WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Monday, March 23, 2009

แม้วโฟนอินแฉยิบ แผนสังหาร อ้าง"พัลลภ"สารภาพ

ที่มา ข่าวสด

ไม่มางานศพพี่ นัดคุ้ยอีก26มีค. มาร์คปลื้มโหวต ได้เสียงเกินคาด




แม้วแฉ- กลุ่มเสื้อแดงประมาณ 2 หมื่นคน นั่งฟังพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่โฟนอินเข้ามา แฉผู้อยู่เบื้องหลังการโค่นล้มและลอบสังหารตัวเอง ที่สนามกีฬา 700 ปี จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 22 มี.ค.

"มาร์ค"ยันไม่ปลด "กษิต" บอกรัฐบาลไม่มีจุดอ่อน งานในตำแหน่งรมว.ต่างประเทศไปได้ดี เรื่องคดีจะทำตรงไปตรงมา ไม่ได้สิทธิเหนือคนอื่น ออกตัวส.ส.มีอิสระ ผู้ไม่ลงคะแนนไว้วางใจให้อย่าไปเรียกว่าเป็น"งูเห่า" เบรกข่าว"ประชา" แต่งตัวรอนั่งรมต. ยังไม่ได้คิดปรับครม. รุกสมานฉันท์-คุยฝ่ายค้านสัปดาห์นี้ ปชป.อ้างจับเท็จข้อมูลซักฟอกฝ่ายค้าน 6 เรื่อง ยันร้องกกต.ยุบเพื่อไทยได้ "พีระพันธุ์"จี้ดีเอสไอสอบข้อมูลรั่วถึงมือฝ่ายค้าน เพื่อไทยไม่ขับงูเห่า เรียกคุยถามเหตุผล 24 มี.ค. เตรียมฟ้อง"มาร์ค"ละเว้นหน้าที่อุ้มกษิต "สดศรี"โวยดีเอสไอชิ่ง โยนคดีปชป.ให้พิจารณา ทั้งที่ยื่นฟ้องศาลได้เลยและเร็วกว่า เสื้อแดงเชียงใหม่ชุมนุมคึกสนาม 700 ปี 2 หมื่น แม้วโฟนอินแฉคนร่วมขบวนการโค่นล้มตนเอง

"มาร์ค"ไม่ปลด"กษิต"คะแนนเกินคาด

เวลา 09.00 น. วันที่ 22 มี.ค. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์ จัดที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี ถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที นายกฯ กล่าวขอบคุณส.ส.ที่สภาลงมติไว้วางใจตนเองและรัฐมนตรี 5 คน ให้ดำเนินการบริหารราชการแผ่นดินต่อไป ประเด็นหรือข้อท้วงติงที่ฝ่ายค้านอภิปรายแล้วเป็นประโยชน์จะนำกลับมาแล้วมอบให้สำนักงานเลขา ธิการคณะรัฐมนตรี รวบรวมประเด็นแล้วเสนอ ครม. ต่อไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ ความมั่นคง หรือเรื่องอื่นๆ ที่มีการหยิบยกอภิปรายขึ้นมา

ผู้ดำเนินรายการถามถึงกระแสข่าวกดดันให้ปลดนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ นายกฯ กล่าวว่า ดูจากตัวเลขที่ลงมติให้วิปรัฐบาลคำนวณว่าจำนวนส.ส. ที่ถือว่าอยู่ฝ่ายรัฐบาลหักด้วยส.ส.ที่ลงคะแนนไม่ได้คือรัฐมนตรี จะมีอยู่ 237 เสียง เมื่อลบผู้ลาประชุมหรือมาไม่ทันจำนวน 3-4 คน จะมีเสียง 233-234 ดังนั้นเมื่อได้คะแนนไว้วางใจ 246 เสียงถือว่าได้มากกว่าที่คาดคิดไว้ ส่วนผู้ไม่ลงคะแนนไว้วางใจให้อย่าไปเรียกว่าเป็น "งูเห่า" เพราะส.ส.มีเอกสิทธิ์ มีสิทธิ์ มีความเป็นอิสระตามรัฐ ธรรมนูญในการลงคะแนน อาจมีสมาชิกพรรคเพื่อแผ่นดิน ประชาราช แม้กระทั่งสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ตัดสินใจลงคะแนน งดออกเสียง ไว้วางใจ หรือไม่ไว้วางใจบ้าง ขอขอบคุณทุกๆ คน ถือว่าให้โอกาสรัฐบาลทำงานต่อไปเมื่อได้รับโอกาสรัฐบาลต้องทำให้ดีที่สุด

สำหรับความเคลื่อนไหวให้ปลดนายกษิตพ้นตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ เพราะได้รับคะแนนน้อยที่สุดในบรรดารัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ถือเป็นจุดอ่อนของรัฐบาล นายกฯ กล่าวว่า ไม่มีจุดอ่อน ทุกอย่างขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพการทำงาน และอยู่ที่การประเมินว่าต้องมีการปรับเปลี่ยนหรือไม่ ในส่วน รมว.ต่างประเทศ ประเด็นที่ถูกอภิปรายส่วนหนึ่งเป็นเรื่องการเคลื่อนไหวก่อนเข้ามาเป็นรัฐมนตรีกับเรื่องกัมพูชา คิดว่ารัฐมนตรีชี้แจงได้ค่อนข้างชัดเจน แต่เข้าใจดีว่าเพื่อนสมาชิกจำนวนมากอาจมีมุมมองที่แตกต่างและสะท้อนความรู้สึกนี้มาค่อนข้างต่อเนื่อง แต่คะแนน 237 เสียงที่ รมว.ต่างประเทศได้รับก็มากกว่า 234 เสียงที่ประเมินว่าจะได้

ฟุ้งงานคืบเร็วกว่าที่ตั้งไว้ 99 วัน

สำหรับการประเมินว่าสอบผ่านหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ถ้าประเมินตัวเองต้องประเมินเงียบๆ ถ้าต่อสาธารณะต้องให้สาธารณะประเมิน แต่สิ่งที่ยืนยันได้คือทำงานไม่หยุด รู้ว่าประเทศกำลังเผชิญกับวิกฤต ประชาชนลำบาก โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ และตนทำงานโดยไม่มีผลประโยชน์อื่น ยึดประโยชน์ของส่วนรวมอย่างเดียว ส่วนความสำเร็จความล้มเหลวในการทำงานต้องให้คนอื่นประเมิน ระยะเวลาที่ทำงานมา 80 กว่าวัน แม้ยังไม่ถึง 99 วันที่รัฐบาลตั้งไว้ว่าต้องมีอะไรชัดเจน ได้ทำงานหลายอย่างที่เป็นไปตามเป้าหมาย เช่น เรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจ แผนรอบที่ 1 งบประมาณผ่านสภาเรียบร้อยกำลังลงถึงมือประชาชน มีการเตรียมการรอบ 2 หรือรอบ 3 ไว้แล้ว ในแง่ความเชื่อมั่นได้ทำให้สถานการณ์ต่างๆ นิ่งหรือมีเสถียรภาพมากขึ้น ต่างประเทศมีความเข้าใจมากขึ้นต่อการเปลี่ยนแปลงที่ให้เกิดขึ้น และการจัดประชุมสำคัญ เช่น อาเซียนซัมมิตผ่านพ้นไปเรียบร้อย มองรวมๆ 82 วันถือว่าเป็นไปตามเป้าหมาย แต่ยังพอใจไม่ได้ เศรษฐกิจกำลังเผชิญปัญหาอยู่

นายกฯ กล่าวว่า ไม่อยากให้ประชาชนตกใจเรื่องเศรษฐกิจ แม้ปัญหาหนักแต่ถ้าร่วมมือกันทุกอย่างจะผ่านไปได้ ไม่ต้องกลัวเรื่องกู้เงิน เพราะขณะนี้ทั่วโลกต้องทำอย่างนี้ ส่วนที่มีการมองว่าเป็นเด็กอายุเพียง 44 ปี แต่เข้ามาแก้ปัญหาเศรษฐกิจประเทศ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยแปลกที่คนในวัยตนที่เข้ามาทำงานและมีความรับผิดชอบสูงขึ้นโดยลำดับ ตนขาดประสบการณ์ด้านไหนก็สอบถามจากผู้มีประสบ การณ์ เพราะเป็นคนที่รับฟัง ไม่ใช่คนที่เอาตัวเอง เป็นใหญ่ ดังนั้นตรงไหนขาดจะเติมให้เต็ม ถ้าความเด็กหมายถึงความสุจริต ความบริสุทธิ์ ความกล้าที่ จะทำอะไรใหม่ๆ ถือว่าเป็นสิ่งดี ในยุคนี้ก็ต้องการเหมือนกัน

ชี้กู้เงินแผน 2 หากไม่ทำเม.ย.หนักแน่

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เมื่อเศรษฐกิจหดตัวลงถ้าเราอยู่เฉยจะมีคนตกงาน ดังนั้นรัฐบาลต้องเข้าไปลงทุนหรือใช้จ่ายเอง เงินลงทุนจะมาจาก 3 ทาง คือ ขึ้นภาษี กู้เงิน หรือขายทรัพย์สมบัติของชาติ รัฐบาลไม่คิดขายสมบัติชาติแต่เลือกวิธีกู้เงิน มั่นใจว่าไม่กระทบต่อสถานภาพของเศรษฐกิจประเทศ และหนี้สาธารณะไทยอยู่ในเกณฑ์ดี การกู้เงินอีกไม่ใช่ว่ามาตรการแรกไม่ได้ผลแต่เป็นการดำเนินมาตรการ 2 ระยะตามที่รัฐบาลมีนโยบาย หากไม่ทำเดือนเม.ย.และพ.ค.จะหนักหนาสาหัสมาก มั่นใจว่าหากดำเนินการตามนี้เมื่อเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวเราจะฟื้นตัวตามและจะมีรายได้เพียงพอมาใช้หนี้ได้อย่างสบายๆ อยากให้สบายใจ เข้ามาเป็นรัฐบาลในช่วงวิกฤตครั้งที่ 2 เราไม่เคยทำให้ประเทศเสียหายระยะยาว ตรงกันข้ามจะดูแลเรื่องเสถียรภาพ ความมั่นคงเป็นอย่างดี และปรึกษาหารือใกล้ชิดตลอดเวลากับกระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า จากการได้นำตัวเลขต่างๆ มาดูว่าการที่เศรษฐกิจโลกกำลังหดตัว การค้าหดหายไป 20-30% จำเป็นต้องมีเงินมาชดเชยในระบบเศรษฐกิจ ดังนั้น 3 ปีข้างหน้ารัฐบาลต้องเป็นผู้ลงทุนประมาณ 1.4 ล้านล้านบาท ซึ่งต้องไปแยกแยะว่าแหล่งรายได้จะมาจากที่ไหนอย่างไรบ้าง และตอนนี้กำลังทำโครงการในรายละเอียด มีทั้งเรื่องรถไฟความเร็วสูง ปรับปรุงเรื่องรถไฟ ถนน รวมทั้งถนนไร้ฝุ่น ตลอดจนการลงทุนใหญ่เรื่องแหล่งน้ำ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในด้านชลประทาน นอกจากนั้น จะเป็นการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานทางการศึกษาและการสาธารณสุข ซึ่งรายละเอียดจะนำเข้าพิจารณาในการประชุม ครม.เศรษฐกิจวันพุธที่ 25 มี.ค.

รุกสมานฉันท์-คุยฝ่ายค้านสัปดาห์นี้

นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงการสร้างความสมานฉันท์ระหว่างเสื้อเหลือง-แดงว่า สิ่งที่ตนพิสูจน์ตลอดเวลาที่ผ่านมาคือไม่ทะเลาะกับใคร รัฐบาลไม่เป็นคู่กรณีกับใคร และเคารพฟังทุกเสียงจริงๆ แม้แต่กลุ่มที่เคลื่อนไหวต่อต้าน ส่วนข้อเรียกร้องและคดีความต่างๆ สั่งให้รายงานและติดตามกำชับตลอด ขณะนี้สามารถรายงานความคืบหน้าต่างๆ ได้ คดีความไม่ได้เกี่ยวกับสีเสื้อแต่ต้องรักษาความถูกต้องในบ้านเมือง ใครทำผิดกฎหมายกฎหมายต้องเป็นกฎหมาย ส่วนข้อเรียกร้องเรื่องการปฏิรูปการเมืองได้เดินหน้าไปขั้นหนึ่ง มีองค์กรที่เป็นกลางเข้ามา

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า สำหรับฝ่ายค้านตนจะไปหารืออีกรอบในสัปดาห์นี้ และจะเดินหน้าตรงนี้ต่อ รวมไปถึงข้อขุ่นข้องหมองใจว่ากฎหมายหรือระเบียบต่างๆ ปฏิบัติอย่างเป็นธรรมหรือไม่ ตนดูหมดและฟังทุกเสียงจริงๆ เช่น สิทธิเสรีภาพของคนใช้อินเตอร์เน็ต ยอมพบกับทุกกลุ่มไม่เคยรังเกียจ แถลงการณ์อาจต่อว่ารัฐบาล หรือประชาชนที่บอกว่าแก้ปัญหาไม่ถูกจุด อาทิ เกษตรกร ไม่ต้องเดินขบวนติดต่อมาตนยินดีพบ ล่าสุดกำลังจะนัดเวลาพูดคุยกับชาวไร่อ้อย

นายกฯ กล่าวว่า ตนคงไม่สามารถทำให้ทุกคนเห็นตรงกันทางการเมืองได้และไม่มีทาง ไม่เชื่อว่าจะมีนักการเมืองคนไหนทำให้คนทั้งร้อยชอบได้ เพียงขอให้เราเคารพความแตกต่าง อย่าขัดขวางการทำหน้าที่ของกันและกัน จะแสดงออกอย่างไรขอให้อยู่ภายใต้กฎหมาย วันนี้ขอย้ำเชิญชวนทุกคนให้ร่วมกันแก้ปัญหาของประเทศ ถ้าแก้ปัญหาของประเทศได้สำเร็จประโยชน์ไม่ได้ตกอยู่กับตน แต่ตกอยู่กับพี่น้องประชาชน ตนไม่เอาอะไรกลับบ้านไปไหน มาอยู่ตรงนี้ในเวลาที่จำกัด เพราะรัฐธรรมนูญเขียนไว้ชัดเจน ต่อให้คนสนับสนุนท่วมท้นอย่างไรก็มีเวลาจำกัด ตนไม่คิดอะไรมากไปกว่านี้ ถือว่ามาชดใช้บุญคุณแผ่นดิน ไม่เป็นไรถ้าจะแสดงออกคัดค้านตนเปิดโอกาส แต่ขออย่าขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ อย่าทำให้นโยบายหลายอย่างแทนที่จะไปถึงมือประชาชน ทำให้เศรษฐกิจฟื้นมาได้ ได้รับผลกระทบ

รับเคยเห็นเอกสาร"แผนตากสิน"

ส่วนข่าวที่มีแผนตากสินจ้องล้มรัฐบาล นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คงไม่เป็นสิ่งที่ตนอยากมายืนยันว่ามีหรือไม่ แต่เคยเห็นว่ามีเอกสาร หรือมีคนที่มีความคิดนี้ ไม่ทราบว่ากว้างขวางแค่ไหน ก็เป็นห่วงถ้ามีหรือคิดอย่างนั้น เราแตกต่างกันในทางการเมืองไม่เป็นไรแต่ขอให้อยู่ภายใต้กติกา ขอให้ช่วยกันคิดถึงส่วนรวมเป็นใหญ่ การต่อต้านที่อยู่ในขอบเขตของกฎหมายเสียงของเขาก็ไปถึงคนที่ต้องการให้ได้ยิน แต่ถ้าทำอะไรรุนแรงผิดกฎหมายอาจสะใจคนบางกลุ่ม แต่เสียหายคนทั้งประเทศ ไม่อยากให้ทำ

ที่หอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพฯ นายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสกดดันนอกสภาที่กลุ่มเสื้อแดงประกาศชุมนุมใหญ่และปิดล้อมทำเนียบ ในวันที่ 26 มี.ค. รัฐบาลเตรียมรับมืออย่างไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า จุดยืนเหมือนเดิมทุกครั้ง ทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ฝ่ายความมั่นคงจะรักษากฎหมายอย่างนุ่มนวล หลีกเลี่ยงการปะทะให้มากที่สุด เมื่อถามว่าจำเป็นต้องขอกำลังเจ้าหน้าที่ทหารเข้ามาเป็นผู้ช่วยตำรวจเหมือนครั้งที่ผ่านมาหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคงได้เรียกประชุมไปแล้วและมั่นใจว่าจะรับมือได้

นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงความคืบหน้าการปฏิรูปการเมืองว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมายังไม่มีโอกาสได้หารือกับฝ่ายค้านเพราะเป็นช่วงเวลาการอภิปรายไม่ไว้วางใจ บรรยากาศไม่เอื้ออำนวยที่จะให้เดินเข้าไปพูดคุยกันเพราะเป็นช่วงเวลาที่เตรียมข้อมูลอภิปรายรัฐบาล แต่สัปดาห์นี้จะมีโอกาสได้พูดคุยกันแน่นอน เมื่อถามว่าฝ่ายค้านไม่เห็นด้วยให้สถาบันพระปกเกล้าเข้ามาเป็นเจ้าภาพในการปฏิรูปการเมือง นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า พรรคฝ่ายค้านก็ต้องการให้การปฏิรูปการเมืองเดินหน้า คงต้องถามกลับว่ามีข้อเสนออะไรที่ดีกว่าหรือไม่ ตนยินดีรับฟัง สถาบันพระปกเกล้าที่พูดถึงเป็นตัวสถาบันไม่ใช่ตัวบุคคล และเป็นสถาบันที่สามารถระดมความร่วมมือจากฝ่ายต่างๆ ได้เป็นจำนวนมาก ที่สำคัญเป็นสถาบันที่อิงกับฝ่ายนิติบัญญัติจึงไม่มีปัญหาหากจะดึงส.ส.เข้าไปมีส่วนร่วม แต่หากเป็นกลไกอื่นก็คงจะมีปัญหา

ทุ่มเวลาลงพื้นที่ช่วงปิดสมัยประชุม

เมื่อถามว่ารัฐบาลจะมีวิธีจูงใจอย่างไรให้ฝ่ายค้านเข้ามาร่วมมือ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนคงต้องสอบ ถามว่าความห่วงใยอยู่ตรงไหน และตนยินดีที่จะเป็นคนกลางในการถ่ายทอดความห่วงใยดังกล่าว พร้อมทั้งดูว่าสถาบันพระปกเกล้าจะปรับเปลี่ยนเพื่อให้ฝ่ายค้านมีความมั่นใจได้มากน้อยแค่ไหน

นายกฯ กล่าวด้วยว่า สัปดาห์นี้จะมีการประชุมคณะกรรมการพัฒนาพื้นที่พิเศษ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หารือเรื่องหลักคือการพัฒนา เพราะมองว่ามันขาดหายไปในช่วงที่ผ่านมา และ 1 เดือนที่ผ่านมาได้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ไปรวบรวมโครงการทั้งหมดที่มีความสำคัญเกี่ยวกับการพัฒนา และการลงทุนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงอุปสรรคในการทำงานในโครงการต่างๆ เมื่อถามว่านายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย เตรียมเสนอร่างกฎหมายเพื่อเข้ามาช่วยในการพัฒนาและแก้ปัญหาในพื้นที่ นายกฯ กล่าวว่า เรื่องของกฎหมายยังไม่แน่ใจว่าจะอยู่ในวาระการประชุมหรือไม่ แต่ที่ผ่านมาได้พูดคุยกับนายถาวรบ้างแล้ว เนื่องจากมีร่างกฎหมายของส.ส. และขณะนี้รัฐบาลอยู่ในช่วงการประเมินการใช้กฎหมายทุกฉบับที่จะครบกำหนดในเดือนเม.ย.นี้

เมื่อถามว่าจำเป็นต้องเดินทางลงพื้นที่ภาคใต้ด้วยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตั้งใจว่าการลงพื้นที่จะเดินทางไปทุกภาค รวมทั้งพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย แต่ต้องดูเวลาที่เหมาะสม คงเป็นช่วงปิดสมัยประชุมที่มีเวลาอยู่ประมาณ 2 เดือน ตนจะลงพื้นที่อย่างเต็มที่

เบรก"ประชา"นั่งรมต.-ยังไม่คิดปรับครม.

นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงผลสำรวจล่าสุดของเอแบคโพลที่ระบุว่าประชาชนถึงร้อยละ 41.8 ต้องการให้ปรับนายกษิตพ้น ครม.ว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดเรื่องนี้เดี๋ยวจะไปดู ตนพร้อมรับฟังเสียงสะท้อนจากทุกฝ่ายและยินดีรับฟังข้อห่วงใยจากทุกฝ่าย ในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศเข้าใจว่าเรื่องการทำงานไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย งานด้านการต่างประเทศก็ ไปได้ด้วยดี แต่ที่ยังติดใจคือการเคลื่อนไหวของนาย กษิตก่อนหน้าเข้ามารับตำแหน่ง ซึ่งยืนยันได้ว่าหากมีคดีความทุกอย่างจะเดินหน้าอย่างตรงไปตรงมา นาย กษิตไม่ได้มีสิทธิ์เหนือคนอื่น และนายกษิตเองก็ระมัด ระวังมากขึ้นเพราะยึดถือตามนโยบายรัฐบาลคือจะต้องไม่ไปสร้างความแตกแยก

เมื่อถามว่าเมื่อชั่งน้ำหนักระหว่างแรงกดดันภาย นอกกับการให้นายกษิตทำหน้าที่ต่อไปจะเลือกวิธีการใด นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนยึดว่าการทำงานจะต้องมุ่งไปที่ความสำเร็จของการทำงาน ซึ่งมีการประเมินตลอดเวลา เมื่อถามถึงกรณีสมาชิกพรรคเพื่อแผ่นดินบางส่วนยกมือสนับสนุนรัฐบาล มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่การปรับ ครม.ครั้งหน้าจะเข้ามาร่วมรัฐบาลด้วย นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ยังไม่ได้คิดไปถึงเรื่องการปรับครม. แต่ถ้ามีเพื่อนส.ส.จะเข้ามาสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลมากขึ้นก็ต้องขอขอบคุณ คงต้องพูดคุยกับทางคณะกรรมการประสานงาน (วิป) และฝ่ายประสานงานด้วย

เมื่อถามว่าขณะนี้มีข่าวลือถึงขนาดว่า พล.ต.อ. ประชา พรหมนอก ว่าที่หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน เตรียมแต่งตัวรอเป็นรัฐมนตรีแล้ว นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตนยังไม่ได้คิดเรื่องการปรับ ครม. เนื่องจากที่ผ่านมาคะแนนโหวตจากการลงมติไม่ไว้วางใจคะแนนเสียงของรัฐมนตรีทุกคนมากกว่าจำนวน ส.ส.ของฝ่ายรัฐบาลที่คำนวณกันไว้ จึงคิดว่าจะเดินหน้าทำงานต่อไป แต่ก็รับฟังทุกเสียงสะท้อน

"สดศรี"โวยดีเอสไอชิ่ง

นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการ เมือง กล่าวถึงการตรวจสอบประเด็นเรื่องเงินบริจาคของพรรคประชาธิปัตย์ และเงินกองทุนพัฒนาการเมือง ว่า ต้องรอให้มีการเสนอเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมกกต. หากทั้ง 2 เรื่องเป็นเรื่องเดียวกัน กกต.ก็ต้องให้รวมเข้าเป็นเรื่องเดียวกัน เรื่องนี้เป็นประเด็นทางการเมือง ตนกลัวจะมีปัญหาจึงสั่งเจ้าหน้าที่อย่าเพิ่งเปิดกล่องเอกสาร เพราะต้องตั้งอนุกรรมการขึ้นมาตรวจสอบเอกสารในกล่องเอกสารที่ดีเอสไอส่งมา และต้องมีตัวแทนจากดีเอสไอมาร่วมเซ็นรับรองเอกสารถูกต้องทุกใบด้วย เพราะหากเปิดกล่องแล้วมีการอ้างว่าเอกสารหายไประหว่างที่อยู่กับกกต. จะถูกข้อครหาได้

นางสดศรีกล่าวว่า สัปดาห์นี้คาดว่าน่าจะเสนอเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุมกกต.ได้ ตนจะเสนอและขอหารือกับที่ประชุมว่าก่อนเปิดกล่องควรตั้งอนุกรรมการขึ้นมาก่อนหรือไม่ ถ้ากกต.เปิดกล่องหลักฐานที่ ดีเอสไอส่งมาให้ก่อนก็อาจเป็นอันตรายกับกกต.ได้ เพราะดีเอสไอไม่ได้ทำเรื่องเข้ามาว่าได้ยื่นหลักฐานอะไรมาบ้าง ถ้ากกต.เปิดกล่องหลักฐานก่อนอาจมีการกล่าวหากกต.นำหลักฐานเท็จเข้ามาใส่ปะปน และก็อยากให้ดีเอสไอแถลงด้วยว่าทำไมถึงต้องส่งมาให้กกต.เพราะเหตุใด

นางสดศรีกล่าวว่า การตรวจสอบเรื่องนี้กกต.ต้องพิจารณาก่อนว่ามีอำนาจตรวจสอบหรือไม่ เพราะคิดว่าเมื่อดีเอสไอได้ตรวจสอบเรื่องนี้จนจะเสร็จสมบูรณ์แล้ว สอบสวนมาตั้งแต่เดือนพ.ค.2551 ทำไมโยนเรื่องมาให้กกต.ในเวลานี้ หากเรื่องเสร็จแล้วก็น่าที่จะส่งต่อไปให้อัยการให้ส่งฟ้องศาล เมื่อดีเอสไอระบุว่าเป็นความผิดตามพ.ร.บ.ตลาดหลักทรัพย์ก็สามารถฟ้องร้องดำเนินการได้ แต่หากเข้าพ.ร.บ.พรรคการเมือง อย่างที่กล่าวอ้างหากศาลตัดสินแล้วส่งมาให้กกต. ก็น่าจะเป็นการดีกว่าให้กกต.สอบในเวลานี้ เนื่องจากกกต.ต้องเริ่มสอบใหม่ ซึ่งจะทำให้เกิดความล่าช้า หากพรรคประชาธิปัตย์ผิดแล้วต้องถึงขั้นยุบพรรคก็สามารถส่งมาให้กกต. ดำเนินการตรวจสอบและส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคก็ได้ ดีเอสไอกลัวโดนการเมืองเล่นงานจึงโยนเรื่องนี้มาให้กกต. ตนก็จะเสนอนายทะเบียนในเรื่องนี้ด้วยว่าสมควรหรือไม่ที่เราจะรับเรื่องของดีเอสไอไว้พิจารณา

แนะ"เทือก"ฟ้องศาล"เหลิม"หลักฐานเท็จ

นางสดศรีกล่าวถึงกรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ระบุว่า ข้อมูลที่ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย นำมาอภิปรายเป็นความเท็จ ซึ่งจะยื่นให้กกต. ตรวจสอบและอาจมีผลถึงขั้นยุบพรรคเพื่อไทย ว่า กรณีกกต.จะพิจารณาประเด็นการอภิปรายที่มีการกล่าวหากันจะถึงขั้นยุบพรรคได้หรือไม่ กกต.จะพิจารณากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง แต่กรณีนี้น่าจะฟ้องร้องศาลมากกว่า เพราะเป็นการอภิปรายในสภา หากใครเสียหายก็เป็นการหมิ่นประมาทและถือเป็นความผิดทางคดีอาญา สามารถแจ้งความดำเนินคดีเหมือนคดีอาญาทั่วไป เพราะถือว่ามีการนำหลักฐานที่เป็นเท็จมายื่นให้กับหน่วยงานของรัฐ พรรคประชาธิปัตย์ก็มีสิทธิ์ที่จะฟ้องร้องได้เช่นกัน

เมื่อถามว่าทั้ง 2 พรรคเตรียมยื่นหลักฐานให้กกต. มีวัตถุประสงค์เพื่อยุบพรรค อาจใช้กกต. เป็นเครื่องมือทางการเมือง นางสดศรีกล่าวว่า ที่ทั้ง 2 พรรคนำหลักฐานมาให้กกต. เป็นเรื่องดี ถือเป็นการช่วยกกต.หาข้อมูลเพื่อสืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริง การตรวจสอบเรื่องการใช้เงินของพรรคการเมืองยังไม่เคยมีเรื่องใหญ่เท่านี้มาก่อน ถ้าทั้ง 2 พรรคมีหลักฐานให้กกต.สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ประชาชนก็จะได้เห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

จี้ดีเอสไอสอบข้อมูลรั่ว

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม เปิดเผยถึงกรณีพรรคเพื่อไทยระบุข้อมูลการอภิปรายเกี่ยวกับเงินบริจาคของบริษัท ทีพีไอ โพลีน ให้พรรคประชาธิปัตย์ มาจากสำนวนการสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ว่า ตนไม่ทราบเรื่องดังกล่าวและที่ผ่านมาหลังตกเป็นข่าวตนไม่เคยเข้าไปสอบถาม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีดีเอสไอ ข้อมูลดังกล่าวเป็นเรื่องการทำสำนวนคดีของดีเอสไอที่ยืนยันว่าตนไม่เคยเข้าไปแทรกแซง อย่างไรก็ตาม เป็นหน้าที่ของพ.ต.อ.ทวี ต้องเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าข้อมูลดังกล่าวมาจากดีเอสไอ มีการเปิดเผยข้อมูลให้กับพรรคเพื่อไทยจริงหรือไม่ และหากพบว่ามีการนำข้อมูลออกไปเปิดเผยจริงจะออกไปได้อย่างไร บุคคลใดนำไปเปิดเผย ซึ่งตนไม่จำเป็นต้องเรียกพ.ต.อ.ทวี มาสอบถามแต่อย่างใด

ก่อนหน้านี้พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันท์ รองอธิบดี ดีเอสไอ ในฐานะโฆษกดีเอสไอ เปิดเผยว่า ดีเอสไอมีหน้าที่สอบสวนเฉพาะความผิดทางการเงิน ตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เท่านั้น ส่วนประเด็นเรื่องพรรคการเมืองดีเอสไอส่งเรื่องไปให้กกต.วินิจฉัย

ปชป.อ้างจับเท็จฝ่ายค้านได้ 6 เรื่อง

เมื่อเวลา 11.00 น. ที่พรรรคประชาธิปัตย์ น.พ. บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงผลสรุปการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ว่า พรรคประชาธิปัตย์มีความห่วงใยหลายเรื่อง โดยเฉพาะข้อมูลการอภิปรายของฝ่ายค้านที่จะนำไปสู่การเมืองนอกสภาทำให้เกิดการแบ่งแยกของสังคม อยากเรียกร้องให้ฝ่ายค้านและกลุ่มเสื้อแดงทบทวน พรรคตรวจสอบข้อมูลที่ฝ่ายค้านนำมาอภิปรายสามารถจับเท็จได้ทั้งสิ้น 6 เรื่อง คือ 1.การนำหลักฐานของนายอภิสิทธิ์ สมัยเข้ามาเป็นส.ส.สมัยแรก ที่อ้างว่าไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคนั้น ยืนยันว่ามีหลักฐานการสมัครเข้าเป็นสมาชิกของนายอภิสิทธิ์ ชัดเจนก่อนลงสมัครส.ส. 2.ที่ฝ่ายค้านโจมตีปัญหาเศรษฐกิจปี 40 จนเป็นที่มาของการกู้เงินจากไอเอ็มเอฟในสมัยพรรคประชาธิปัตย์ เรื่องดังกล่าวไม่ได้กู้ในช่วงสมัยพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล แต่เกิดขึ้นสมัยพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกฯ มีพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร เป็นรองนายกฯ ดูด้านเศรษฐกิจ

3.กรณีเขาพระวิหารที่ระบุรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์เข้ามาบริหารตลอด 3 เดือน เป็นเหตุทำให้ชาติสูญเสียอนาธิปไตยก็ไม่เป็นความจริง เพราะก่อนหน้านี้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยแล้วว่า มติครม.รัฐบาลสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้ครม.ทั้งคณะมีความผิด พรรคจะนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมพรรคในวันที่ 24 มี.ค. เพื่อประสานกับกรรมาธิการที่เกี่ยวข้องกับชายแดนทั้งหน่วยงานด้านความมั่นคง กระทรวงการต่างประเทศ ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงว่ารัฐบาลนี้ได้ระงับการสร้างถนนขึ้นเขาพระวิหารทางฝั่งเขมรเรียบร้อยแล้ว

ข้อมูลเงินบริจาคใบสั่งตั้งแต่ยุค"หมัก"

4.กรณีของนายกษิต ที่ฝ่ายค้านระบุว่าถูกออกหมายจับ ก็ไม่เป็นความจริง เพราะทางกระบวนการยุติธรรมพนักงานสอบสวนต้องดำเนินการสืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริง หากมีมูลถึงจะขออนุมัติหมายจับ แต่หากตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วไม่มีมูลพนักงานสอบสวนก็ไม่สามารถออกหมายจับได้ นายกษิตจึงไม่จำเป็นต้องไปมอบตัว 5.กรณีฝ่ายค้านอภิปรายว่าพรรครับเงินจากบริษัทเอกชน 258 ล้านบาท ยืนยันว่าพรรคไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง จึงขอเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกกต.และดีเอสไอ ตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ปรากฏ 6.กรณีพรรคขอเงินอุดหนุน 23 ล้านบาท ฝ่ายค้านกล่าวหาว่าไม่ได้นำไปใช้ตามวัตถุ ประสงค์และไม่มีการสั่งทำป้ายหาเสียง ก็ไม่เป็นความจริง ช่วงการเลือกตั้งปี 48 พรรคมีป้ายหาเสียงของพรรคติดอยู่ทั่วประเทศ จนเป็นเหตุให้ฝ่ายค้านนำเรื่องป้ายหาเสียงมาร้องเรียนต่อกกต.

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า การอภิปรายครั้งนี้ฝ่ายค้านเสนอข้อมูลที่บิดเบือน ถือเป็นการสร้างหลักฐานเท็จ พรรคจะเปิดโปงข้อเท็จจริงในทุกเรื่องที่ฝ่ายค้านโจมตีต่อสาธารณชนให้รับทราบ หากใครสงสัยขอให้ไปร้องต่อองค์กรที่มีหน้าที่ตรวจสอบ และพรรคพร้อมให้องค์กรอิสระเหล่านั้นเข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริง ส่วนที่นายพีระพันธุ์ พาลุสุข ส.ส. ยโสธร พรรคเพื่อไทย ยืนยันชัดเจนว่าข้อมูลที่ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทยนำไปอภิปราย ได้มาจากดีเอสไอ ขอตั้งข้อสังเกตว่าเรื่องดังกล่าวเป็นกระบวนการที่มีใบสั่งตั้งแต่สมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯ ผ่านทางนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รมว.ยุติธรรม สมัยนั้นให้ไปดำเนินการทางลับบางอย่าง

ยันร้องกกต.ยุบเพื่อไทยได้

น.พ.บุรณัชย์ กล่าวว่า การชุมนุมของคนเสื้อแดงในวันที่ 26 มี.ค. เป็นการต่อสู้นอกสภา ไม่ใช่การสร้างกระแสเพียงเพื่อกดดันให้ดำเนินการนิรโทษกรรมพ.ต.ท.ทักษิณ แต่เป็นการยกระดับการชุมนุมทำให้พ.ต.ท.ทักษิณ ได้หวนคืนกลับสู่อำนาจทางการเมือง พรรคยืนยันว่าจะไม่ตอบโต้ทางการเมือง ไม่สร้างเงื่อนไขเพื่อเป็นการแบ่งแยก แต่จะใช้แผนคู่ขนาน 2 ด้าน สนับสนุนแนวนโยบายเพื่อช่วยเหลือ ผู้ยากจน ด้านแรกตั้งเป็นกองทุนพอเพียงกระจายไปทั่วประเทศโดยไม่แบ่งแยกพื้นที่ว่าเป็นสีแดงหรือสีเหลือง ด้านสองขอเชิญบุคคลบุคลากรทุกฝ่ายที่มีความรู้ความสามารถ เข้ามาร่วมกับกลุ่มบุคคลที่ เป็นกลาง และเป็นที่ยอมรับของสังคมเพื่อปฏิรูปการเมือง ทำให้การเมืองและประเทศชาติกลับเข้าสู่สภาวะปกติ

เมื่อถามว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไปกรณีนาย สุเทพ ยืนยันจะยื่นร้องกกต.ให้ยุบพรรคเพื่อไทย กรณี ร.ต.อ.เฉลิม นำข้อมูลเท็จมาอภิปราย น.พ.บุรณัชย์กล่าวว่า ยืนยันหลักฐานที่ฝ่ายค้านนำมาอภิปรายไม่เป็นความจริง แม้แต่กกต.ก็ออกมายืนยันว่าไม่มีข้อเท็จจริงในเรื่องการให้เงินจากบริษัทเอกชน พรรคต้องดูข้อมูลที่ฝ่ายค้านจะยื่นต่อกกต.ก่อนว่ามีเนื้อหาอย่างไร ส่วนกรณีร.ต.อ.เฉลิม ผู้นำข้อมูลมาอภิปราย ไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยจึงไม่สามารถที่จะนำไปสู่การยุบพรรคได้ เรื่องนี้จากการตรวจสอบข้อกฎหมายจะเห็นว่า การอภิปรายของ ร.ต.อ.เฉลิม เป็นการทำในนามพรรคเพื่อไทย สามารถเชื่อมโยงที่จะยุบพรรคได้ เพื่อความถูกต้องขอให้ดีเอสไอและกกต.ไปหารือและตรวจสอบข้อเท็จจริงให้เกิดความชัดเจน

เพื่อไทยไม่ขับงูเห่า

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ทำการพรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ภาพรวมพรรคพอใจแม้เสียงที่ออกมาจะแตกต่างกันบ้าง รัฐบาลยังคงได้รับการไว้วางใจก็ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย แต่ต้องขอขอบคุณพรรคพวกที่ออกจากพรรคไปก่อนหน้านี้ที่ชี้เป้าให้เห็นว่าใครยังยึดโยงอุดมการณ์อยู่กับพรรคเพื่อไทย จะช่วยให้การบริหารจัดการในพรรคง่ายขึ้น การลงคะแนนโหวตก็มีบางส่วนที่เป็นข้อผิดพลาดทางเทคนิค ส่วนพรรคเพื่อไทยจะขับส.ส.กลุ่มดังกล่าวหรือไม่ผู้ใหญ่ในพรรคได้พูดคุยกันเห็นว่ารัฐธรรมนูญ 2550 ให้เอกสิทธิ์การโหวตของส.ส. แต่ระเบียบพรรคการเมืองต้องมีระเบียบวินัย ต้องมีการมาพูดคุยหารือให้ข้อเท็จจริงซึ่งกันและกัน

โฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า พรรคจะไม่ขับส.ส. ออกจากพรรค แต่จะพูดคุยกัน บางทีส.ส.บางคนที่ งดออกเสียงเกิดจากผู้ที่ออกจากพรรคพลังประชาชนเดิมไปชักจูงด้านข้อมูลบางเรื่อง เหตุผลบางประการ เราต้องมาพูดคุยปรับความเข้าใจกันในการประชุมพรรควันที่ 24 มี.ค. เวลา 09.30 น. ซึ่งเป็นการประชุมสามัญประจำปี แต่ไม่มีวาระการเลือกหัวหน้าและกรรมการบริหารพรรคเพิ่มเติม

นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า สำหรับนายกษิตเห็นชัดว่ามีเสียงที่แตกต่างจากนายกฯ และรัฐมนตรีอีก 4 คนชัดเจน ขาดเสียงสนับสนุนไป 9 เสียง ซึ่งเป็นนัยยะที่สำคัญทางการเมืองของพรรครัฐบาล เพราะก่อนหน้านี้มีส.ส.ประชาธิปัตย์บางคนจะขอร่วมอภิปรายพร้อมฝ่ายค้าน แต่นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เบรกเกมนี้ไว้ก่อน ไม่เช่นนั้นคงจะได้เห็นอะไรดีๆ หากเสียงไม่ไว้วางใจขนาดนี้ประเทศประชาธิปไตย ที่เจริญอย่างในยุโรป ญี่ปุ่น หากนายกษิตไม่หน้าหนาคงต้องลาออกไปแล้ว นายกฯ ก็ทำตัวเป็นเจ้าบุญทุ่มยังไม่พอ ยังเป็นเจ้าบุญอุ้มอีก สาเหตุที่นายอภิสิทธิ์ ไม่กล้าปลดนายกษิตเพราะไม่อยากเปิดศึก 2 ด้าน ไม่อยากมีปัญหากับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชา ธิปไตย

เตรียมฟ้อง"มาร์ค"ละเว้นหน้าที่

โฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า พรรคพอใจการทำหน้าที่ของร.ต.อ.เฉลิมมาก รวมถึงประชาชนที่สะท้อนผ่านคอลเซ็นเตอร์ เอแบคโพลที่สะท้อนว่า การอภิปรายมีผลต่อพรรคประชาธิปัตย์ แสดงให้เห็นว่าการอภิปรายของพรรคฝ่ายค้านไม่ใช่การจำอวด โดยเอกสารหลักฐานจะนำไปสู่กระบวนการตรวจสอบจากกกต.

นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า พรรคจะดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อนายอภิสิทธิ์ ข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามกฎหมายอาญา มาตรา 157 เนื่องจากยังปล่อยให้นายกษิต ทำหน้าที่ต่อ ทั้งที่เป็น ผู้ต้องหาในคดีปิดสนามบิน ส่วนที่นายสุเทพขู่ว่าพรรคเพื่อไทยจะถูกยุบ ทำให้เห็นว่านายสุเทพไม่รู้จริง เพราะร.ต.อ.เฉลิมไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรค และการพูดในสภามีเอกสิทธิ์คุ้มครอง หลักฐานของพรรคเพื่อไทยบางเรื่องชัดเจนกว่าดีเอสไออีก สัปดาห์นี้ฝ่ายกฎหมายของพรรคจะส่งเรื่องให้ กกต.ตรวจสอบ

เมื่อถามถึงกระแสข่าวการซื้อตัวส.ส. นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า ไม่ทราบ ต้องไปถามส.ส.ที่งดออกเสียงว่า มีเรื่องนี้จริงหรือไม่ ขณะนี้มีร.ต.ปรพล อดิเรกสาร ส.ส.สระบุรี เพียงคนเดียวที่มีความชัดเจนว่าต้องการไปร่วมงานทางการเมืองกับพรรคการเมืองอื่น ส่วน ส.ส.คนอื่นที่งดออกเสียงอาจเป็นเพราะรู้จักมักคุ้นกับรัฐมนตรีคนนั้น เลยงดออกให้ก็เป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งจะต้องมีการพูดคุยต่อไป

"บรู๊ค"เผยรู้ข่าวแจก 1 ล.จากข่าวสั้น

นายดนุพร ปุณณกันต์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวเป็นผู้ปราศรัยกับกลุ่มเสื้อแดงว่ามีการซื้อเสียงในการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ความจริงเรื่องนี้ไม่มีอะไร บังเอิญกลุ่มเสื้อแดงไปรวมตัวกันในเขตพื้นที่บึงทองหลาง เชิญตนไปพบปะพูดคุยก่อนจะมีการซักถามถึงกระแสข่าวดังกล่าว ก็เล่าให้ฟัง ซึ่งข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไรตนไม่ทราบ เพียงได้รับข่าวเป็นข้อความสั้นจากสำนักข่าวแห่งหนึ่งทางโทรศัพท์มือถือ ว่ากลุ่มเพื่อนเนวินเตรียมซื้อเสียงในการโหวตอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยมีการให้เงินส.ส.คนละ 1 ล้านบาท แต่ตนไม่ทราบว่ามีการแจกเงินจำนวนดังกล่าวจริงหรือไม่ ตนพูดไปตามรายงานข่าวที่ได้รับมา กระแสข่าวดังกล่าวจะเป็นจริงหรือไม่นั้นคงต้องไปถามพรรคและกลุ่มการเมืองที่เป็นข่าว ยืนยันตนไม่ได้รับการติดต่อและไม่ได้กล่าวหาใคร ส่วนเรื่องนี้จะเป็นอย่างไรนั้นคนทำย่อมรู้ดี

"สมชาย"โฟนอินปลุกเสื้อแดง

เมื่อเวลา 08.00 น. ที่โรงแรมแกรนด์วโรรส พาเลซ ต.พระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เสื้อแดงกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 จัดอบรมอาสาสมัครพิทักษ์ประชา ธิปไตยรุ่นที่ 1 มีน.พ.เหวง โตจิราการ ประธานที่ปรึกษากลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวเปิด เวลา 11.00 น.นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้โฟนอินเข้ามาพูดคุย 4 นาที ให้กำลังใจคนเชียงใหม่และเสื้อแดง และว่าให้คอยฟังพ.ต.ท. ทักษิณในเวทีความจริงสัญจรที่เชียงใหม่เย็นนี้ ถ้ารักพ.ต.ท.ทักษิณก็อย่าลืมไปแสดงพลังประชาธิปไตย ร่วมชุมนุมกันให้เต็มที่ในวันที่ 26 มี.ค.นี้ที่ทำเนียบ

เวลา 13.30 น. เครือข่ายประชาชนผู้รักความยุติธรรมชาวล้านนา 8 จังหวัดภาคเหนือ และกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 รวม 300 คน รวมตัวกันที่หน้าโรงแรม เดินทางไปสำนักงานตำรวจภูธรภาค 5 ยื่นหนังสือต่อพล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ผบช.ภาค 5 เมื่อไปถึง ผู้ชุมนุมได้อ่านแถลงการณ์ให้เจ้าหน้าที่เร่งดำเนินคดีพันธมิตร พร้อมมอบหนังสือให้ พ.ต.อ.อักษร วงศ์ใหญ่ ผกก.สภ.แม่ปิง ซึ่งแจ้งว่าจะนำหนังสือดังกล่าวเสนอต่อ ผบช.ภาค 5 เพื่อพิจารณาส่งต่อไปยังพล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมกลับไปตั้งหลักที่หน้าโรงแรมแกรนด์วโรรสอีกครั้ง ก่อนเคลื่อนกำลังไปสมทบกลุ่มเสื้อแดงที่เริ่มทยอยมายังสนามกีฬา 700 ปี นครเชียงใหม่

เสื้อแดงพะเยาร่วมด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจบางส่วนตั้งด่านเส้นทางไปสนามกีฬา 700 ปี เพื่อตรวจค้นอาวุธอย่างเข้มงวด และให้ตำรวจแต่ละโรงพักในพื้นที่สมทบกำลังดูแลความปลอดภัย ใช้กำลังทั้งหมดประมาณ 1,000 นาย

ขณะเดียวกัน กลุ่มเสื้อแดงพะเยา กลุ่มพะเยารักประชาธิปไตย กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย กลุ่มพะเยาอาร์มี และกลุ่มรักประชาธิปไตย อ.จุน 1,000 คน นัดรวมตัวกัน ณ ศูนย์พระเครื่องเมืองพะเยา สี่แยกแม่ต๋ำ ต.เวียง อ.เมือง จ.พะเยา เดินทางด้วยรถยนต์มาร่วมชุมนุมที่สนามกีฬา 700 ปี โดยที่ส.ส.พะเยา พรรคเพื่อไทย ทั้ง 3 คน เดินทางไปล่วงหน้าแล้ว

นอกจากนี้ กลุ่มเสื้อแดงในนามคนร้อยเอ็ดรักประชาธิปไตย ปี 52 จำนวน 200 คน นำโดยนาย วิเชียรชนิน สินธุไพร ประธานกลุ่ม น้องชายนายนิสิต สินธุไพร นายสมยศ พรมทา รองประธานกลุ่ม นายอุบล เศรษฐวิบูลย์ เลขานุการ และน.ส.กรองทอง ป้อมอุดร รวมตัวกันที่บริเวณหน้าโรงเรียนร้อยเอ็ดวิทยาลัย ก่อนเคลื่อนขบวนพร้อมปราศรัยบนรถกระจายเสียงแห่ไปตามถนนต่างๆ รอบเมือง เรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภา และเชิญชวนให้คนร้อยเอ็ดไปร่วมชุมนุมใหญ่ที่กรุงเทพฯ ในวันที่ 26 มี.ค.

"ทักษิณ"โฟนอินแฉแผนลอบสังหาร

เวลา 20.00 น. พ.ต.ท.ทักษิณ ได้วิดีโอลิงก์เข้ามาร่วมในการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง ที่ผู้ชุมนุมเพิ่มขึ้นเป็น 2 หมื่นคน เรียกร้องให้คนเสื้อแดงอย่าแตกแยก ให้เป็นน้ำหนึ่งน้ำใจเดียวกัน อย่าไปยอมแพ้ยอม ให้คนต้มตุ๋นประชาธิปไตย พร้อมระบุว่า การลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา รัฐบาลยอมเสียเงินชี้เป้าให้รู้ถึงคนที่อยู่เพื่อไทยแต่ใจไม่อยู่ โดยเอางบท้องถิ่นมาล่อให้ส.ส.บางคน ที่ไม่ยอมอยู่อย่างเสือ แหกคอกโหวต หรืองดออกเสียงให้รัฐมนตรี ความจริงบางส่วนจะมีรายละเอียดในหนังสือ ทักษิณ Are you ok? ที่จะวางแผงสิ้นเดือนมี.ค.นี้ พร้อมเปิดเผยข้อมูลส.ส. ย้ายพรรค เพราะได้รับเงินคนละ 2 แสนบาท และได้รับงบท้องถิ่นอีก 20 ล้านบาท

พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุด้วยว่า จากการพบปะกับพล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผอ.รมน.ที่จีนเมื่อ เร็วๆ นี้ พล.อ.พัลลภ เป็นคนเล่าให้ฟังถึงเหตุการณ์ก่อนการปฏิวัติ จากนั้นมีการระบุชื่อว่าผู้อยู่เบื้องหลังการปฏิวัติและลอบสังหารตนเอง และว่าที่ผ่านมารู้สึกอึดอัดเพราะเก็บความลับมาโดยตลอด และยังมีการปล่อยข่าวว่าจะมีการล้มราชบัลลังก์ ยืนยันไม่มีแผน มีแต่หัวใจที่จงรักภักดี รักชาติและประชาชน การชุมนุมใหญ่วันที่ 26 มี.ค.นี้ ตนจะเปิดเผยข้อมูล ที่ยังมีอีกมาก รวมถึงทางออกในการแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจและการเมือง เพราะมั่นใจว่าถ้าได้กลับมาจะแก้วิกฤตได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การโฟนอินครั้งนี้ พ.ต.ท. ทักษิณ แฉถึงแผนลอบสังหารและการปฏิวัติอย่างละเอียด พร้อมระบุชื่อชัดเจน

นครบาลพร้อมรับม็อบแดง 26 มี.ค.

พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้บัญชาการตำรวจ นครบาล ยืนยันว่า ขณะนี้มีความพร้อมอย่างเต็มที่ในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยช่วงที่จะมีการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดง ในวันที่ 26 มี.ค. โดยเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 22 กองร้อย คอยดูแลความเรียบร้อย รวมทั้งอำนวยความสะดวกด้านการจราจรให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนด้วยและเพื่อเป็นการป้องกันมือที่ 3 ที่อาจฉวยโอกาสสร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้น มอบหมายให้มีการสืบสวนหาข่าวแล้ว ขณะเดียวกันกลุ่มผู้ชุมนุมเองต้องช่วยกันเพิ่มความระมัดระวัง

สำหรับแผนปฏิบัติการนั้น ผู้บัญชาการตำรวจ นครบาล กล่าวว่า ยังคงใช้แผนปฏิบัติการเหมือนการชุมนุมครั้งที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นแผนที่ใช้แล้วได้ผลดี แต่อาจปรับเปลี่ยนรายละเอียดบ้างบางส่วน เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์การชมุนุม ทั้งนี้ ยืนยันจะไม่มีการใช้กำลังกับกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างแน่นอน กองบัญชาการตำรวจนครบาลได้ประชุมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อติดตามสถานการณ์ความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างต่อเนื่องในรอบ 24 ชั่วโมงของทุกวัน