้านเศรษฐกิจ
3.กรณีเขาพระวิหารที่ระบุรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์เข้ามาบริหารตลอด 3 เดือน เป็นเหตุทำให้ชาติสูญเสียอนาธิปไตยก็ไม่เป็นความจริง เพราะก่อนหน้านี้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยแล้วว่า มติครม.รัฐบาลสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้ครม.ทั้งคณะมีความผิด พรรคจะนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมพรรคในวันที่ 24 มี.ค. เพื่อประสานกับกรรมาธิการที่เกี่ยวข้องกับชายแดนทั้งหน่วยงานด้านความมั่นคง กระทรวงการต่างประเทศ ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงว่ารัฐบาลนี้ได้ระงับการสร้างถนนขึ้นเขาพระวิหารทางฝั่งเขมรเรียบร้อยแล้ว
ข้อมูลเงินบริจาคใบสั่งตั้งแต่ยุค"หมัก"
4.กรณีของนายกษิต ที่ฝ่ายค้านระบุว่าถูกออกหมายจับ ก็ไม่เป็นความจริง เพราะทางกระบวนการยุติธรรมพนักงานสอบสวนต้องดำเนินการสืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริง หากมีมูลถึงจะขออนุมัติหมายจับ แต่หากตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วไม่มีมูลพนักงานสอบสวนก็ไม่สามารถออกหมายจับได้ นายกษิตจึงไม่จำเป็นต้องไปมอบตัว 5.กรณีฝ่ายค้านอภิปรายว่าพรรครับเงินจากบริษัทเอกชน 258 ล้านบาท ยืนยันว่าพรรคไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง จึงขอเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกกต.และดีเอสไอ ตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ปรากฏ 6.กรณีพรรคขอเงินอุดหนุน 23 ล้านบาท ฝ่ายค้านกล่าวหาว่าไม่ได้นำไปใช้ตามวัตถุ ประสงค์และไม่มีการสั่งทำป้ายหาเสียง ก็ไม่เป็นความจริง ช่วงการเลือกตั้งปี 48 พรรคมีป้ายหาเสียงของพรรคติดอยู่ทั่วประเทศ จนเป็นเหตุให้ฝ่ายค้านนำเรื่องป้ายหาเสียงมาร้องเรียนต่อกกต.
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า การอภิปรายครั้งนี้ฝ่ายค้านเสนอข้อมูลที่บิดเบือน ถือเป็นการสร้างหลักฐานเท็จ พรรคจะเปิดโปงข้อเท็จจริงในทุกเรื่องที่ฝ่ายค้านโจมตีต่อสาธารณชนให้รับทราบ หากใครสงสัยขอให้ไปร้องต่อองค์กรที่มีหน้าที่ตรวจสอบ และพรรคพร้อมให้องค์กรอิสระเหล่านั้นเข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริง ส่วนที่นายพีระพันธุ์ พาลุสุข ส.ส. ยโสธร พรรคเพื่อไทย ยืนยันชัดเจนว่าข้อมูลที่ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทยนำไปอภิปราย ได้มาจากดีเอสไอ ขอตั้งข้อสังเกตว่าเรื่องดังกล่าวเป็นกระบวนการที่มีใบสั่งตั้งแต่สมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯ ผ่านทางนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รมว.ยุติธรรม สมัยนั้นให้ไปดำเนินการทางลับบางอย่าง
ยันร้องกกต.ยุบเพื่อไทยได้
น.พ.บุรณัชย์ กล่าวว่า การชุมนุมของคนเสื้อแดงในวันที่ 26 มี.ค. เป็นการต่อสู้นอกสภา ไม่ใช่การสร้างกระแสเพียงเพื่อกดดันให้ดำเนินการนิรโทษกรรมพ.ต.ท.ทักษิณ แต่เป็นการยกระดับการชุมนุมทำให้พ.ต.ท.ทักษิณ ได้หวนคืนกลับสู่อำนาจทางการเมือง พรรคยืนยันว่าจะไม่ตอบโต้ทางการเมือง ไม่สร้างเงื่อนไขเพื่อเป็นการแบ่งแยก แต่จะใช้แผนคู่ขนาน 2 ด้าน สนับสนุนแนวนโยบายเพื่อช่วยเหลือ ผู้ยากจน ด้านแรกตั้งเป็นกองทุนพอเพียงกระจายไปทั่วประเทศโดยไม่แบ่งแยกพื้นที่ว่าเป็นสีแดงหรือสีเหลือง ด้านสองขอเชิญบุคคลบุคลากรทุกฝ่ายที่มีความรู้ความสามารถ เข้ามาร่วมกับกลุ่มบุคคลที่ เป็นกลาง และเป็นที่ยอมรับของสังคมเพื่อปฏิรูปการเมือง ทำให้การเมืองและประเทศชาติกลับเข้าสู่สภาวะปกติ
เมื่อถามว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไปกรณีนาย สุเทพ ยืนยันจะยื่นร้องกกต.ให้ยุบพรรคเพื่อไทย กรณี ร.ต.อ.เฉลิม นำข้อมูลเท็จมาอภิปราย น.พ.บุรณัชย์กล่าวว่า ยืนยันหลักฐานที่ฝ่ายค้านนำมาอภิปรายไม่เป็นความจริง แม้แต่กกต.ก็ออกมายืนยันว่าไม่มีข้อเท็จจริงในเรื่องการให้เงินจากบริษัทเอกชน พรรคต้องดูข้อมูลที่ฝ่ายค้านจะยื่นต่อกกต.ก่อนว่ามีเนื้อหาอย่างไร ส่วนกรณีร.ต.อ.เฉลิม ผู้นำข้อมูลมาอภิปราย ไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยจึงไม่สามารถที่จะนำไปสู่การยุบพรรคได้ เรื่องนี้จากการตรวจสอบข้อกฎหมายจะเห็นว่า การอภิปรายของ ร.ต.อ.เฉลิม เป็นการทำในนามพรรคเพื่อไทย สามารถเชื่อมโยงที่จะยุบพรรคได้ เพื่อความถูกต้องขอให้ดีเอสไอและกกต.ไปหารือและตรวจสอบข้อเท็จจริงให้เกิดความชัดเจน
เพื่อไทยไม่ขับงูเห่า
เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ทำการพรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ภาพรวมพรรคพอใจแม้เสียงที่ออกมาจะแตกต่างกันบ้าง รัฐบาลยังคงได้รับการไว้วางใจก็ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย แต่ต้องขอขอบคุณพรรคพวกที่ออกจากพรรคไปก่อนหน้านี้ที่ชี้เป้าให้เห็นว่าใครยังยึดโยงอุดมการณ์อยู่กับพรรคเพื่อไทย จะช่วยให้การบริหารจัดการในพรรคง่ายขึ้น การลงคะแนนโหวตก็มีบางส่วนที่เป็นข้อผิดพลาดทางเทคนิค ส่วนพรรคเพื่อไทยจะขับส.ส.กลุ่มดังกล่าวหรือไม่ผู้ใหญ่ในพรรคได้พูดคุยกันเห็นว่ารัฐธรรมนูญ 2550 ให้เอกสิทธิ์การโหวตของส.ส. แต่ระเบียบพรรคการเมืองต้องมีระเบียบวินัย ต้องมีการมาพูดคุยหารือให้ข้อเท็จจริงซึ่งกันและกัน
โฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า พรรคจะไม่ขับส.ส. ออกจากพรรค แต่จะพูดคุยกัน บางทีส.ส.บางคนที่ งดออกเสียงเกิดจากผู้ที่ออกจากพรรคพลังประชาชนเดิมไปชักจูงด้านข้อมูลบางเรื่อง เหตุผลบางประการ เราต้องมาพูดคุยปรับความเข้าใจกันในการประชุมพรรควันที่ 24 มี.ค. เวลา 09.30 น. ซึ่งเป็นการประชุมสามัญประจำปี แต่ไม่มีวาระการเลือกหัวหน้าและกรรมการบริหารพรรคเพิ่มเติม
นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า สำหรับนายกษิตเห็นชัดว่ามีเสียงที่แตกต่างจากนายกฯ และรัฐมนตรีอีก 4 คนชัดเจน ขาดเสียงสนับสนุนไป 9 เสียง ซึ่งเป็นนัยยะที่สำคัญทางการเมืองของพรรครัฐบาล เพราะก่อนหน้านี้มีส.ส.ประชาธิปัตย์บางคนจะขอร่วมอภิปรายพร้อมฝ่ายค้าน แต่นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เบรกเกมนี้ไว้ก่อน ไม่เช่นนั้นคงจะได้เห็นอะไรดีๆ หากเสียงไม่ไว้วางใจขนาดนี้ประเทศประชาธิปไตย ที่เจริญอย่างในยุโรป ญี่ปุ่น หากนายกษิตไม่หน้าหนาคงต้องลาออกไปแล้ว นายกฯ ก็ทำตัวเป็นเจ้าบุญทุ่มยังไม่พอ ยังเป็นเจ้าบุญอุ้มอีก สาเหตุที่นายอภิสิทธิ์ ไม่กล้าปลดนายกษิตเพราะไม่อยากเปิดศึก 2 ด้าน ไม่อยากมีปัญหากับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชา ธิปไตย
เตรียมฟ้อง"มาร์ค"ละเว้นหน้าที่
โฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า พรรคพอใจการทำหน้าที่ของร.ต.อ.เฉลิมมาก รวมถึงประชาชนที่สะท้อนผ่านคอลเซ็นเตอร์ เอแบคโพลที่สะท้อนว่า การอภิปรายมีผลต่อพรรคประชาธิปัตย์ แสดงให้เห็นว่าการอภิปรายของพรรคฝ่ายค้านไม่ใช่การจำอวด โดยเอกสารหลักฐานจะนำไปสู่กระบวนการตรวจสอบจากกกต.
นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า พรรคจะดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อนายอภิสิทธิ์ ข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามกฎหมายอาญา มาตรา 157 เนื่องจากยังปล่อยให้นายกษิต ทำหน้าที่ต่อ ทั้งที่เป็น ผู้ต้องหาในคดีปิดสนามบิน ส่วนที่นายสุเทพขู่ว่าพรรคเพื่อไทยจะถูกยุบ ทำให้เห็นว่านายสุเทพไม่รู้จริง เพราะร.ต.อ.เฉลิมไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรค และการพูดในสภามีเอกสิทธิ์คุ้มครอง หลักฐานของพรรคเพื่อไทยบางเรื่องชัดเจนกว่าดีเอสไออีก สัปดาห์นี้ฝ่ายกฎหมายของพรรคจะส่งเรื่องให้ กกต.ตรวจสอบ
เมื่อถามถึงกระแสข่าวการซื้อตัวส.ส. นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า ไม่ทราบ ต้องไปถามส.ส.ที่งดออกเสียงว่า มีเรื่องนี้จริงหรือไม่ ขณะนี้มีร.ต.ปรพล อดิเรกสาร ส.ส.สระบุรี เพียงคนเดียวที่มีความชัดเจนว่าต้องการไปร่วมงานทางการเมืองกับพรรคการเมืองอื่น ส่วน ส.ส.คนอื่นที่งดออกเสียงอาจเป็นเพราะรู้จักมักคุ้นกับรัฐมนตรีคนนั้น เลยงดออกให้ก็เป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งจะต้องมีการพูดคุยต่อไป
"บรู๊ค"เผยรู้ข่าวแจก 1 ล.จากข่าวสั้น
นายดนุพร ปุณณกันต์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวเป็นผู้ปราศรัยกับกลุ่มเสื้อแดงว่ามีการซื้อเสียงในการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ความจริงเรื่องนี้ไม่มีอะไร บังเอิญกลุ่มเสื้อแดงไปรวมตัวกันในเขตพื้นที่บึงทองหลาง เชิญตนไปพบปะพูดคุยก่อนจะมีการซักถามถึงกระแสข่าวดังกล่าว ก็เล่าให้ฟัง ซึ่งข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไรตนไม่ทราบ เพียงได้รับข่าวเป็นข้อความสั้นจากสำนักข่าวแห่งหนึ่งทางโทรศัพท์มือถือ ว่ากลุ่มเพื่อนเนวินเตรียมซื้อเสียงในการโหวตอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยมีการให้เงินส.ส.คนละ 1 ล้านบาท แต่ตนไม่ทราบว่ามีการแจกเงินจำนวนดังกล่าวจริงหรือไม่ ตนพูดไปตามรายงานข่าวที่ได้รับมา กระแสข่าวดังกล่าวจะเป็นจริงหรือไม่นั้นคงต้องไปถามพรรคและกลุ่มการเมืองที่เป็นข่าว ยืนยันตนไม่ได้รับการติดต่อและไม่ได้กล่าวหาใคร ส่วนเรื่องนี้จะเป็นอย่างไรนั้นคนทำย่อมรู้ดี
"สมชาย"โฟนอินปลุกเสื้อแดง
เมื่อเวลา 08.00 น. ที่โรงแรมแกรนด์วโรรส พาเลซ ต.พระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เสื้อแดงกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 จัดอบรมอาสาสมัครพิทักษ์ประชา ธิปไตยรุ่นที่ 1 มีน.พ.เหวง โตจิราการ ประธานที่ปรึกษากลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวเปิด เวลา 11.00 น.นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้โฟนอินเข้ามาพูดคุย 4 นาที ให้กำลังใจคนเชียงใหม่และเสื้อแดง และว่าให้คอยฟังพ.ต.ท. ทักษิณในเวทีความจริงสัญจรที่เชียงใหม่เย็นนี้ ถ้ารักพ.ต.ท.ทักษิณก็อย่าลืมไปแสดงพลังประชาธิปไตย ร่วมชุมนุมกันให้เต็มที่ในวันที่ 26 มี.ค.นี้ที่ทำเนียบ
เวลา 13.30 น. เครือข่ายประชาชนผู้รักความยุติธรรมชาวล้านนา 8 จังหวัดภาคเหนือ และกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 รวม 300 คน รวมตัวกันที่หน้าโรงแรม เดินทางไปสำนักงานตำรวจภูธรภาค 5 ยื่นหนังสือต่อพล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ผบช.ภาค 5 เมื่อไปถึง ผู้ชุมนุมได้อ่านแถลงการณ์ให้เจ้าหน้าที่เร่งดำเนินคดีพันธมิตร พร้อมมอบหนังสือให้ พ.ต.อ.อักษร วงศ์ใหญ่ ผกก.สภ.แม่ปิง ซึ่งแจ้งว่าจะนำหนังสือดังกล่าวเสนอต่อ ผบช.ภาค 5 เพื่อพิจารณาส่งต่อไปยังพล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมกลับไปตั้งหลักที่หน้าโรงแรมแกรนด์วโรรสอีกครั้ง ก่อนเคลื่อนกำลังไปสมทบกลุ่มเสื้อแดงที่เริ่มทยอยมายังสนามกีฬา 700 ปี นครเชียงใหม่
เสื้อแดงพะเยาร่วมด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจบางส่วนตั้งด่านเส้นทางไปสนามกีฬา 700 ปี เพื่อตรวจค้นอาวุธอย่างเข้มงวด และให้ตำรวจแต่ละโรงพักในพื้นที่สมทบกำลังดูแลความปลอดภัย ใช้กำลังทั้งหมดประมาณ 1,000 นาย
ขณะเดียวกัน กลุ่มเสื้อแดงพะเยา กลุ่มพะเยารักประชาธิปไตย กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย กลุ่มพะเยาอาร์มี และกลุ่มรักประชาธิปไตย อ.จุน 1,000 คน นัดรวมตัวกัน ณ ศูนย์พระเครื่องเมืองพะเยา สี่แยกแม่ต๋ำ ต.เวียง อ.เมือง จ.พะเยา เดินทางด้วยรถยนต์มาร่วมชุมนุมที่สนามกีฬา 700 ปี โดยที่ส.ส.พะเยา พรรคเพื่อไทย ทั้ง 3 คน เดินทางไปล่วงหน้าแล้ว
นอกจากนี้ กลุ่มเสื้อแดงในนามคนร้อยเอ็ดรักประชาธิปไตย ปี 52 จำนวน 200 คน นำโดยนาย วิเชียรชนิน สินธุไพร ประธานกลุ่ม น้องชายนายนิสิต สินธุไพร นายสมยศ พรมทา รองประธานกลุ่ม นายอุบล เศรษฐวิบูลย์ เลขานุการ และน.ส.กรองทอง ป้อมอุดร รวมตัวกันที่บริเวณหน้าโรงเรียนร้อยเอ็ดวิทยาลัย ก่อนเคลื่อนขบวนพร้อมปราศรัยบนรถกระจายเสียงแห่ไปตามถนนต่างๆ รอบเมือง เรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภา และเชิญชวนให้คนร้อยเอ็ดไปร่วมชุมนุมใหญ่ที่กรุงเทพฯ ในวันที่ 26 มี.ค.
"ทักษิณ"โฟนอินแฉแผนลอบสังหาร
เวลา 20.00 น. พ.ต.ท.ทักษิณ ได้วิดีโอลิงก์เข้ามาร่วมในการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง ที่ผู้ชุมนุมเพิ่มขึ้นเป็น 2 หมื่นคน เรียกร้องให้คนเสื้อแดงอย่าแตกแยก ให้เป็นน้ำหนึ่งน้ำใจเดียวกัน อย่าไปยอมแพ้ยอม ให้คนต้มตุ๋นประชาธิปไตย พร้อมระบุว่า การลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา รัฐบาลยอมเสียเงินชี้เป้าให้รู้ถึงคนที่อยู่เพื่อไทยแต่ใจไม่อยู่ โดยเอางบท้องถิ่นมาล่อให้ส.ส.บางคน ที่ไม่ยอมอยู่อย่างเสือ แหกคอกโหวต หรืองดออกเสียงให้รัฐมนตรี ความจริงบางส่วนจะมีรายละเอียดในหนังสือ ทักษิณ Are you ok? ที่จะวางแผงสิ้นเดือนมี.ค.นี้ พร้อมเปิดเผยข้อมูลส.ส. ย้ายพรรค เพราะได้รับเงินคนละ 2 แสนบาท และได้รับงบท้องถิ่นอีก 20 ล้านบาท
พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุด้วยว่า จากการพบปะกับพล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผอ.รมน.ที่จีนเมื่อ เร็วๆ นี้ พล.อ.พัลลภ เป็นคนเล่าให้ฟังถึงเหตุการณ์ก่อนการปฏิวัติ จากนั้นมีการระบุชื่อว่าผู้อยู่เบื้องหลังการปฏิวัติและลอบสังหารตนเอง และว่าที่ผ่านมารู้สึกอึดอัดเพราะเก็บความลับมาโดยตลอด และยังมีการปล่อยข่าวว่าจะมีการล้มราชบัลลังก์ ยืนยันไม่มีแผน มีแต่หัวใจที่จงรักภักดี รักชาติและประชาชน การชุมนุมใหญ่วันที่ 26 มี.ค.นี้ ตนจะเปิดเผยข้อมูล ที่ยังมีอีกมาก รวมถึงทางออกในการแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจและการเมือง เพราะมั่นใจว่าถ้าได้กลับมาจะแก้วิกฤตได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การโฟนอินครั้งนี้ พ.ต.ท. ทักษิณ แฉถึงแผนลอบสังหารและการปฏิวัติอย่างละเอียด พร้อมระบุชื่อชัดเจน
นครบาลพร้อมรับม็อบแดง 26 มี.ค.
พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้บัญชาการตำรวจ นครบาล ยืนยันว่า ขณะนี้มีความพร้อมอย่างเต็มที่ในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยช่วงที่จะมีการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดง ในวันที่ 26 มี.ค. โดยเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 22 กองร้อย คอยดูแลความเรียบร้อย รวมทั้งอำนวยความสะดวกด้านการจราจรให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนด้วยและเพื่อเป็นการป้องกันมือที่ 3 ที่อาจฉวยโอกาสสร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้น มอบหมายให้มีการสืบสวนหาข่าวแล้ว ขณะเดียวกันกลุ่มผู้ชุมนุมเองต้องช่วยกันเพิ่มความระมัดระวัง
สำหรับแผนปฏิบัติการนั้น ผู้บัญชาการตำรวจ นครบาล กล่าวว่า ยังคงใช้แผนปฏิบัติการเหมือนการชุมนุมครั้งที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นแผนที่ใช้แล้วได้ผลดี แต่อาจปรับเปลี่ยนรายละเอียดบ้างบางส่วน เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์การชมุนุม ทั้งนี้ ยืนยันจะไม่มีการใช้กำลังกับกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างแน่นอน กองบัญชาการตำรวจนครบาลได้ประชุมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อติดตามสถานการณ์ความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างต่อเนื่องในรอบ 24 ชั่วโมงของทุกวัน