ที่มา ข่าวสด
คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
สับไก กระสุนธรรม
ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์กับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนฯ ครั้งสำคัญของไทย ซึ่งต่างประเทศจับตาอย่างใกล้ชิดด้วยเช่นกัน
ตลอดสัปดาห์ รัฐบาลหลายประเทศทยอยแสดงความยินดีกับไทยที่การเลือกตั้งผ่านมาได้ราบรื่น
และยินดีกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ของพรรคเพื่อไทยที่จะได้เป็นนายก รัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศ
ออง ซาน ซู จี ผู้นำฝ่ายค้านพม่า ดีใจที่ไทยได้ผู้นำเป็นผู้หญิง โดยผ่านกระบวนการประชา ธิปไตย
ฮุนเซน ผู้นำกัมพูชา แช่มชื่นว่าจะได้เริ่มความสัมพันธ์ "ยุคใหม่" ระหว่างสองประเทศ
ส่วน สื่อมวลชนตะวันตก เห็นว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นอีกปรากฏการณ์ของผู้นำหญิงในเอเชียที่สานต่อภารกิจสมาชิก ชายในครอบครัวซึ่งเคยเป็นผู้นำมาก่อน
ตามแบบ นางคอราซอน อาคีโน ของฟิลิปปินส์ นางเมกาวาตี ซูการ์โน บุตรี ของอินโดนีเซีย รวมถึงนางซู จี ของพม่า
แม้ ว่าชัยชนะของน.ส.ยิ่งลักษณ์ที่ใช้เวลาหาเสียงเพียง 49 วันนับจากวันเปิดตัว จะอิงอยู่กับชื่อ พ.ต.ท. ทักษิณ พี่ชาย แต่ปฏิกิริยาของบุคคลต่างๆ นับจากวันเลือกตั้งเป็นไปในทางสร้างสรรค์
มีทั้งให้กำลังใจและจะจับตาดูต่อไป
ยกเว้นนักการเมืองของไทยเองที่ยังยึดติดอยู่กับอาการ "ตกยุค"
ประชดประชันว่า ประชาชนไปเลือกคนที่เอาแต่ ชูนิ้วและส่งจูบ
ทั้งยังลามไปถึงคนเสื้อแดงที่สนับสนุนน.ส.ยิ่งลักษณ์ว่า อาจเปลี่ยนแปลงการปกครองในอนาคต
ล้วนเป็นวาทะที่ไม่เคารพประชาชน และพยายาม "แบ่งแยกประชาชน" ออกจากการเป็นคนไทย
ผู้ที่ออกอาการผิดปกติเช่นนี้ แสดงถึงความไม่มีน้ำใจนักกีฬาอย่างชัดเจน
หากจะดูตัวอย่างของสปิริต นักกีฬา ในช่วงเดียวกับวันเลือกตั้ง มีการแข่งขันเทนนิสวิมเบิลดันที่อังกฤษ
ราฟาเอล นาดาล และ มาเรีย ชาราโปว่า นักเทนนิสคนดังซึ่งพ่ายแพ้ในรอบชิงชนะเลิศ ต่างชื่น ชมผู้ชนะและพูดเหมือนกันว่า ตนเองเล่นไม่ดีพอ
เป็นการสำรวจข้อบกพร่องของตนเองก่อน
คนที่เอาแต่โทษประชาชน จึงสมควรแล้วที่ถูกประชาชนลงโทษ