WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Sunday, August 15, 2010

2พรรคงัดข้อ หมิ่นเหม่"แตกหัก"

ที่มา ข่าวสด



การเมืองเดินเข้าสู่วาระสำคัญอีกครั้งในสัปดาห์นี้

การประชุมสภาผู้แทนฯเพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2554 ในวันที่ 18-19 สิงหาคมนี้

เป็นด่านอรหันต์ ที่รัฐบาลจะต้องแหกหักผ่านไปให้ได้อีกครั้ง

ถ้ายังต้องการความได้เปรียบในยุทธจักรการเมือง ที่ต่อสู้ชิงอำนาจกันอย่างแหลมคม

ก่อนหน้านี้ รัฐบาลเสียฟอร์มไปพอสมควร จากเหตุการณ์สภาล่มเมื่อวันที่ 11 สิงหาคมที่ผ่านมา

เป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องจากการประชุมครม.ในวันที่ 10 สิงหาคม ที่มีการเบรกโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4 พันคันอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่กระทรวงคมนาคม ผลักดันเข้าพิจารณาในครม.มา 4 ครั้งแล้ว

และยังโยงไปถึงวันจันทร์ที่ 9 สิงหาคม ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เสนอแต่งตั้งผบ.ตร.สำเร็จ ด้วยการสนับสนุนจากคนของภูมิใจไทยที่อยู่ในคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ ได้แก่นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย และนายมานิต วัฒนเสน ปลัดมหาดไทย

เมื่อรถเมล์ 4 พันคันต้องจอดแช่ที่ด่านสกัดของพรรคประชาธิปัตย์ ทำให้เกิดเสียงขู่จากพรรคภูมิใจไทยทันทีว่า ให้จับตาการประชุมสภาในวันที่ 11 สิงหาคม

แล้วสภาก็ล่มเข้าจริงๆ

วิปรัฐบาลพยายามแก้แทนพรรคภูมิใจไทย แม้ว่าการทำหน้าที่ประธานสภาของนายชัย ชิดชอบ จากพรรคภูมิใจไทยในวันนั้น สร้างข้อสงสัยให้กับหลายๆฝ่าย

และยังเปิดเผยข้อมูลที่ว่าส.ส.ที่โดดประชุมจนสภาล่ม คือส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์

พร้อมกับแสดงสปิริตกล่าวขอโทษที่ประชาธิปัตย์ทำให้สภาล่ม

แต่ก็ไม่ช่วยให้ภาพความขัดแย้งระหว่าง 2 พรรคหลักในรัฐบาล ลดความรุนแรงลง

รัฐบาลผสมที่นำโดยพรรคประชาธิปัตย์ มีปัญหาในตัวเองมาตั้งแต่ต้น

ทั้งการพึ่งพามือที่มองไม่เห็น การที่มีฝ่ายทหารเข้ามาเกี่ยวข้อง ฯลฯ ทำให้เกิดข้อครหาในเรื่องความชอบธรรมมาตลอด

การที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไปกอดกับนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำภูมิใจไทย ถือเป็นการข้ามสายพันธุ์ที่ไม่มีใครคิดว่าจะเกิดขึ้นได้

เมื่อตั้งรัฐบาลแล้ว แม้จะมีลักษณะของการ"ต่างตอบแทน" เออออห่อหมกกันไปในหลายๆเรื่อง

แต่อีกหลายๆเรื่องก็ไม่ราบรื่น

การผลักดันโครงการต่างๆ โดยเฉพาะโครง การใหญ่ เกิดเหตุการณ์ปีนเกลียวระหว่าง 2 พรรคใหญ่อยู่เรื่อยๆ

หลังเหตุการณ์สลายม็อบเสื้อแดง เกิดความ ระส่ำระสายในรัฐบาล เนื่องจากบางพรรค ไม่ต้องการร่วมรับผิดชอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

กลุ่มพญานาค กลุ่มโคราชของพรรคเพื่อแผ่นดิน ตัดสินใจโหวตสวน 2 รัฐมนตรีภูมิใจไทยในการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจ

และถูกปรับออกจากรัฐบาล เมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ทำให้คะแนนเสียงของรัฐบาลลดวูบลง

ส่งผลเพิ่มความสำคัญให้กับพรรคภูมิใจไทย เนื่องจากมีส.ส.เป็นกลุ่มก้อน หากขาดหายไปเมื่อไหร่ สถานะของรัฐบาลจะลำบากทันที

ในขณะที่ในทางการเมือง การร่วมอยู่ในรัฐบาลผสมเดียวกัน พรรคภูมิใจไทยเป็นฝ่ายเติบโต และได้เปรียบโดยตลอด

ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ดูเหมือนจะถดถอยลงไปเรื่อยๆ

การแข่งขันชิงดีชิงเด่นกันอยู่ในที ทำให้ยิ่งนานวัน ความสัมพันธ์ระหว่างสองพรรคยิ่งห่างเหิน

แต่ก็แยกจากกันไปไหนไม่ได้

โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่คนเสื้อแดงยังตรึงกำลังคุมเชิง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็มีเหตุที่จะต้องเคลื่อนไหวต่อไป

และรัฐบาลเองยังไม่พร้อมเข้าสู่การเลือกตั้งที่ตัวเองคุมเกมไม่ได้

ดังนั้นแม้พรรคภูมิใจไทย ไม่พอใจท่าทีของประชาธิปัตย์ในโครงการรถเมล์ 4 พันคันอย่างรุนแรง

แต่แกนนำประชาธิปัตย์ก็ยังเชื่อว่า ยังไม่มีเหตุผลที่พรรคไหนจะชิงทุบหม้อข้าวตัวเอง ด้วยการตีรวนหรือสร้างปัญหาในการลงมติร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ

นายวิทยา แก้วภราดัย ประธานวิปรัฐบาล ถึงกับประกาศว่า โหวต 100 ครั้งชนะ 100 ครั้ง

นักการเมืองด้วยกัน ย่อมรู้ไส้รู้พุงกันดีว่า ไม่มีพรรคการเมืองไหนจะปฏิเสธวงเงินงบประมาณ 2.07 ล้านล้านบาท

ไม่ว่าจะเป็นยามปกติ หรือยามหน้าสิ่วหน้าขวาน ไม่รู้จะยุบสภาเลือกตั้งวันไหน

ขณะที่พรรคภูมิใจไทยก็รู้ดีเหมือนกันว่า พรรคประชาธิปัตย์เองก็ต้อง การใช้งบประมาณเช่นกัน ที่สำคัญยังต้องการยื้อเวลา ยืดการเลือกตั้งออกไปให้ยาวนานมากที่สุด

ทั้งยังพยายามหาเสียง เพิ่มต้นทุนให้ตัวเอง ด้วยการสกัดโครงการรถเมล์ ซึ่งในแง่หนึ่ง พรรคประชาธิปัตย์ในฐานะเจ้าของพื้นที่กรุงเทพฯ ต้องการเครดิตจากโครงการนี้

กรณีรถเมล์ 4 พันคัน จึงจะยังไม่จบง่ายๆ

และอาจเป็นชนวนระเบิดระหว่าง 2 พรรค เพราะพรรคภูมิใจไทยทุบโต๊ะเปรี้ยงปร้าง ประกาศแล้วว่า โครงการนี้จะต้องผ่านความเห็นชอบของครม.ภายหลังการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ

ถือเป็นคำประกาศที่ท้าทายศักดิ์ศรีพรรคเก่าแก่อย่างประชาธิปัตย์อย่างแรง

ท่ามกลางเสียงพยากรณ์แบบ "ตอกลิ่ม" จากพรรคฝ่ายค้านอย่างเพื่อไทย ที่อ่านใจประชาธิปัตย์ออกมาดังๆ ว่า

หลังผ่านพ.ร.บ.งบประมาณ ประชาธิปัตย์อาจปรับครม.อีกครั้ง ทวงกระทรวงสำคัญคืนมา เพื่อสร้างผลงานแก้ตัว ก่อนยุบสภา

ตรงหรือไม่ตรงพรรคประชาธิปัตย์รู้ดี ปัญหาคือทำไม่ได้หรือไม่กล้าทำ