สังคมที่แตกแยกทำให้ประเทศชาติอ่อนแอ
สังคมที่ไร้รักสามัคคีประเทศชาติก็มีแต่เจริญลงๆ
เห็นประเทศอื่นแล้วกลับมามองประเทศไทยก็ได้แต่เก๊กซิม
“แม่ลูกจันทร์” เพิ่งสะเวิ้ปกลับจากทัวร์ดูฟุตบอลพรีเมียร์ลีกที่อังกฤษ กับ “พี่ระวิ โหลทอง” ถือเป็นความสุขอย่างยิ่งของคนที่มีลูกหนังในหัวใจ
ถึงแม้เคยไปมาแล้วหลายครั้งก็ยังตื่นเต้ลล์เหมือนเดิม
โดยเฉพาะการนั่งดูเกมใหญ่ๆ ในห้องวีไอพี ทั้งสนามแมนฯยู และสนามเชลซี มันช่างฮ้อแร่ดซะนี่กระไร
ความจริงคณะทัวร์ชุดใหญ่ไทยรัฐเดินทางกลับถึงกรุงเทพฯมาแล้วหลายวัน เหลือแต่ “แม่ลูกจันทร์” เพิ่งบินกลับมาถึงกรุงเทพฯเมื่อวานซืน
กรุงลอนดอนเริ่มเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิเต็มตัว อากาศเย็นสบาย แดดใส ฟ้าสวย ไม่มีฝนตกเปาะแปะให้เซ็งอารมณ์ มองไปทางไหนก็เห็นแต่ดอกเชอรี่สีชมพูสลับสีเหลืองของดอกแดฟโฟดิลพรึ่บไปทั้งเมือง
แต่เบื้องหลังความสวยที่ฉาบหน้า อังกฤษกำลังเผชิญปัญหาเศรษฐกิจอย่างแรง!!
ปริมาณคนตกงานล่าสุดพุ่งกระฉูดไปถึงสองล้านคน
ธุรกิจทรุดหนักทั้งระบบและมีแนวโน้มจะทรุดอีกนาน
แต่อังกฤษโชคดีกว่าไทย เพราะมีรายได้ก้อนใหญ่จากธุรกิจท่องเที่ยวมาชดเชย
“แม่ลูกจันทร์” ไปอยู่อังกฤษ 10 วัน อ่านหนังสือพิมพ์ ดูข่าวทีวี ไม่มีข่าวเมืองไทยเอาซะเลย
แม้แต่ช่วงที่ “นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” เดินทางไปเยือนอังกฤษ สื่ออังกฤษก็ไม่มีข่าวรายงาน
แต่ข่าวฮือฮาคือการค้นพบปลาตีน ในแม่นํ้าเทมส์
นี่ไม่ใช่ข่าวโจ๊กแต่เป็นข่าวจริง 100 เปอร์เซ็นต์!!
หนังสือพิมพ์อังกฤษรายงานข่าวสำรวจพบ “ปลาตีน” หรือ “วอล์กกิ้งฟิช” ในแม่นํ้าเทมส์ใกล้ลอนดอน
ปลาตีนซึ่งเป็นปลาเมืองร้อนมีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย หรือแถบเซาท์อีสต์เอเชีย ไปขยายพันธุ์ทำมาหากินในแม่นํ้าเทมส์ ซึ่งมีความเย็นเจี๊ยบเหมือนแช่นํ้าแข็งได้อย่างไร??
ใครพิเรนทร์แอบเอาปลาตีนไปปล่อยในแม่น้ำเทมส์??
ใครลักลอบนำปลาตีนเข้ามาในอังกฤษเพื่อจุดประสงค์ใด?
หรือปลาตีนจะติดมากับเรือสินค้าจากเอเชีย?
หรือปลาตีนจะหลงทางข้ามซีกโลกมาเอง?
หรือปลาตีนต้องการขอลี้ภัยทางการเมือง??
ประเด็นที่จะต้องสำรวจกันใหญ่คือ ในแม่น้ำเทมส์มีปลาตีนทำมาหากินแล้วกี่ตัว? และจะมีผลกระทบต่อระบบนิเวศน์หรือไม่ อย่างไร??
สรุปว่า ข่าวปลาตีนยังไม่จบ ยังต้องติดตามต่อไปอีกหลายตอน
“แม่ลูกจันทร์” เสียดาย...กลับมาไม่ทันได้รับชมรับฟังการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล
ก็เลยจัดเรตติ้งไม่ได้ว่าแซ่บอีหลีระดับ 4 ดาว? หรือ 5 ดาว?
แต่ถ้าดูจากผลโหวตในสภาฯ ก็ไม่พลิกความคาดหมายแต่อย่างใด เพราะนายกฯและรัฐมนตรีที่ถูกจองกฐินทั้ง 6 คน ได้รับคะแนนไว้วางใจเกินกึ่งหนึ่งตามกติกา
เพียงแต่คะแนน “ไว้วางใจ” กษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ต่ำกว่าคนอื่นถึง 9 เสียง หรือเกินกึ่งหนึ่ง 4 เสียงเท่านั้นเอง
ถึงแม้ว่าส่วนต่างของคะแนนจะไม่มีผลให้เกิดการปรับ ครม.
แต่การที่มี ส.ส.ฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาล กล้าโหวตขัดมติพรรคอย่างชัดเจน ต้องถือเป็น “สัญญาณอันตราย”
อันตราย...เพราะการควบคุมเสียง ส.ส.ในสภาฯ จะเกิดความไม่แน่นอน
ต้นเหตุก็เพราะรัฐธรรมนูญเปิดช่องให้ ส.ส.มีเอกสิทธิ์ในการโหวตโดยไม่ต้องฟังมติของพรรคการเมือง
ก็เท่ากับ ส.ส.ฝ่าฝืนมติพรรคได้เพราะ รัฐธรรมนูญให้ความคุ้มครอง
ฝ่ายค้านไม่น่าห่วงเท่าไหร่ เพราะเป็นเสียงข้างน้อยในสภาฯ
แต่ฝ่ายรัฐบาลน่ะซีน่าห่วงจริงๆ ถ้าควบคุมเสียง ส.ส.ไม่ได้ก็จบข่าวละโยม.