WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, September 22, 2009

ลีลาประชาธิปัตย์

ที่มา บางกอกทูเดย์

ชื่อ “ประชาธิปัตย์” น่าจะมีความหมายที่เป็นมงคลและมีคุณูปการต่อระบอบประชาธิปไตยยิ่งนักแต่ 60 กว่าปีของพรรคนี้.. กลับสร้างความกังขาต่อความเป็นพรรคการเมืองที่มีธงนำในบริบทของประชาธิปไตยตลอดมายุค 14 ตุลาฯ 2516 ที่ทำให้การเมืองไทยเปลี่ยนผ่านจาก ระบอบเผด็จการทหาร มาเป็นประชาธิปไตยครึ่งๆ กลางๆ ไม่เป็นประชาธิปไตยเต็มใบหรือเผด็จการไม่อาจครอบงำอำนาจรัฐเบ็ดเสร็จเหมือนเดิมได้อีกก็ไม่มีประวัติศาสตร์หน้าไหนให้เกียรติแก่พรรคประชาธิปัตย์ ว่า เป็นพรรคที่ถือธงนำหน้าต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งระบอบประชาธิปไตยเวลาผ่านมาเรื่อยๆ เดี๋ยวก็ยึดอำนาจ เดี๋ยวก็ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ เดี๋ยวก็แบ่งปันระหว่างพรรคการเมืองกับทหารร่วมกันเป็นรัฐบาลจนมาสู่ยุคพฤษภาทมิฬ 2535 มีการเลือกตั้งจน“บรรหาร ศิลปอาชา” ได้เป็นนายกรัฐมนตรี...นายบรรหาร เสียอีกที่กล้าตัดสินใจให้มีการเสนอร่างรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยหาใช่พรรคประชาธิปัตย์.. ซึ่งมีหลายบุคคลที่เป็น“ผู้เชี่ยวชาญ” ด้านกฎหมายแท้ๆ ยังมะงุมมะงาหรารำมโนราห์ รำงิ้ว

จนเวลาและภาวะแวดล้อมไม่เอื้ออำนวยต่อการได้ชื่อว่าเป็นผู้นำในกระบวนการทำรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยสมบูรณ์แบบแต่อย่างใดแม้ประชาธิปัตย์จะไม่มีใครให้ฉายาว่า “เสียของ”เหมือนคณะทหาร คมช. ที่ปฏิวัติทั้งที ช่างไม่คุ้มค่ากันเลยกับการเอาประชาธิปไตยของประเทศไปฉีกทิ้งจนกลายเป็นการฆาตกรรมประชาธิปไตยภายใต้เผด็จการทหารแต่การเล่นการเมืองจนถึงระดับสูงสุดในชีวิตหลายผู้คนของประชาธิปัตย์ก็แทบจะพูดได้ว่า ประเทศนี้พบกับ “ความว่างเปล่า” เหมือนชาติที่ไร้ความหวังใดๆก็แล้ว “นายอภิสิทธิ์” ศิษย์เอกที่เดินตามรอยของ“นายชวน” แม้เจ้าตัวอาจบอกว่าผิดกัน แต่สายตาผู้คนก็ดูออกว่าไม่ต่างกันตรงไหนยิ่งมาเห็นกลเม็ดและกลยุทธ์ในการแต่งตั้งผบ.ตร.จนนายกฯ มาร์ค “เสียรังวัด” ซ้ำแล้ว บอกได้ว่าก็ยิ่งตอกย้ำ “ภาวะผู้นำบกพร่อง” และความไม่มีชั้นเชิงการบริหารที่มีบารมี แต่อย่างใดไม่อยากซ้ำเติม...แต่ก็จำเป็นต้องย้ำซ้ำในความหมายเดิมว่า ภาวะผู้นำในการบริหารประเทศนั้น อย่างน้อยที่สุดต้อง มีประสบการณ์ ในเชิงการบริหารจากองค์กรใดๆ มาบ้างแล้วมิใช่เพียงภายในพรรคการเมืองอย่างเดียวซึ่งใครก็รู้ว่าเมืองไทยยังไม่มีพรรคไหนคิดจะนำหลักสูตรนี้มาสอนเพราะแค่อาชีพ ทนายความ หรือ นักวิชาการนั่น...มันก็อาจเป็นได้แค่วิสัยทัศน์การตอบโต้ด้วยเหตุผลทางกฎหมายและตำรา...เราจึงเห็นลีลาของผู้นำพรรคนี้เก่งกาจก็เพียงการใช้สำบัดสำนวนเชือดเฉือนผู้คนด้วยความมันเสียมากกว่าเท่านั้นเอง ■