ที่มา Thai E-News
จาก ข่าวสารทางด้านลึก มีการระบุว่า แผนทำลายกลุ่มเสื้อแดง มันแอบซ่อนอยู่ในแผน 315 และสร้าง เสริม ยุแหย่ ให้เกิดความขัดแย้งในกลุ่มแกนนำ มวลชนคนเสื้อแดง กับชักจูง จูงใจ ให้มวลชนแดงโดยเฉพาะต่างจังหวัดเข้าเป็นมวลชน กอ.รมน.ให้มากที่สุด
โดย หรี่ฟุน
10 กรกฏาคม 2554
ใคร จะคาดคิดว่า เมื่อคราว เหตุการณ์ 6 ตุลา 19 พลังนักศึกษาและประชาชนที่ก่อพลังอย่างต่อเนื่องจากเหตุการณ์ 14 ตุลา 16 จะมาพบกับความล่มสลายทันตาเห็น ด้วยแผนการณ์อันแยบยลจากหน่วยงานของรัฐหน่วยงานหนึ่ง ที่มีชื่อว่า “กอ.รมน.”
บทความนี้ผมต้องการสื่อไปยังบรรดาแกนนำ มวลชนคนเสื้อแดงทุกท่าน ทั้งท่านที่เคยผ่านเหตุการณ์ 14 ตุลา 16 และ 6 ตุลา 19 มาก่อน
ส่วน แกนนำที่อยู่ในระหว่าง วัยที่ยังแก้ผ้าวิ่งเล่นอยู่ในสมัยนั้น รวมถึงมวลชนคนเสื้อแดงทั่วโลก นักรบไซเบอร์หัวใจแดงรุ่นใหม่ทุกท่าน ก็ควรที่จะเรียนรู้ไว้เพื่อเป็นแนวทางป้องกันมิให้เกิดกับ “พลังมวลชนคนเสื้อแดง” ที่ขณะนี้กำลังเผชิญกับ “แผนโบราณ” อย่างเต็มๆเข้าแล้ว
ก่อนอื่นผมขอเท้าความถึงเหตุการณ์ในอดีตว่าทำไม พลังนักศึกษาและประชาชน ในยุค 14 ตุลา 16 และ 6 ตุลา 19 ซึ่งถ้าเปรียบเทียบถึงคุณภาพและปริมาณของหัวใจที่รักและหวงแหนประชาธิปไตย แล้ว จะเท่าเทียมกับ “พลังมวลชนคนเสื้อแดงในยุคปัจจุบัน” ทุกกระเบียดนิ้ว
แต่จะแตกต่างกันตรงที่ยุคสมัยเมื่อ 38 ปีที่ผ่านมา พลังมวลชน ไม่มีมือถือ ไม่มีนักรบไซเบอร์เหมือนมวลชนคนเสื้อแดงในยุคสมัยนี้
ตรง นี้ล่ะครับ ที่อำนาจฝ่ายรัฐที่งัดเอา “แผนโบราณ” มาใช้ มันมองข้ามไปและคิดไม่ถึง โดยเฉพาะเรื่องของสงครามทางอินเตอร์เนท หรือ สงครามไซเบอร์ ที่แม้แต่ประเทศมหาอำนาจทั่วโลกยังหวั่นไหวและขยาดกลัว
ดัง นั้นแต้มต่อของ “พลังมวลชนคนเสื้อแดง” จึงขึ้นอยู่กับสิ่งนี้ แต่เพราะเหตุที่พลังนักศึกษาและประชาชนในยุคนั้น ขาดในสิ่งที่กล่าวถึง พลังนักศึกษาและประชาชนในยุค 38 ปีที่ผ่านมา จึงถูกทำลายลงอย่างย่อยยับด้วย “แผนโบราณ” นี่เอง
แผนโบราณ ที่ใช้ได้ผลในเหตุการณ์ 6 ตุลา 19
กลุ่มกระทิงแดง
เป็น กลุ่มที่ถูกจัดตั้งขึ้นมาโดยคนที่ใกล้ชิดกับอำนาจรัฐไทยในขณะนั้น กระทิงแดงถูกตั้งขึ้นโดยพันเอก สุตสาย หัสดิน (ยศขณะนั้น) ซึ่งอยู่ในองค์กร กอ.รมน. (กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในประเทศ)ของรัฐ
โดยได้รับเงินจากงบประมาณลับของ กอ.รมน. เพื่อจูงใจให้กระทำความรุนแรงกับขบวนการนักศึกษาและประชาชนด้วย
กลุ่มกระทิงแดง นอกจากจะได้งบประมาณจากฝ่ายรัฐแล้ว ยังใช้อุปกรณ์ของตำรวจนครบาลในการปฏิบัติการด้วย
แกน นำของกระทิงแดงมีลูกชายของพันเอก สุตสาย ที่ชื่อ สืบสาย หัสดิน และ สมศักดิ์ ขวัญมงคล กับ เฉลิมชัย มัจฉากล่ำ (ผู้พันตึ๋ง ที่ปัจจุบันอาศัยอยู่ในคฤหาสถ์บางขวาง)
และสมาชิกกระทิงแดงที่ประกอบ ไปด้วยนักศึกษาอาชีวะ (ที่บทบาทแท้จริงในเหตุการณ์ 14 ตุลา 16 กลุ่มนักศึกษาอาชีวะ คือกลุ่มผู้พิทักษ์ คอยดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับ มวลชนนักศึกษาและประชาชน เหมือนเช่นกลุ่มการ์ดเสื้อแดงในยุคนี้) และทหารผ่านศึก
นอกจากนี้นักการเมืองในพรรคชาติไทยเช่น ชาติชาย ชุณหะวัน ก็ใกล้ชิดกับกระทิงแดงด้วย
สุ ตสาย หัสดิน เองก็เล่าถึงบทบาทของตนว่าในยุค ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙ กระทิงแดงได้เปรียบศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย เพราะถึงแม้ว่าศูนย์นิสิตฯ จะมีมวลชน แต่กระทิงแดงมีระเบิด และเขามีส่วนในการทำระเบิดเองและเก็บสะสมไว้ที่บ้านด้วย
กลุ่มนวพล
ขบวนการนวพล เป็นขบวนการที่จัดตั้งตามแผนปฏิบัติการของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน หรือ กอ.รมน.
นวพลได้ก่อตั้งขึ้นในปี 2517 โดยมี ดร. วัฒนา เขียววิมล ปัญญาชน และผู้มีสัมพันธ์กับซีไอเอในสหรัฐอเมริกา เป็นหัวหน้ากลุ่ม และคอยประสานงานกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน เช่นพล.ต.ท. สุรพล จุลละพราหมณ์ ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนในยุคนั้น พล.อ. สายหยุด เกิดผล เสนาธิการ กอ.รมน. พล.อ. วัลลภ โรจนวิสุทธิ์ อดีตเจ้ากรมข่าวทหาร และ พล.ท. สำราญ แพทยกุล เป็นนวพลอันดับแรก ซึ่งดำรงตำแหน่งองคมนตรีในยุคนั้น และเป็นอดีตแม่ทัพภาคที่ 3
นวพล แปลว่า “พลังเก้า” หมายถึงรัชกาลที่ 9 ซึ่ง ดร. วัฒนา เขียววิมลได้อธิบายว่านวพลคือพลังใหม่ 3 ประการ คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
ขบวนการนวพลก่อตั้งขึ้นมาเพื่อสร้างกำแพงขวางคอมมิวนิสต์ที่จะเข้ามาคุกคามศาสนาพุทธและสถาบันกษัตริย์
ใน ยุคนั้นขบวนการนวพลได้ดำเนินการอยู่ในชนชั้นสูง ในวงราชการ กองทัพ ธุรกิจ พระสงฆ์ บุคคลสำคัญที่ไม่ได้เป็นทหารคือนายธานินทร์ กรัยวิเชียร ดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาศาลฏีกา
นอกจากนี้แล้วนวพลยังมีสมาชิกระดับล่างลงมา ซึ่งเป็นพ่อค้าท้องถิ่นและข้าราชการต่างจังหวัด บุ
คคลที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อสมาชิกระดับนี้ก็คือ พระกิตติวุฒโฑ ผู้กว้างขวางในหมู่พระภิกษุสงฆ์ (อดีตคู่ปรับตัวสำคัญของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง) โดยยืนยันเป้าหมายและนโยบายที่จะปราบปรามฝ่ายคอมมิวนิสต์ที่กำลังเข้ามาทำลายประเทศชาติ
ขบวนการนวพลได้รับการสนับสนุนจากกองทัพบก และกรมตำรวจเป็นหลัก
มี รายงานข่าวจากนักเขียนสหรัฐว่า วัฒนา เขียววิมล เคยประกาศในปี ๒๕๑๘ ว่า จะพยายามสร้างความแตกแยกในสังคมไทยเพื่อเป็นเหตุผลในการยึดอำนาจของฝ่ายทหาร และในเดือนมกราคม ๒๕๑๙ วัฒนา เรียกร้องให้มีการตั้งรัฐบาลใหม่ที่มีทหารหนุนหลังเพื่อรักษาความสงบเรียบ ร้อยของบ้านเมือง (แผนนี้ สนธิลิ้ม ที่หลงไหลวิธีการของ วัฒนา เขียววิมล ได้ลอกเลียนแผนนี้มาใช้จนสามารถสร้างความฉิบหายให้กับบ้านเมืองจนสำเร็จ )
กลุ่มนวพล พยายามขยายสมาชิกในหมู่นายทุน ทหาร ภิกษุ และปัญญาชน และจะเน้นวิธีการแบบจิตวิทยามากกว่า กลุ่มกระทิงแดง
เช่น สมาชิกนวพลมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับหนังสือพิมพ์ ดาวสยาม ซึ่งเป็นสื่อที่คอยโจมตีขบวนการนักศึกษาและฝ่ายที่เรียกร้องประชาธิปไตยมา ตลอด
อย่างไรก็ตามมีข้อมูลที่เสนอว่านวพล มีการแจกเงิน และสะสมลูกระเบิด หรืออาวุธอื่นๆ เพื่อใช้ความรุนแรงในธรรมศาสตร์ด้วย และผู้ที่ขับรถพังประตูเพื่อเปิดทางให้มีการบุกมหาวิทยาลัยในเช้าของวันที่ ๖ ตุลาคม เป็นสมาชิกนวพลที่เป็นพลทหารนอกเครื่องแบบ
ยิ่งกว่านั้น บุคคลที่ก่อทารุณกรรม เช่นการแขวนคอ หรือเผาทั้งเป็น ในเช้าวันที่ ๖ ตุลาคม ก็เป็นบุคคลที่ได้รับการฝึกมาจากหน่วยทหาร เพราะคนธรรมดาไม่น่าจะกระทำทารุณได้ถึงขนาดนี้
สมาชิกเด่นๆ ของกลุ่มนวพล นอกจาก วัฒนา เขียววิมล แล้ว ก็มี นาย ธานินทร์ กรัยวิเชียร ทมยันตี และ กิตติวุฒโฑภิกขุ (เจ้าของวลีฆ่าคอมมิวนิสต์ไม่บาป)
นอก จากสามกลุ่มหลักที่กล่าวถึงไปแล้ว มีกลุ่มฝ่ายขวานอกระบบอีกหลายกลุ่ม เช่นกลุ่มค้างคาวไทย กลุ่มกุหลาบดำ ชมรมแม่บ้าน และกลุ่มพิทักษ์ชาติไทย (เปรียบในปัจจุบัน ก็คือ กลุ่มสยามสามัคคี กลุ่มเสื้อหลากสี และสารพัดกลุ่มเสือก) เป็นต้น
ทั้ง สามกลุ่ม “นอกระบบ” ที่กล่าวถึงได้รับการประสานงานทางสื่อวิทยุในวันที่ ๕ และ ๖ ตุลาคม โดยสื่อของรัฐเอง โดยเฉพาะ สถานีวิทยุยานเกราะ ซึ่งมี พ.ท. อุทาร สนิทวงศ์ เป็นผู้อำนวยการ จุดยืนของสถานีวิทยุแห่งนี้คือจะคอยต่อต้านและโจมตีขบวนการนิสิตนักศึกษา ขบวนการกรรมกร ขบวนการชาวนา ขบวนการคอมมิวนิสต์ และบุคคลที่มีความเห็นทางการเมืองที่ต่างออกไปจากมุมมองของฝ่ายขวาทุกคน
ตัวอย่าง เช่นสถานีวิทยุแห่งนี้จะมองว่า ผู้ที่ยึดถือแนวความคิดเสรีนิยม หรือสังคมนิยมประชาธิปไตยอ่อนๆ อย่าง ป๋วย อึ๊งภากรณ์ และชวน หลีกภัย (ผู้ลืมตน) “เป็นคอมมิวนิสต์”
ทั้งหมดนี้คือแบบแผนการทำลาย พลังมวลชนที่เกิดขึ้นในอดีต ที่ถูก แผนโบราณ ถล่มจนราบคาบ
และ แผนโบราณ อันนี้ล่ะครับที่ได้ถูกนำมาใช้กับกลุ่มเสื้อแดงแล้ว หลังจากที่ได้มีการประเมินสถานการณ์หลังการสลายการชุมนุม เมื่อเดือน เมษา-พฤษภา 53 ,การประเมินสถานการณ์ก่อนการเลือกตั้ง และ การประเมินสถานการณ์หลังการเลือกตั้ง แล้ว ที่ปรากฏว่า พลังมวลชนคนเสื้อแดง กลับเติบโตและแข็งแกร่งเกินกว่าที่คาดคิด ที่สำคัญแกินกว่าที่จะรับมือได้
จากข่าวสารทางด้านลึก มีการระบุว่า
- แผนทำลายกลุ่มเสื้อแดง มันแอบซ่อนอยู่ในแผน 315
- สร้าง เสริม ยุแหย่ ให้เกิดความขัดแย้งในกลุ่มแกนนำ มวลชนคนเสื้อแดง
- ชักจูง จูงใจ ให้มวลชนแดงโดยเฉพาะต่างจังหวัดทั่วทุกภาคของประเทศเข้าสู่มวลชน กอ.รมน.ให้มากที่สุด ไม่ว่าจะใช้วิธีการอะไรก็ตาม
เห็นแผนนี้แล้ว มันชักจะเข้าทางของ แผนโบราณ จริงๆ
แต่ อย่างไรก็ตาม ผมยังคงมั่นใจและไว้วางใจมวลชนคนเสื้อแดง นักรบไซเบอร์หัวใจแดงทุกท่านอยู่ดี ยกเว้น..!!บรรดาแกนนำที่มีพฤติการณ์หนีทัพหรือผลุบเข้าผลุบออก ผมบอกตรงๆว่า ผมไม่ไว้ใจในพฤติการณ์ของบรรดาแกนนำเหล่านี้แล้วครับ
ขอปิดท้ายด้วยเรื่องของ สนธิลิ้มผู้อหังการขาสั่น พูดว่า
ใน ประเด็นที่พันธมิตรฯ จะสู้ ออกมาสู้จะมีเหลืออยู่ 2 ประเด็น ประเด็นแรก คือ เมื่อใดก็ตามที่พรรคเพื่อไทยเสนอกฎหมายเพื่อขอนิรโทษคุณทักษิณ ผมมั่นใจว่าแกนนำพันธมิตรฯ จะมีมติให้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ออกมาคัดค้านเรื่องนี้ นั่นข้อที่ 1.
ข้อที่ 2.หากมีขบวนการจาบจ้วงสถาบันกษัตริย์ พระมหากษัตริย์ สมเด็จพระนางเจ้าฯ ออกมาอย่างชนิดที่เรียกว่า รัฐบาลไม่จัดการ เราก็จะออกมาประท้วง แต่พ้น 2 เรื่องนี้เราไม่ยุ่ง
เอาล่ะครับ เรื่องนี้ผมขอเสนอ 2 ประเด็น ให้รัฐบาลใหม่ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมท่านใหม่ รวมถึงเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่รับผิดชอบในคดีที่ท่านสนธิลิ้มได้สร้างสมไว้ (เผื่อจะได้หักล้างกับประเด็นข้อที่ 1 ของสนธิลิ้มได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ จะได้ไม่ต้องเอาเรื่องดังกล่าวมาหาแดกอีกต่อไป)
ประเด็นที่ 1 คดี ที่นำเอาคำพูดของคุณดาร์ตอปิโด มาปราศรัยบนเวทีและถ่ายทอดทางทีวีทั่วประเทศ นั่นข้อที่ 1. ข้อที่ 2 . คดียึดทำเนียบรัฐบาล ยึดสนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมือง (ส่วนคดี ทางแพ่งที่พวกพันธมิตรต้องชดใช้ค่าเสียหายมันอ๊วกแตกแล้ว ชั่งมัน) พนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ ต้องรีบดำเนินการให้เสร็จสิ้นโดยเร็วพลัน ไม่งั้นย้ายแหลก แค่นี้ สนธิลิ้มผู้อหังการ ก็จะได้ไปสิงสถิตอยู่ในคุกอย่างสุขใจ
ส่วนข้อที่ 2 ที่สนธิลิ้ม ขู่ไว้ หมูมากครับเรื่องนี้ เอาเป็นว่าเพื่อป้องกันหมาบ้าที่ขณะนี้ออกมาเพ่นพ่านอย่างผิดปกติในพื้นที่ เมืองหลวงของประเทศ ไม่ให้พวกมันกัดเอา หรือเห่าหอนเพลาๆลง วิธีป้องกันง่ายๆ มี 2 วิธี ก็คือ
วิธีแรก ขอกราบวิงวอนไป ยังท่านนักวิชาการ นักวิเคราะห์ นักวิพากษ์วิจารณ์ เกี่ยวกับเรื่องสถาบัน ท่านจะวิเคราะห์หรือวิพากษณ์วิจารณ์ก็เป็นสิทธิของท่าน ไม่ว่ากัน ตัวใครตัวมันก็แล้วกัน แต่....ขอวิงวอนแทนมวลชนคนเสื้อแดงทั่วประเทศ อย่าได้ใช้สัญลักษณ์หรือในลักษณะใดๆที่อาจทำให้บุคคล กลุ่มบุคคลอื่นๆเข้าใจว่านี่คือคนเสื้อแดง หรือตัวแทนคนเสื้อแดง เท่านี้ก็ปลอดภัยแล้ว ฝ่ายตรงข้ามจะมาเห่าหอนต่อต้านก็ไม่มีผล เพราะมวลชนคนเสื้อแดงของจริงเสียงจริงเขาไม่เกี่ยว
วิธีที่สอง ขอ ให้ประธาน นปช.แดงทั้งแผ่นดินแถลงการณ์หรือประกาศเจตนารมณ์ในเรื่องของสถาบัน ให้ชัดเจน เท่านั้นก็พอ มันจะเป็นวัคซีนป้องกันโรคหมาบ้าได้อย่างดีเยี่ยม
เอา ล่ะครับเริ่มฉีดวัคซีนป้องกันโรคหมาบ้า ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แล้วพวกเราพลังแดงทั้งแผ่นดินก็จะปลอดภัย จากโรคพิษสุนัขบ้าได้อย่างถาวรตลอดไป
จนถึงรุ่นลูกรุ่นหลานของเรา.......