WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, September 22, 2009

พท.พร้อมเลือกตั้งใหม่

ที่มา thaifreenews

คณวัฒน์ วศินสังวร พท.พร้อมเลือกตั้งใหม่
สัมภาษณ์พิเศษ
ที่มา ข่าวสด

หนึ่งในทีมเบื้องหลังไทยรักไทย เมื่อพรรคถูกยุบและต่อมาพรรคพลังประชาชนก็ประสบชะตากรรมเดียวกัน


ชื่อของ คณวัฒน์ วศินสังวร จึงขึ้นมาอยู่แถวหน้าในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย

เคยผ่านงานกับคีย์แมนหรือคนใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่ว่า น.พ. พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี และ นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ จึงได้รับการวางตัวให้สานต่อนโยบายด้านเศรษฐกิจ

แม้อดีตเคยเป็นผู้ช่วยรมต.ไอซีที และเลขานุการ รมว. คลัง แต่ก็ไม่โด่งดังเท่ากับยุคปัจจุบันที่ปูดเรื่องตั้งรัฐบาล 1+1

วันนี้โดยภารกิจแกนนำพรรคเพื่อไทย ยังต้องวางยุทธศาสตร์รับมือเลือกตั้งครั้งหน้า โดยเจ้าตัวเปิดใจให้สัมภาษณ์ไว้อย่างน่าสนใจ



ร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยตั้งแต่เมื่อไหร่

เริ่มต้นการเมืองตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย มาทำนโยบายให้โดยเฉพาะโครงการกองทุนหมู่บ้าน และหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ ตอนนั้นกองทุนหมู่บ้านมีคุณสุวิทย์ คุณกิตติ ดูแล ผมก็เข้าไปเป็นที่ปรึกษา

แต่หนึ่งตำบลฯยังไม่มีใครเป็นหลัก น.พ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช (อดีตรองเลขาธิการพรรคไทยรักไทย) เลยเรียกผมไปช่วยเป็นเลขานุการคณะกรรมการอำนวยการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์แห่งชาติ (โอท็อป)

กระทั่งเกิดวิกฤตการเมือง 2 ครั้งกับพรรคไทยรักไทยและพรรคพลังประชาชน มาถึงปัจจุบันคือพรรคเพื่อไทย ผมเลยต้องรับช่วงต่อโดยเป็นรองหัวหน้าพรรค



เคยพูดถึงเรื่องรัฐบาล 1+1 ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับประชาธิปัตย์

เรื่องนี้เกิดปลายเดือนส.ค. หลังประชุมพรรคมีงานเลี้ยงชั้น 4 เชิญสื่อขึ้นมาด้วย สื่อมาถามผมเรื่องคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ พูดเรื่องการตั้งรัฐบาล 1+1

ผมถามย้ำสื่อคนนั้นว่าแน่ใจนะว่าท่านสุเทพเสนอ เขาก็ยืนยัน ผมถามถึง 3 ครั้ง แถมย้ำว่าจดคำตอบผมให้ดีๆ ดังนี้ 1.เป็นกุศโลบายของพรรคประชาธิปัตย์ในการกำราบพรรคร่วมโดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทย

2.พรรคเพื่อไทยไม่ต่อรองกับพรรคประชาธิปัตย์ในลักษณะนี้แน่ 3.การทำงานด้วยกันนั้น ทำได้ แต่ต้องแก้วิกฤตความขัดแย้งด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี"50 ที่ผูกเอาความขัดแย้งทั้งหมดเข้ามาอยู่ข้างในเพราะเป็นฉบับที่เกิดขึ้นหลังการปฏิวัติ

นี่คือ 3 ข้อที่ให้ไปแล้วผมก็บอกว่าจบคำสัมภาษณ์ จากนั้นย้ำกับผู้สื่อข่าวว่าสิ่งที่จะพูดหลังจากนี้เป็นน้ำจิ้ม

ผมบอกว่าไปตีเทนนิสแล้วเจอคุณท็อป (น.พ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์) เดินมาคุยกับผม เรารู้จักกันอยู่แล้วเพราะลูกเรียนโรงเรียนเดียวกันคือที่บางกอกพัฒนา แต่อยู่คนละชั้น เจอกันอยู่เรื่อยๆ รู้จักกัน

คุณท็อปพูดขึ้นเองว่าทำงานยากมากกับพรรคร่วมรัฐบาล เขาต่อรองหนักมาก เสียดายถ้าพรรคเพื่อไทยจับมือประชาธิปัตย์น่าจะดี มีเสถียรภาพ และทำงานได้ดี

ผมได้ยินแล้วตอบไปว่า อย่าเพิ่งพูดเลย ตอนนี้ยังไกลเกินไป ถ้าจะทำงานด้วยกัน ให้เสนอไปที่พรรคจะได้แก้ไขรัฐธรรมนูญ

แต่ปรากฏว่ารุ่งขึ้นเรื่องน้ำจิ้มของผมกลายเป็นข่าวหมด แล้วนักข่าวเอาประเด็นนี้ไปถามนายกฯอีก ท่านก็มีอารมณ์ ถามว่าคณวัฒน์เป็นใคร



ความคืบหน้าเรื่องหัวหน้าพรรคคนใหม่

ขณะนี้ยังเป็นคุณยงยุทธ วิชัยดิษฐ ที่ผ่านมามีกระแสข่าวเป็นช่วงๆ เพราะพอเราประชุมฝ่ายค้านทีไร จะมีความรู้สึกว่าต้องมีผู้นำในสภา อีกทั้งรัฐธรรมนูญเขียนว่าผู้นำฝ่ายค้านต้องเป็นส.ส. หัวหน้าพรรคไม่ได้เป็นส.ส. เลยมีกระแสให้เอาคนของเราซึ่งเป็นส.ส.อยู่แล้วมาเป็นหัวหน้า

แก้ปัญหาด้วยการมอบหมาย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่ถือว่าอาวุโสมาเป็นประธานส.ส. และเป็นคนนำการอภิปรายในสภา



น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เข้าพรรคบ่อยหรือไม่

ไม่ได้ปิดบัง ก็เข้าพรรค ภารกิจหลักมาช่วยระบบบริหารพรรค เกี่ยวกับงานบริหาร การจัดโครงสร้างเรื่องการบริหารจัดการ ท่านผ่านองค์กรบริษัทขนาดใหญ่ น่าจะวางโครงสร้าง ได้ดี

ความเป็นน้องสาวอดีตนายกฯ สมาชิกส่วนใหญ่ยังผูกพันกับอดีตนายกฯ เวลาเลือกตั้งซ่อมทุกคนจะแย่งตัวคุณยิ่งลักษณ์ไปลงพื้นที่ ชาวบ้านเห็นก็กรี๊ดกร๊าด ส.ส.ยิ่งถูกใจใหญ่

ท่านจึงเป็นหนึ่งในบุคคลที่ส.ส.ในพรรคเรียกร้องอยากให้เป็นหัวหน้า บุคคลิกส่วนตัวก็เป็นกันเอง พบปะพูดคุยกันดี



วางยุทธศาสตร์การทำพื้นที่ไปถึงไหน

ในแง่การสรรหาบุคคล เรามีคณะกรรมการภาคต่างๆ คือ อีสาน กทม. ใต้ เหนือ คณะกรรมการภาคจะเสนอคณะกรรมการสรรหาซึ่งมีผมเป็นประธาน เพื่อรวบรวมชื่อทั้งหมดส่งให้คณะกรรมการบริหารพรรคพิจารณา

ตอนนี้เรามีส.ส. 187 คน ต้นเดือนต.ค.นี้เราจะเปิดตัวผู้สมัคร เริ่มต้นจากคนใหม่ในภาคอีสานก่อน จากนั้นจะลงพื้นที่



ทำไมเปิดตัวผู้สมัครเร็วนัก

ต้องอยู่บนสมมติฐานเรื่องการยุบสภา รัฐบาลอย่างเก่งเหลือเวลามากสุดแค่ 2 ปีเศษๆ ไม่ครบเทอมแน่ เพราะไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้

เมื่อเงื่อนไขทางการเมืองกับเศรษฐกิจไม่เป็นไปตามเป้า อาจมีปัจจัยการทรุดทางเศรษฐกิจที่เร็วเกินคาด จึงต้องชิงยุบสภา จากนี้ไปผมจึงเชื่อว่าจะมีการยุบสภาเมื่อใดก็ได้ อาจโปรยเม็ดเงินลงไปล่วงหน้าก่อนเลือกตั้ง

ในฐานะนักการเมืองทุกพรรคต้องเตรียมพร้อมแม้แต่ประชาธิปัตย์ ในส่วนของพรรคหากในพื้นที่ใดยังไม่มีส.ส. เราต้องเติมเต็ม



รีบเปิดตัวผู้สมัครเพื่อสกัดส.ส.ไหลไปพรรคภูมิใจไทย

ไม่ใช่ กระแสพรรคในภาคอีสานยังดีอยู่ คนที่ออกไปแล้วอยากกลับมาด้วยซ้ำ ตอนนี้ไม่มีส.ส.อีสานของพรรคย้ายไปอยู่ที่อื่นแน่

ส.ส.เขาก็รู้จักกันอยู่ คนที่ออกไปเคยเป็นคนของเรา ดังนั้นเรื่องไปคุยหรือต่อรองกันก็ต้องมี แต่สุดท้ายแล้วส.ส.ต้องตัดสินใจโดยดูจากโอกาสการชนะเลือกตั้งว่าได้แน่ๆ หรือชนะโดยไม่ยาก

เรียนตามจริงว่าไม่อยากเอาคนที่เคยออกไป กลับมาอยู่กับเราอีก ผู้สมัครใหม่ก็ไม่ใช่ใหม่ถอดด้าม อยู่กับพรรคมานาน เป็นนักการเมืองท้องถิ่นมีฐานอยู่แล้ว บวกกับกระแสพรรคจึงน่าจะชนะได้ง่าย



ชูนโยบายอะไรในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น

ถ้าไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ประเด็นนี้จะเป็นนโยบายการเมืองในการหาเสียง เราจะถือโอกาสขอประชามติด้วย หากประชาชนไม่เห็นด้วย ก็ไม่เลือกเรา

ส่วนนโยบายเศรษฐกิจคือการแก้ปัญหาปากท้องบนหลักของการสร้างรายได้ ลดรายจ่าย ขยายโอกาส ด้วยการต่อ ยอดนโยบายเศรษฐกิจที่ทำต่อเนื่องตั้งแต่สมัยไทยรักไทย เช่น หนึ่งตำบลฯ กองทุนหมู่บ้าน ธนาคารประชาชน รวมถึงนโยบายปลดหนี้ประเทศที่เราจะชูต่อไป



การเปิดตัวเร็วทั้งคนและนโยบาย เป็นข้อได้เปรียบเสียเปรียบพรรคอื่นหรือไม่

แคมเปญหาเสียงยังไม่ออกทันที ยังเป็นกรอบความคิดใหญ่ๆ รายละเอียดจะตามมาหลังจากยุบสภาแล้ว คาดว่าน่าจะเป็นเดือนพ.ย.

เป้าหมายพรรคจะยึดการเป็นที่ 1 แบบเกินครึ่ง เพื่อไม่ให้เกิดการช่วงชิงการจัดตั้งรัฐบาลเหมือนที่ผ่านมา ตรงนี้เป็นเงื่อนไขเดียวที่เราต้องชนะให้ได้ เป้าจึงอยู่ที่ 240+



เล็งพื้นที่ใดเป็นเป้าหมายเพิ่มจำนวนส.ส.

ผมยังคิดว่าจุดแข็งของเราคือภาคอีสาน ยกเว้นบางจังหวัดที่ช่วงชิงกันสูง เช่น อุบลราชธานี บุรีรัมย์ นครราชสีมา อีสานใต้

สนามกรุงเทพฯ ตอนนี้เรามีอยู่ 6 เสียง กระแสหากยังเป็นอย่างนี้ ผมเชื่อว่าจะบวก ได้ส.ส.เพิ่มขึ้น เบื้องต้น ส.ส.เดิมจะได้รับการพิจารณาก่อน ดังนั้นส.ส.ทั้ง 6 คนจะได้ลงแน่นอน แต่กรุงเทพฯยังไม่เปิดตัว ต้องดูกระแสและความนิยมของผู้สมัครด้วย



มองพรรคการเมืองใหม่ของพันธมิตรอย่างไร

ถือเป็นคู่แข่ง ต้องดูนโยบายว่าจะขายอะไรบ้าง นโยบายเศรษฐกิจเป็นอย่างไร ที่สุดแล้วประชาชนจะตัดสิน แต่ยังมั่นใจว่าเราไม่ใช่พรรคใหม่ถอดด้าม มีที่มาที่ไป มีผลงานในอดีตของ 2 พรรคที่โดนยุบ จุดแข็งเรื่องเศรษฐกิจเป็นเรื่องที่พิสูจน์มาแล้ว



เคยไปหานายใหญ่ที่ดูไบหรือไม่

ไม่เคย แต่ส.ส.ในพรรคทุกคนสนิทกับท่านดี ไม่แน่ใจว่ามีเบอร์ส่วนตัวของท่านด้วยหรือเปล่า เห็นโทร.คุยกับท่าน หรือไม่ก็บินไปหาอยู่เรื่อยๆ ด้วยความคิดถึง