ที่มา มติชน
ยิ่งลักษณ์ในวันที่เรียกประชุมทีมงานศก.เพื่อไทย เพื่อขับเคลื่อนนโยบายที่พรรคได้หาเสียงไว้
ในวันแถลงจับขั้วตั้งรัฐบาล
ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลกำลังฟอร์ม"ครม.ยิ่งลักษณ์1"
ดู เหมือนว่าขณะนี้หลายฝ่ายกำลังให้ความสนใจต่อนโยบายเศรษฐกิจของพรรค เพื่อไทยที่หาเสียงก่อนหน้านี้ รวมถึงทีม"ครม.เศรษฐกิจ"ที่จะมาขับเคลื่อนนโยบายไปสู่ภาคปฏิบัติ
โดย เฉพาะเรื่องใกล้ตัวที่เกี่ยวกับปากท้องของประชาชน ทั้งเรื่องยกเลิกกองทุนน้ำมัน ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น300บาท/วัน ขึ้นเงินเดือนผู้ที่จบปริญญาตรีเริ่มต้นที่15,000บาท/เดือน การลดภาษีนิติบุคคลจากร้อยละ30เหลือร้อยละ23 การซื้อแท็บเล็ตแจกให้กับนักเรียน เป็นต้น
@เอกชนค้านหัวชนฝา "ขึ้นค่าแรง-ปรับฐานเงินเดือน"
ส่วนการลดภาษีนิติบุคคล จาก 30% เหลือ 23% นั้นผู้ที่ได้ประโยชน์คือผู้ประกอบการขนาดใหญ่ เพราะกำไรสูง แต่เอสเอ็มอีไม่ได้ประโยชน์เพราะมีกำไรไม่มากจึงจ่ายภาษีไม่สูง ส.อ.ท.เตรียมเสนอความเห็นและผลกระทบที่ภาคอุตสาหกรรมได้รับโดยเฉพาะผลจากการ ขึ้นค่าแรงจะทำให้กิจการใดเดือดร้อนหรือต้องปิดกิจการ
@เอกชนหวั่นราคาสินค้าพุ่ง ธุรกิจรอวันเจ๊ง
ใน วันที่ 12 กรกฎาคมนี้ ส.อ.ท.จะประชุมกับสมาชิกแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรม เพื่อกำหนดจุดยืนต่อนโยบายของรัฐบาลที่เกี่ยวข้องกับภาคอุตสาหกรรม เช่น การขึ้นค่าแรงเป็นวันละ 300 บาท ซึ่งเห็นว่าเวลาเหมาะสมที่การจะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทคือหลัง 3 ปีไปแล้ว
@เตือน"เงินเฟ้อ"พุ่ง ฉุดภาพรวมศก.ชะลอตัว นาย พรายพล คุ้มทรัพย์ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) กล่าวว่า เกือบจะทุกนโยบายที่พรรคเพื่อไทยหาเสียงไว้ไม่ควรทำทั้งสิ้น ถ้าจะทำจริงก็ควรทบทวนว่าจะทำได้แค่ไหน โดยเฉพาะการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำวันละ 300 บาท ควรปรับขึ้นให้สมเหตุสมผลกับอัตราเงินเฟ้อและค่าครองชีพ ซึ่งไม่น่าจะถึง 300 บาท คิดว่าอัตราที่เหมาะสมน่าจะเพิ่มขึ้นปีละ 10% ส่วนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆ ของพรรค เพื่อไทยอาจทำให้เกิดความต้องการในตลาดเพิ่มขึ้นสร้างแรงกดดันเงินเฟ้อ ถ้ารัฐบาลใหม่ยืนยันปรับขึ้นค่าแรง 300 บาท จะส่งผลให้ต้นทุนผู้ประกอบการเพิ่มขึ้นสูงและต้องผลักภาระมายังผู้บริโภค ซึ่งจะสร้างแรงกดดันต่อเงินเฟ้อทันที
สอดรับกับบทวิเคราะห์ ของต่างชาติหลายสำนักก็ออกมาเตือนรัฐบาลเพื่อไทยใน ทิศทางเดียวกันว่า นโยบายประชานิยมดังกล่าวจะสร้างความกังวลต่อแรงกดันทางด้านเงินเฟ้อตามมา เช่นวอลสตรีท เจอร์นัลระบุว่านโยบายของพรรคเพื่อไทยแม้จะกระตุ้นการใช้จ่ายให้เติบโต แต่ก็จะทำให้เงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นด้วย และอาจกลายเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเติบโตของเศรษบกิจไทยตามมา เพราะเมื่อเงินเฟ้อเพิ่ม ธนาคารพาณิชย์ก็ต้องขึ้นดอกเบี้ย ก็จะกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม
@ ยกเลิกกองทุนน้ำมันฯ หนีไม่พ้นขึ้นภาษีสรรพสามิต
ด้าน นายมนูญ ศิริวรรณ นักวิชาการอิสระผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน กล่าวว่า การยกเลิกการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยนั้น จะส่งผลให้ราคาน้ำมันเบนซิน 95 ลดลงทันที 7.50 บาทต่อลิตร น้ำมันเบนซิน 91 ลดลงทันที 6.70 บาทต่อลิตร และน้ำมันดีเซล ลดลงทันที 2.40 บาทต่อลิตร
นายมนูญกล่าวว่า ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในอนาคตสำหรับการยกเลิกกองทุนน้ำมันฯ จะส่งผลกระทบต่อแผนพลังงานทดแทนของประเทศ โดยพลังงานทดแทนราคาเพิ่มขึ้น และราคาเบนซินลดลง ส่งผลให้ประชาชนจะหันกลับไปใช้พลังงานเดิมตามปกติ โดยราคาพลังงานก็จะเป็นไปตามกลไกราคาตลาดโลกตามความเป็นจริง
สำหรับมาตรการที่จะมาทดแทนกองทุนน้ำมันฯหากมีการยกเลิกนั้น นายธรรมนูญกล่าวว่ามีทางเดียวคือ มาตรการทางภาษีสรรพสามิตน้ำมันเท่านั้น
ด้าน นายสมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การแจกแท็บเล็ตเป็นดาบ 2 คม ข้อดีคือ เด็กไทยจะก้าวเข้าสู่โลกสมัยใหม่และค้นคว้าข้อมูลได้ง่ายขึ้น แต่ด้านลบคือ เด็ก ป.1 ยังอ่านและเขียนไม่ได้ ช่วงเวลาหลังเลิกเรียนควรเป็นเวลาของการวิ่งเล่นออกกำลังกาย เรียนรู้การเข้าสังคมกับเพื่อนฝูง หากแจกแท็บเล็ตจะทำให้เด็กหมกมุ่นกับเกมคอมพิวเตอร์ ไม่มีสังคมกับคนรอบข้าง ขาดพัฒนาการด้านร่างกายและจิตใจ
@ เพื่อไทยยันทำได้ "ยิ่งลักษณ์"ยันพร้อมชี้แจงทุกประเด็น
นายจารุ พงศ์กล่าวว่า ยืนยันจะไม่รื้อระบบไตรภาคีค่าจ้าง เพราะถือว่าเป็นระบบที่ดีอยู่แล้ว แต่จะแก้กระบวนการสรรหาที่มาของตัวแทนไตรภาคีที่ยังไม่มีตัวแทนฝ่ายลูกจ้าง เพราะติดขัดเรื่องสหภาพแรงงานที่มีจำนวนน้อยมาก เมื่อเทียบกับสัดส่วนแรงงานทั้งประเทศ
"ส่วนการ ปรับฐานเงินเดือนข้าราชการและรัฐวิสาหกิจระดับปริญญาตรีไม่ต่ำ กว่า 15,000 บาท คาดว่าจะเริ่มในเดือนตุลาคมนี้ ส่วนค่าจ้างขั้นต่ำจะเริ่มได้หลังทำความเข้าใจกับภาคเอกชน รวมถึงหานโยบายลดภาระให้เอกชนจากการขึ้นค่าจ้าง เช่น การลดภาษีนิติบุคคล ภาษีเครื่องจักร หาตลาดส่งออกให้ คาดจว่าะเริ่มได้ในเดือนมกราคม 2555 ส่วนที่กังวลการขึ้นค่าจ้าง จะทำให้มีการย้ายฐานผลิตนั้น ยืนยันว่าอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้น หากจำเป็นต้องย้ายฐานการผลิต ภาครัฐจะสนับสนุนให้ไปตั้งโรงงานในประเทศที่ค่าแรงถูกหรือตามแนวชายแดนแทน" นายจารุพงศ์กล่าว
กระนั้นก็ตามพลันที่การยกเลิก กองทุนน้ำมันฯค่อนข้างสับสนว่าจะยกเลิกหรือ ไม่อย่างไร จะทำเมื่อไหร่ ทำให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรี ต้องออกมาชี้แจงอีกครั้งว่า พรรคเพื่อไทยไม่ได้มีนโยบายจะยุบกองทุนน้ำมัน เพียงแต่จะยกเลิกการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันแบบชั่วคราว ในรายการน้ำมันเบนซิน 95 เบนซิน 91 และ ดีเซล แต่ยังคงต้องรอดูระยะเวลาในการยกเลิกก่อนว่าจะนานเท่าใด เนื่องจากพรรคเพื่อไทยไม่ได้มีนโยบายที่จะยกเลิกตลอด แต่จะดูระบบเศรษฐกิจเป็นที่ตั้ง อีกทั้งยังต้องรอดูแผนงบประมาณต่าง ๆ ด้วย
นาง สาวยิ่งลักษณ์ กล่าวต่อว่า พรรคเพื่อไทยจะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนี้อีก ครั้งหนึ่ง เพื่อให้มีผลกระทบต่อผู้ที่เกี่ยวข้องน้อยที่สุดด้วย ซึ่งในขณะนี้ยังคงเป็นเพียงแผนงานระยะสั้นเท่านั้น ส่วนกรณีหากราคาน้ำมันลดลงจะทำให้การใช้พลังงานทดแทนลดน้อยลงหรือไม่นั้น ตนคิดว่าในปัจจุบันพลังงานทดแทนก็ยังไม่มีเพียงพอต่อประชาชน ซึ่งในอนาคตก็จำเป็นที่จะต้องมีสร้างพลังงานทดแทนมากขึ้น
นาง สาวยิ่งลักษณ์ กล่าวต่อว่า ในเบื้องต้นจะใช้เงินที่ยังคงมีเหลือจากกองทุนน้ำมันก่อน โดยเมื่อเงินหมด ก็จะเป็นหน้าที่ภาระของรัฐบาลที่จะจัดสรรเงินจากส่วนต่าง ๆ ซึ่งอาจจะมีความเกี่ยวข้องกับค่าครองชีพและราคาของสินค้าต่าง ๆ อย่างไรก็ตามพรรคเพื่อไทยขอเวลาอีกสักระยะหนึ่งในการหารือและสร้างแผนงบ ประมาณ
@ ยันไม่แทรกแซงค่าเงินบาท ชี้การวิจารณ์เป็นความเห็นส่วนตัว
ส่วน กรณีเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราของประเทศไทยนั้น นางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้ถูกดึงเข้ามาเป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทย ซึ่งยืนยันว่าจะไม่มีการเข้าแทรกแซงค่าเงินบาท เพราะในขณะนี้ค่าเงินบาทที่ลอยตัว ก็ยังส่งผลดีต่อการที่ต่างประเทศเข้ามาลงทุนในประเทศไทย
ผู้ สื่อข่าวถามว่านโยบายต่าง ๆ ของพรรคเพื่อไทยจะทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อในประเทศหรือไม่ นางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ทางพรรคเพื่อไทยก็มีนโยบายที่พยายามจะลดค่าใช้จ่าย ซึ่งตนคิดว่าคงไม่กระทบค่าเงินมากนัก ซึ่งประเด็นสำคัญนั้นประชาชนคงอยากจะเห็นรายได้ที่เพิ่มขึ้นมากกว่า ส่วนการออกมาวิพากษ์วิจารณ์ของผู้เชี่ยวชาญในขณะนี้ตนเห็นว่าเป็นความคิด เห็นส่วนตัว
แต่ในส่วนของพรรคเพื่อไทยก็จะออกมา ชี้แจงเกี่ยวกับนโยบายต่าง ๆ อย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง อีกทั้งยังจะต้องดูสภาพการเงินการคลังในขณะนี้ด้วย
| |
|
| |