WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Wednesday, August 18, 2010

โหวตงบฯ′54มาตรา3 ผ่านฉลุย239ต่อ147 หลังอภิปรายนาน9ชม. พท.ซักงบฯใต้กระจุกกห. ปรับแล้วแต่ยังได้เพิ่ม

ที่มา มติชน


"เพื่อไทย"ฉะ"มาร์ค"สองปีมีเงินให้ผลาญกว่า1.3ล้านล้าน แต่แก้ความยากจนไม่ได้ นายกฯโต้ มั่วข้อมูล โว ศก.ขยายตัวมากที่สุดในโลก คุย แก้หนี้นอกระบบเกินเป้า

เพื่อไทย ซัด งบแก้ใต้กระจุกที่กลาโหม แถมปรับยังได้เพิ่ม เตือนส่งออกเพิ่มจริงแต่เป็นสินค้าต่างประเทศตั้งฐานผลิตในไทย ส่วนสินค้าเกษตรส่งออกลดลง โหวตผ่านมาตรา 3 หลังอภิปรายนาน 9 ชม.


"เพื่อไทย"ซัดงบแก้ใต้กระจุกที่กลาโหม แถมปรับยังได้เพิ่ม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การพิจารณาในช่วงเย็นยังอยู่ที่มาตรา 3 งบปี 54 ตั้งไว้จำนวน 2.07 ล้านล้านบาท มีที่น่าสนใจ อาทิ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กมธ. สงวนความเห็น อภิปรายติติงการจัดงบของรัฐบาลที่กระจุกตัวในพื้นที่ของรัฐบาลโดยเฉพาะพื้นที่ของเจ้ากระทรวง เพื่อเป้าหมายทางการเมือง นอกจากนี้ แผนงานการแก้ปัญหาชายแดน 5 จังหวัดแดนใต้ งบกระจายอยู่ทุกหน่วยงานรวมยอดแล้ว 19,101 ล้านบาท แต่ไม่บูรณาการ โดยอยู่ในทั้งกระทรวงมหาดไทย กอ.รมน. กระทรวงกลาโหม ศึกษาธิการ เกษตรฯ หากดูลึกๆกลายเป็นงบผูกพัน รวมๆแล้วเป็นแสนล้านบาทและผูกพันเป็นปีๆ สิ่งที่ชาวภาคใต้ต้องการ ไม่ใช่เรื่องงบประมาณ แต่คือความเป็นธรรมความปลอดภัยชีวิตและทรัพย์สิน แต่งบแก้ใต้ส่วนใหญ่กลับกระจุกตัวในกระทรวงกลาโหม

ด้านนายชัยวัฒน์ ทรัพย์รวงทอง ส.ส.ชัยนาท พรรคเพื่อไทย สงวนคำแปรญัตติ ระบุว่า ไม่เห็นด้วยที่งบที่ปรับเพิ่ม ไปอยู่ในส่วนการจัดซื้ออาวุธให้จังหวัดชายแดนภาคใต้ 750 ล้านบาท รวมถึงให้ กทม.ในการซ่อมถนน 796 ล้านบาท ทั้งๆที่ กทม.มีงบประมาณของตนเองมากอยู่แล้ว

โหวตผ่านมาตรา 3 ด้วยคะแนน 239 ต่อ 147 หลังอภิปรายนาน 9 ชม.


ขณะที่นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย สงวนคำแปรญัตติ อภิปรายว่า ไม่มั่นใจว่า รัฐบาลจะหารายได้มาชดใช้หนี้ได้ แม้ยอดการส่งออกมีมูลค่า 9 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้เกินดุล แต่สินค้านั้นเป็นสินค้าของต่างประเทศที่ตั้งฐานการผลิตในไทยซึ่งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมได้สรุปยอดว่า ต่างประเทศนำรายได้ออกไปปีละไม่ต่ำกว่า 2.2 ล้านล้านบาท ที่น่าตกใจคือ ยอดการส่งออกข้าว ผลผลิตการเกษตรหลักลดลงอย่างมาก มีราคาตกต่ำ ไม่รู้ว่าค้างในสต็อกจำนวนเท่าไหร่ จึงไม่ควรสนใจเฉพาะยอดส่งออกเพราะสินค้าหลักการเกษตรกลับยอดลดลง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ประชุมอภิปรายมาตรา 3 นานกว่า 9 ชั่วโมง นายชัย สั่งตรวจสอบองค์ประชุม ปรากฏว่า มีสมาชิกแสดงตน 271 จาก 474 คน เกินกึ่งหนึ่งที่ 237 คน จากนั้นจึงมีมติเห็นชอบตามร่างของกมธ. ด้วยคะแนน 239 ต่อ 147 งด 3 ไม่ลงคะแนน 20 เสียง

สภาฯถกงบ′54วันแรก "ไตรรงค์"ไม่สนฝ่ายค้านขอเอกสารเพิ่ม

ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 18 สิงหาคม ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม พิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2554 จำนวน 2,070,000 ล้านบาท ที่คณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว ในวาระ 2 และ 3 โดยจะเป็นการพิจารณารายมาตรารวม 35 มาตรา ซึ่งมีการถ่ายทอดสดการประชุมทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีช่อง 11 และวิทยุโทรทัศน์ของรัฐสภา โดยนายชัย แจ้งว่า ประธานพร้อมจะทำหน้าที่ 2 วัน คือวันที่ 18 – 19 สิงหาคม วันละ 24 ชั่วโมง เนื่องจากวันที่ 20 สิงหาคม รัฐสภาจะจัดงานออกศีลอดรอมฎอน

นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ประธานกมธ. ชี้แจงว่า กมธ.พิจารณางบประมาณปีนี้อย่างละเอียดและเข้มงวด มีการปรับลดงบประมาณ จำนวน 33,449,343,100 บาท โดยพิจารณาจากการดำเนินงานจริง ความพร้อมในการดำเนินงานของหน่วยงาน โครงการที่ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ โครงการที่ดำเนินงานไปแล้วแต่มีการโอนงบประมาณ โครงการที่มีเป้าหมายไม่ชัดเจน มีความจำเป็นน้อย ไม่ประหยัด โครงการที่ดำเนินงานล่าช้ากว่าเป้าหมาย และบางรายการที่ปรับได้อีก เช่น ครุภัณฑ์บางประเภทที่สามารถปรับลงได้ตามราคาตลาดที่มีแนวโน้มจะลดลง ส่วนการเพิ่มงบประมาณ เพิ่มในวงเงินเท่ากับจำนวนที่ปรับลด เพื่อสนับสนุนนโยบายหลักของรัฐบาล อาทิ โครงการประกันรายได้ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม แหล่งน้ำ การท่องเที่ยวและกีฬา และเงินอุดหนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

จากนั้น มีการถกเถียงถึงเอกสารรายละเอียดงบประมาณในโครงการที่ปรับเพิ่ม โดยส.ส.ฝ่ายค้าน นำโดย นายเจริญ จรรย์โกมล ส.ส.ชัยภูมิ และ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ทักท้วงว่า ปีนี้เป็นปีที่สองที่รายการปรับเพิ่ม ไม่ส่งรายละเอียดของโครงการว่า ปรับเพิ่มให้โครงการใด ในพื้นที่ใด มีเพียงเอกสารภาพรวมเพียงเล่มเดียวทำให้อาจขัดรัฐธรรมนูญ และไม่ทราบว่า มีการกระจายงบอย่างเป็นธรรมและทั่วถึงทุกพื้นที่หรือไม่ จังหวัดบุรีรัมย์ของประธาน เม็ดเงินรวมทุกกระทรวงลงไปเท่าไหร่หากเทียบกับจังหวัดอื่น ซึ่งจะทำให้งบที่สภาอนุมัติ ไม่ได้ใช้ไปตามจริงเนื่องจากมีการสับเปลี่ยนโยกย้าย เพราะเป็นเงินก้อนเดียว ไม่มีรายละเอียดแผนงานโครงการมารองรับ สมัยงบปี 52 ที่รัฐบาลนี้เข้ามาปี 53 และใช้งบดังกล่าว ก็มีการทำแบบนี้ จึงสงสัยว่า คราวนี้ไม่ทำรายละเอียดอีกเพราะต้องการหมกเม็ด หรือรับเม็ดเงินไปขายต่อ

ด้านนายไตรรงค์ ชี้แจงว่า รัฐธรรมนูญ 50 มาตรา 167 บัญญัติให้การพิจารณางบประมาณต้องมีเอกสารประกอบ ประมาณการรายรับ วัตถุประสงค์ กิจกรรมแผนงานให้ชัดเจน ซึ่งรายการปรับลดมีรายละเอียดแต่ละโครงการแล้ว ส่วนรายการปรับเพิ่มมีรายละเอียดรายการที่ปรับเพิ่มเกิน 10 ล้านบาท แต่ถ้าต่ำกว่า 10 ล้านบาท หากทำรายละเอียดทุกโครงการเจาะทุกพื้นที่จะมีเอกสารเยอะมากหลายคันรถบรรทุก และไม่เคยปฏิบัติมาตั้งแต่ปี 2548 แล้ว ซึ่งคราวที่แล้วตนบอกให้ไปฟ้องศาล ฝ่ายค้านก็ไปดำเนินการซึ่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้วว่า ไม่รับคำร้อง ทั้งนี้รายละเอียดยิบที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้ทำคือ ขั้นตอนจัดทำงบของสำนักงบประมาณ ซึ่งรัฐบาลทำแล้ว

"ประยุทธ"แฉ ปรับลดไปกองรวมแล้วหยิบแจกคนละ 10 %

ปธ."ชัย" ตัดบท ให้กมธ.แจงเฉพาะรายการสงสัย

หลังการชี้แจง ส.ส.ฝ่ายค้าน ยังคงทักท้วง โดยนายประยุทธ ศิริพานิชย์ ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รู้ว่าใครนำงบไปขาย ที่นั่งอยู่บนที่ชี้แจงนั้นก็มีบ้าง แต่ตนไม่อยากหัก ทั้งนี้การปรับลด กลับตัดไปกองไว้ลอยๆแล้วหยิบไปแจก ในชั้นกมธ.มีคนมาวิ่งกวาดไผ่เต็มไปหมด คนละ 10 % ประธานกมธ.ก็รู้ ส่วนนายเจริญ กล่าวว่า กระทรวงกลาโหมและกระทรวงมหาดไทย ควรทำรายละเอียดทุกโครงการ จะได้รู้ว่า รถถัง 6,200 ล้านบาท หรือฝูงบินกริพเพน 1.6 หมื่นล้านบาท กมธ.ไม่ให้ แล้วมีเงินกลับมาอีกได้อย่างไร ขอเป็นซีดี 1 แผ่นก็ได้ ด้านนพ.ประสิทธิ์ ชัยวิรัตนะ ส.ส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า โครงการไทยเข้มแข็งมีข่าวว่า กินกันถึง 50 % ของโครงการ นายวิลาศ จันทรพิทักษ์ (ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ประธานกมธ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต) ยังออกมาให้สัมภาษณ์เองว่ามีจริง หรือพบว่า เสาธงราคา 4.9 แสนบาท รถออโต้ไมโครบัสคันละ 3 ล้านบาทเป็นไปได้อย่างไร

ขณะที่นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ข่าวเรื่องงบกระจุกตัวบางจังหวัด นายไตรรงค์ ก็นำไปจัดการใหม่แล้ว แต่ส.ส.จะเชื่อว่า กระจายจริงก็ต่อเมื่อมีการแจกเอกสารโครงการของท้องถิ่นแบบละเอียด ข้อครหาซื้อขายโครงการก็จะหมดไป ทั้งนี้หลังการทักท้วงนานประมาณ 1 ชั่วโมง นายชัย ที่พยายามไกล่เกลี่ยเป็นระยะ ตัดบทว่า หากส.ส.สงสัยรายละเอียดของโครงการใดเป็นพิเศษ ให้กมธ.นำเอกสารมาชี้แจง เพราะศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้ว และนำเข้าสู่การพิจารณารายมาตราต่อไป

"เพื่อไทย"ฉะ"มาร์ค"สองปีมีเงินให้ผลาญกว่า1.3ล้านล้าน แต่แก้ความยากจนไม่ได้

จากนั้นเป็นการพิจารณาเรียงตามลำดับมาตรา เริ่มที่ มาตรา 3 ภาพรวมงบปี 2554 จำนวน 2,070,000 ล้านบาท โดยนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย สงวนคำแปรญัตติปรับลด 30 % อภิปรายว่า การปรับลดดังกล่าวเป็นเงิน 6 แสนล้านบาท มีเหตุผล 5 ข้อคือ
1.นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง บอกว่า ปี 53 สามารถจัดเก็บภาษีได้เพิ่มมากกว่าที่ตั้งเป้าถึง 3 แสนล้านบาท จากเป้า 1.35 ล้านล้านบาท ต่อมาวันที่ 12 สิงหาคม สำนักงานเศรษฐกิจการคลังยืนยันตามตัวเลขนี้ อย่างไรก็ดี รัฐบาลนี้บริหารเงินไม่เป็น แต่ กมธ.งบฯ กลับไปสนับสนุนให้มีการใช้เงินอย่างอีลุ่ยฉุยแฉกด้วยการกู้เงิน
2.ปี 53 มีงบลงทุน 1.5 แสนล้านบาท บวกกับการออก พ.ร.ก.กู้เงินอีก 3.5 แสนล้านบาทเป็นเงินรวม 5 แสนล้านบาท บวกกับเงินที่ได้จากการจัดเก็บภาษี 3 แสนล้านบาท และเงินที่ยึดได้จากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อีก 4.6 หมื่นล้านบาท ทำให้รัฐบาลมีเงินลงทุนทั้งหมด 8.5 แสนล้านบาท ปี 54 มีงบลงทุน 4.7 แสนล้านบาท รวมปี 53 และ 54 รัฐบาลมีงบลงทุนถึง 1.32 ล้านล้านบาท เมื่อหาร 2 เท่ากับมีเงินปีละประมาณ 600,000 แสนล้านบาทเศษ เป็นจำนวนเงินลงทุนมากที่สุดเท่าที่ตั้งประเทศไทยมา
3.รัฐบาลนี้มีเงินจำนวนมาก แต่ไม่ทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น คนยังจนอยู่เยอะ ดูจากหนี้นอกระบบมี 1.18 ล้านคน ยอด 1.22 ล้านล้านบาท รัฐบาลช่วยได้ 2.6 แสนราย วงเงินช่วยเหลือ 1.7 หมื่นล้านบาท ถือว่า สัดส่วนน้อยมาก
4. หนี้สาธารณะตอนนี้ 4.1 ล้านล้านบาท รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ก่อหนี้มากถึง 2.6 ล้านล้านบาท แบ่งเป็น สมัยรัฐบาลชวน 2 มีหนี้เงินกู้ 1.1 ล้านล้านบาท รัฐบาลนี้ปี 52 ก่อหนี้ 3.4 แสนล้านบาท ปี 53 ก่อหนี้ 3.5 แสนล้านบาท ปี 54 คาดว่าจะก่อหนี้ 4.2 แสนล้านบาท การกู้เงิน 4 แสนล้านบาท รวมเป็น 1.5 ล้านล้านบาท จึงไม่เชื่อว่า จะจัดทำงบสมดุลได้ใน 5 ปี การจัดทำงบประมาณแผ่นดินของรัฐบาลนี้จึงทำแบบเด็กประถม ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการคลังต้องปรับลดเงินเดือน เพราะทำงานมั่วตั้งแต่มีรัฐบาลนี้
5.จะทำรัฐสวัสดิการ แต่เก็บภาษีได้เพียง 16- 18 % ของจีดีพี ถือว่าเพ้อฝัน เพราะประเทศรัฐสวัสดิการอย่างสวีเดนเก็บได้ถึง 50 %


นายกฯโต้ มั่วข้อมูล โว ศก.ขยายตัวมากที่สุดในโลก คุย แก้หนี้นอกระบบเกินเป้า


นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า ผู้อภิปรายดูหมิ่นดูแคลน ทั้งที่ข้อมูลผิดอยู่ตลอดซึ่งพิสูจน์มาแล้วหลายครั้ง เช่น เคยบอกว่า คลังจะไม่สามารถหารายได้ได้ตามเป้า และเศรษฐกิจจะไม่ดีขึ้น แต่ข้อเท็จจริง รัฐบาลทำงานมี 1 ปีครึ่งทำได้เกินเป้าครึ่งปีนี้ เศรษฐกิจขยายตัวได้มากกว่าร้อยละ 10 ซึ่งมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก รายได้จากการส่งออกและการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นตลอดเวลา เพียงแต่ไม่ได้ใช้งบประมาณมากเพราะไม่ใช่ทุกปัญหาจะแก้ได้โดยการทุ่มงบ


ส่วนรัฐบาลนี้มีแผนกู้เงินมากเพราะมีวิกฤตเศรษฐกิจโลกรุนแรงครั้งหนึ่ง แต่สุดท้ายรัฐบาลก็บริหารได้ จึงลดการกู้ไปได้ครึ่งหนึ่ง และอันที่จริง การกู้สามารถทำได้หากมีสัดส่วนผลิตภัณฑ์มวลรวมในระดับเหมาะสมคือไม่ให้เกิน 60 % ซึ่งสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยังเคยออก พ.ร.ก.กู้รวดเดียว 7 แสนล้าน ฝ่ายค้านในตอนนี้ที่ตอนนั้นเป็นรัฐบาลก็ไม่เห็นว่าอะไรกัน

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ส่วนที่บอกว่า รัฐบาลจะสร้างรัฐสวัสดิการ รัฐบาลไม่เคยบอกว่าจะทำรัฐสวัสดิการ แต่บอกว่า จะทำสวัสดิการสังคม ให้คนได้เรียน มีการประกันรายได้ คนพิการและผู้สูงอายุได้เบี้ยรายเดือน ใครไม่เห็นด้วยไม่เป็นไร แต่รัฐบาลนี้เห็นว่าสำคัญ ส่วนการทำงบสมดุลใน 5 ปี แนวโน้มการทำงบปีนี้ก็ใกล้งบสมดุลมากแล้ว ฉะนั้นใน 5 ปี มั่นใจว่าทำได้แน่ ส่วนหนี้นอกระบบ ไม่ได้โม้ แต่ทำได้เกินเป้า เพราะขึ้นทะเบียน 1.2 ล้าน คน เป้าหมายแก้ไข 2 แสนราย แต่ตอนนี้แก้ได้ 4 แสนรายแล้ว และคาดว่าจะแก้ได้ 6 แสนราย ขณะที่รัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ตั้งเป้าไว้ 1.7 แสนราย แต่แก้ปัญหาได้แค่ 8 หมื่นราย

นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ชี้แจงว่า การเก็บภาษีปี 53 ที่เพิ่มขึ้นจากเป้าเป็น 1.65 ล้านล้านบาท เพราะตัวเลขเปลี่ยนแปลงไปตามพลวัตรทางเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับการประมาณการจัดเก็บภาษีของงบปี 54 ที่ตั้งไว้ 1.65 ล้านล้านบาท ก็เป็นตัวเลขเบื้องต้น แต่เมื่อเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ก็ส่งผลให้อัตราการจัดเก็บภาษีสูงขึ้นตามไปด้วย ซึ่งถือเป็นข่าวดีของประชาชน ที่ผู้ประกอบการมีผลประกอบการที่ดีขึ้น

นายกรณ์ กล่าวอีกว่า สำหรับนโยบายแก้ปัญหาหนี้นอกระบบที่รัฐบาลสามารถแก้ปัญหาให้ประชาชนได้ถึง 4 แสนราย วันนี้ทุกคนมีเงินอยู่ในกระเป๋าเพิ่มขึ้นอีกเดือนละ 1 พันบาท ซึ่งไม่ได้มาจากการทุ่มงบประมาณเข้าไป หรือเป็นเงินภาษีของประชาชน แต่เป็นการใช้ธนาคารประชาชนเข้าเพื่อประโยชน์ในการแก้ปัญหา ซึ่งรัฐบาลยืนยันเดินหน้าดำเนินนโยบายนี้ต่อไป ส่วนปัญหาหนี้สาธารณะ ยอมรับว่า รัฐบาลมีความจำเป็นต้องกู้เงินเพื่อมาแก้ปัญหาเศรษฐกิจ แต่ต้องดูว่า เงินที่กู้มาสุดท้ายแล้วเป็นภาระของประเทศอย่างไร ซึ่งจากฐานเดิมที่มีหนี้สาธารณะ 8.5 % แต่การกู้เงินมาแก้ไขปัญหาทำให้สัดส่วนของหนี้ลดลง 0.5 เปอร์เซ็นต์ ส่งผลให้จีดีพีของหนี้ลดลงมาจาก 44 % อยู่ที่ 42 % ขอยืนยันว่ารัฐบาลนี้ไม่มั่วตัวเลขอย่างที่กล่าวหา แต่ผู้อภิปรายมั่วข้อมูล ไม่ทำการบ้านมาก่อนอภิปราย


หลังการชี้แจง นายสุรพงษ์ ลุกขึ้นใช้สิทธิ์พาดพิงด้วยความไม่พอใจว่า “ยืนยันว่าผมไม่ได้มั่วข้อมูล ถ้ายังไม่รู้ว่าคนใช้เอาเอทีเอ็มไปเบิกเงินก็อย่ามาบริหารประเทศดีกว่า”