ที่มา Thai E-News
ใจ อึ๊งภากรณ์ (เสื้อแดงสังคมนิยม)
18 สิงหาคม 2553
นักปฏิวัติสังคม ที่ต้องการโค่นอำมาตย์ และสร้างระบบประชาธิปไตยแท้กับสังคมนิยม จะต้องลงไปคลุกคลีกับมวลชนเสื้อแดงตลอด จะต้องร่วมสู้ ร่วมเรียกร้อง เคียงข้างเพื่อนเสื้อแดง โดยไม่ตั้งเงื่อนไขในการเข้าร่วม และจากการร่วมสู้ร่วมทุกข์แบบนี้ เราจะมีสิทธิ์เสนอแนวทางการต่อสู้เพื่อบรรลุชัยชนะ ยิ่งกว่านั้นเราจะมีโอกาสในการเสนอรูปธรรมของสังคมใหม่ที่เป็นประชาธิปไตยและสังคมนิยม
นักสังคมนิยมมีจุดเริ่มต้นในความมั่นใจว่า พลเมืองทุกคนมีวุฒิภาวะและสิทธิที่จะปกครองตนเองและกำหนดอนาคตของตนเอง เราเชื่อมั่นว่าไม่มีใครมีสิทธิ์ผูกขาดทรัพยากรของโลก มนุษย์ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะมีชีวิตที่ดีและมั่นคง ไม่ควรมีความอดอยากในโลกปัจจุบันแห่งเทคโนโลจีสมัยใหม่
ที่แล้วมาในอดีต คำว่า “สังคมนิยม” ถูกบิดเบือนจนมีภาพของการเป็นเผด็จการ ภาพแบบนี้มาจากการกระทำของพรรคคอมมิวนิสต์ในประเทศต่างๆ ทั่วโลก ตั้งแต่ สตาลิน ขึ้นมาทำลายประชาธิปไตยของการปฏิวัติรัสเซียหลังจากที่ เลนิน เสียชีวิตไป
“สังคมนิยม” สำหรับพวกเราในยุคนี้ หมายถึงสังคมที่ประชาชนเป็นใหญ่ มีการวางแผนการผลิตร่วมกันด้วยกระบวนการประชาธิปไตย เพื่อให้มีการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการของพลเมืองทุกคน ไม่ใช่การผลิตเพื่อสร้างกำไรและตอบสนองอำนาจเงิน อย่างที่เราเห็นในระบบทุนนิยม สังคมนิยมเป็นสังคมที่ยกเลิกชนชั้น ทุกคนเป็นพลเมือง ไม่มีเจ้านายและลูกน้อง ไม่มีนายทุนและลูกจ้าง ไม่มีอภิสิทธิ์ชนหรืออำมาตย์
ทุกวันนี้นักสังคมนิยมทั่วโลกได้เข้าใจ วิจารณ์ และปฏิเสธ แนวเผด็จการของพรรคคอมมิวนิสต์ “สายสตาลิน”ไปนานแล้ว ซึ่งต้องรวมถึงการวิจารณ์แนวของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย(พคท.)ด้วย สำหรับคนที่พูดว่า “สังคมนิยม” แบบนี้เป็นแค่อุดมคติที่เป็นไปไม่ได้ เราจะตอบว่า ในอดีตหลายคนมองว่าการเลิกทาส การมีรัฐสวัสดิการ หรือการมีประชาธิปไตย เป็นแค่อุดมคติที่เป็นไปไม่ได้เช่นกัน แต่ปรากฏว่าสิ่งเหล่านี้ได้เกิดขึ้นจริงแล้ว
เวลาเราพูดว่าเราเป็นนักปฏิวัติสังคมนิยม มันไม่ได้แปลว่าเราไม่สนใจการต่อสู้เล็กๆ น้อยๆ ประจำวันเลย ตรงกันข้าม นักปฏิวัติอย่าง โรซา ลัคแซมเบอร์ค หรือ เลนิน หรือแม้แต่ คาร์ล มาร์คซ์ จะลงมือร่วมต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย เพื่ออิสรภาพ หรือเพื่อสวัสดิการภายใต้ระบบทุนนิยม เพราะถ้าเราไม่สู้ในเรื่องแบบนี้ เราไม่มีวันฝึกฝนสร้างพลังมวลชนเพื่อเดินหน้าสู่การพลิกสังคมในการปฏิวัติได้ ดังนั้นนักสังคมนิยมจะเป็นเสื้อแดง จะร่วมสู้เพื่อให้อำมาตย์ยุบสภา ทั้งๆที่เราทราบดีว่าการเลือกตั้งจะไม่ล้มอำมาตย์ และเราจะเรียกร้องให้ชาวเสื้อแดงออกมาสู้เพื่อรัฐสวัสดิการแบบ “ถ้วนหน้า-ครบวงจร-ผ่านการเก็บภาษีจากคนรวย” ทั้งๆ ที่มันเป็นระบบสวัสดิการในระบบทุนนิยมเท่านั้น นอกจากนี้เราจะสู้เพื่อสิทธิแรงงาน เราจะสู้เพื่อสิทธิสตรีและคนรักเพศเดียวกัน หรือสิทธิของคนงานจากพม่าและที่อื่น และเราจะสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพของชาวมาเลย์มุสลิมในภาคใต้ ฯลฯ เพราะเสรีภาพในรูปแบบต่างๆ เป็นเงื่อนไขสำคัญของการสร้างสังคมนิยม และถ้าเราไม่ร่วมสู้ในเรื่องแบบนี้ เราจะไม่สามารถชักชวนเพื่อนๆ เสื้อแดงให้สู้ต่อไปกับเราเพื่อเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่า ดังนั้นจุดยืนพื้นฐานของเรานักสังคมนิยมปฏิวัติ คือต้องสมานฉันท์และสนับสนุนการต่อสู้ของคนเสื้อแดงในอดีตที่ราชประสงค์ ต่อจากนั้นเราต้องสนับสนุนรณรงค์เพื่อให้มีการปล่อยตัวและช่วยเหลือนักโทษการเมือง เราต้องเรียกร้องให้หยุดใช้ พรก.ฉุกเฉิน และเราต้องสนับสนุนงาน “วันอาทิตย์สีแดง” ฯลฯ อีกด้วย
เราเป็น “นักปฏิวัติ” เพราะเราไม่เชื่อว่าอำมาตย์จะยอมสละอำนาจเผด็จการง่ายๆ เราทราบดีว่าเขาฆ่าประชาชนชาวเสื้อแดง 90 ศพที่ราชประสงค์และผ่านฟ้า เพื่อปกป้องระบบเผด็จการและระบบที่ไม่มีความเป็นธรรม และเราทราบว่าครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทำแบบนั้น ดังนั้นในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและสังคมนิยม จะมีวันหนึ่งที่มวลชนจะต้องยึดสถานที่ทำงาน สถานที่ราชการ รถถัง ค่ายทหาร สถานีวิทยุโทรทัศน์ โรงไฟฟ้า และระบบการขนส่ง ฯลฯ เพื่อให้ฝ่ายประชาชนมีอำนาจพอที่จะโค่นเผด็จการอำมาตย์ได้ นั้นคือการปฏิวัติ
เราเป็น “นักปฏิวัติสังคมนิยม” เพราะเรามองว่าแค่การล้มอำมาตย์หรือระบบเก่าไม่พอ เราต้องมีข้อเสนอที่ชัดเจนว่าจะเอาระบบอะไรมาแทนที่ เราเสนอระบบ “สังคมนิยม” ที่เป็นประชาธิปไตยเต็มใบ เรามองว่าสังคมไทยต้องเดินหน้าเกินเลยขั้นตอนประชาธิปไตยที่มีรัฐบาลไทยรักไทย อย่างที่เคยมีในอดีตก่อนรัฐประหาร ๑๙ กันยา ตรงนี้พวกแกนนำเสื้อแดง นปช. แดงทั้งแผ่นดิน ที่เป็นแนว “ปฏิรูป” เขาอาจไม่เห็นด้วย ก็ไม่เป็นไร เราเถียงกันและแลกเปลี่ยนกันได้ในขณะที่เราสามัคคีในการต่อสู้เฉพาะหน้า
แต่ “การปฏิวัติ” ไม่ใช่ละครหรือเกมเด็กเล่น คนอย่าง อ. สุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ จาก “แดงสยาม” ทำตัวเหมือนการปฏิวัติเป็นเกมเด็กเล่น เวลาออกโทรทัศน์หรือจัดงานชอบใส่หมวกดาวแดงจากยุคพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยในอดีต มันเป็นแค่การสร้างภาพ ในช่วงปี ๒๕๕๒ อ.สุรชัยชอบประกาศว่าจะจัดกองกำลังติดอาวุธแบบ พคท. โดยลืมว่าแนวทางนี้ของ พคท. พ่ายแพ้โดยสิ้นเชิง แต่กองกำลังของ “แดงสยาม” ไม่ปรากฏเป็นจริงสักที ก็ดีแล้วที่ไม่เป็นจริง เพราะการสร้างกองกำลังแบบนั้นยิ่งเปิดโอกาสให้อำมาตย์ตั้งข้อกล่าวหา “ก่อการร้าย” และที่สำคัญกว่านั้น มันทำให้มวลชนเสื้อแดงนับล้านไม่มีบทบาทอะไรต่อไป เพราะคนส่วนใหญ่มีข้อจำกัดในการลงใต้ดินและการจับอาวุธ เพราะเขาต้องเลี้ยงชีพในสังคมเปิด เราควรเข้าใจว่าการปฏิวัติสังคม ไม่ใช่สิ่งที่คนมืออาชีพจำนวนไม่กี่คนจะทำได้ มันต้องมีส่วนร่วมจากมวลชนเป็นล้านๆ
“แดงสยาม” ของ อ.สุรชัย ไม่ได้ทำแค่นั้น มีการใช้คำว่า “ปฏิวัติ” เพื่อให้ดูดีก้าวหน้า แต่พอมวลชนออกมาสู้ที่ผ่านฟ้าและราชประสงค์ ก็ได้แต่วิจารณ์ ไม่ยอมร่วมสู้ ยิ่งกว่านั้นเวลาอภิสิทธิ์และทหารฆ่าประชาชนอย่างเลือดเย็น แทนที่ อ.สุรชัย จะวิจารณ์โจมตีอำมาตย์ เขาหันมาด่าแกนนำ นปช. ว่า “พาคนไปตาย” ซึ่งเป็นคำพูดที่เลวทรามที่สุด เพราะปล่อยให้ฆาตกรอำมาตย์ลอยนวล วิจารณ์การประท้วงของมวลชน และดูถูกมวลชนคนเสื้อแดงว่า “ถูกหลอก” สุดท้าย อ.สุรชัยเสนอทางออกที่ประนีประนอมอย่างถึงที่สุดกับอำมาตย์ คือเสนอให้มีการตั้ง “รัฐบาลแห่งชาติ” ซึ่งแน่นอนย่อมประกอบไปด้วยพรรคพวกของอำมาตย์ นักการเมืองและข้าราชการเผด็จการที่อ้างตัว “เป็นกลาง” อย่างอานันท์ ปันยารชุน บวกกับนักการเมืองเสื้อแดงบางคน ไปๆ มาๆ “นักปฏิวัติน้ำนม” กลายเป็นฝ่ายปฏิกิริยา พรรคพวกของ อ.ชูพงษ์ กับ นปช. U.S.A. ที่ชอบด่าเจ้าเกินความจริง ก็คล้ายๆ กัน ในที่สุด อ.ชูพงษ์ บอกว่าไม่อยากล้มเจ้า และไม่เคยเสนอแนวทางต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยที่เป็นรูปธรรมเลย เราต้องสรุปว่าพวกนี้เป็นแนว “ปฏิวัติไร้เดียงสา” พูดเอามัน แต่ไร้สาระ หรืออาจเป็นไปได้ว่าบางคนหวังร้าย อยากสร้างความสับสนหรืออยากช่วยทหารบางส่วนก็ได้
จริงอยู่ เสื้อแดงทุกคนต้องร่วมกันคิดร่วมกันทบทวนบทเรียนจากเหตุการณ์นองเลือดที่ราชประสงค์และผ่านฟ้า สำหรับเสื้อแดงสังคมนิยม เราขอเสนอว่าจุดอ่อนสำคัญของฝ่ายเราคือการไม่ขยายองค์กรไปสู่สหภาพแรงงาน เพื่อให้มีการนัดหยุดงานหนุนการชุมนุม และเราขอเสนอว่าเราไว้ใจ “ทหารแตงโม” ระดับสูงมากเกินไป เราต้องขยายองค์กรในหมู่ทหารเกณฑ์ระดับล่าง ที่มาจากครอบครัวเสื้อแดงมากกว่า แต่เราจะไม่มีวันพูดว่าแกนนำ นปช. “พาคนไปตาย” เราจะเสนอแทนว่าเราต้องชัดเจนแล้วว่าทุกส่วนของอำมาตย์ป่าเถื่อนพอที่จะฆ่าเรา อย่าไปตั้งความหวังกับเทวดาอีก แต่สำหรับคนเสื้อแดงจำนวนมาก เราเข้าใจดีว่าเขาต้องผ่านประสบการณ์โลกจริง เขาถึงจะสรุปแบบนี้ได้
จริงอยู่อีก... พรรคเพื่อไทย ขาดคุณสมบัติหลายอย่างที่จะโค่นอำมาตย์หรือแม้แต่จะปฏิรูปสังคม แต่ในขณะเดียวกันพรรคสังคมนิยมหรือกลุ่มซ้ายๆ ก็เล็กเกินไปที่จะก้าวเข้ามาแทนพรรคเพื่อไทย ในสถานการณ์แบบนี้ เราต้องเน้นขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคม คือขบวนการเสื้อแดงนั้นเอง เราต้องปกป้อง พัฒนาขบวนการเสื้อแดงด้วยกิจกรรมต่างๆ ที่มีหลายรูปแบบ เช่นวันอาทิตย์สีแดง แต่งานสำคัญอีกอันหนึ่งที่เราต้องทำคือร่วมกันกำหนดนโยบายทางการเมืองของขบวนการเสื้อแดงที่จะช่วยแก้ไขปัญหาสังคมและครองใจประชาชน ดังนั้นงาน “สมัชชา ๑๙ พฤษภาคม” ที่เสนอโดย สมยศ พฤกษาเกษมสุข ซึ่งเป็นกิจกรรมปฏิรูปสังคมและการเมืองของคนเสื้อแดง เพื่อประกบคณะกรรมการจอมปลอมของอภิสิทธิ์ เป็นกิจกรรมที่สำคัญยิ่ง
เพื่อไทย
Thursday, August 19, 2010
บทความ: นักปฏิวัติสังคม หันหลังให้กับการปฏิรูปไม่ได้
ข้อเสนอรูปธรรมสำหรับการต่อสู้ของคนเสื้อแดง