ที่มา thaifreenews
โดย : ยรรยง ลูกชาวดิน
เรียนท่านประธานสภาที่เคารพ ดิฉันวิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร์ จังหวัดเชียงราย พรรคเพื่อไทยค่ะ ก็รอที่จะอภิปรายมาเป็นเวลานานนะค่ะตั้งแต่เมื่อคืนเมื่อสักครู่นี้ก็ได้ให้ท่านรัฐมนตรีได้ชี้แจ้งไป ก็ถือว่าได้ใช้เวลาไปสักพักหนึ่ง ก็ไม่เป็นไรค่ะรอมาตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้วจะอีกสักพักหนึ่งก็ไม่มีปัญหา ซึ่งตัวดิฉันเองนี้ ก็ต้องขอก่อนอื่นนะค่ะก็ต้องขอขอบคุณท่านประธานที่ได้พักการอภิปรายตั้งแต่เมื่อคืนที่ได้ล่วงเลยกันมาถึงเป็นเวลาตีหนึ่งกว่า ๆ มาเป็นในวันนี้ตอนเช้าเพราะดิฉันกับหลักฐานและข้อมูลที่ดิฉันเตรียมมาจะเกิดผลประโยชน์ได้ดีกว่าที่จะอภิปรายช่วงเมื่อคืนที่มีผู้ฟังน้อยกว่านะค่ะ ท่านประธานค่ะดิฉันเป็น ส.ส.สมัยแรก แต่เชื่อไหมค่ะเป็น ส.ส.สมัยแรกเนี้ยก็ปาเข้าไปแล้ว 2 พรรคค่ะ เดิมเคยอยู่พรรคพลังประชาชน แต่เมื่อถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ยุบพรรคไป ดิฉันเลยจึงได้มาอยู่พรรคเพื่อไทยในปัจจุบัน และได้เป็นทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ถือว่าเป็นส.ส.ครั้งแรกเนี้ย คุ้มเกินคุ้มเลยจริง ๆ ค่ะ ครบถ้วนจริง ๆ ดิฉันไม่เคยคิดที่จะลุกขึ้นมาอภิปรายไม่ไว้วางใจใคร
วันนี้ที่ดิฉันต้องลุกขึ้นมาอภิปรายเนื่องด้วยที่ว่าดิฉันไม่สามารถจะไว้วางใจรัฐมนตรีท่านผู้นี้ได้ รัฐมนตรีท่านนี้เคยเป็นข้าราชการ เคยมาทำงานราชการมาแล้ว ถึง 37 ปี จบการศึกษาจากจอร์ดทาวน์ ยูนิเวอร์ซิตี้ ที่กรุงวอชิงตัน ดีซี เป็นถึงเอกอัคราชทูต เป็นทูตในประเทศใหญ่ ๆ อีกตั้งหลายแห่ง เช่น เยอรมัน ญี่ปุ่น รัสเซีย และอเมริกา ดูจากการศึกษาเชื่อว่าท่านคงเป็นผู้ที่มีประสบการณ์สูงทางด้านการเมือง เพราะเคยช่วยราชการสำนักนายกในสมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทยในปี2544 มาแล้ว และยังเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เคยเป็น candidate หรือที่เขาเรียกว่าตัวเลือกผู้สมัครผู้ว่ากทม.ในนามพรรคประชาธิปัตย์ และยังเคยเป็นผู้สมัครบัญชีรายชื่อของพรรคประชาธิปัตย์อีกด้วยค่ะท่านประธาน ดูจากประวัติย่อ ๆ ภาพลักษณ์ของท่านประสบการณ์ของท่านดูดีนะค่ะ จากข้อมูลที่ดิฉันได้มาอีกด้านหนึ่งเนี้ย ซึ่งในเบื้องต้นดิฉันเองก็ไม่อยากจะเชื่อเลยค่ะ แต่หลักฐานพยานมันชัดเจน จริงไม่จริงอยากจะขอให้ท่านกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการประทรวงต่างประเทศ ได้ช่วยชี้แจ้งอิธบายให้พี่น้องให้ประชาชนชาวไทยได้รับฟังด้วยนะค่ะ ท่านประธานค่ะเพื่อให้พี่น้องคนไทยได้รับรู้คร่าว ๆ ก่อนดิฉัน จะต้องขอเกริ่นก่อนค่ะว่าประเทศไทยเราได้เริ่มมีความสัมพันธ์ทางการทูตมายาวนานกับนานาอริยะประเทศแค่สัญลักษณ์ตราบัวแก้วของกระทรวงการต่างประเทศแล้วก็ใช้กันมาตั้งแต่กรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีแล้วคะได้มีการตั้งกระทรวงการต่างประเทศมายาวนาน ได้มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศถึง 45 คนด้วยกัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนก่อน ๆ หน้าท่านกษิต ภิรมย์นั้น ได้ปฎิบัติภาระกิจได้อย่างดีเยี่ยมในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศมีประสิทธิภาพเป็นที่น่าภาคภูมิใจของพี่น้องประชาชนทั่วไทยทุกท่านเป็นผู้มีจริยวัตรอันดี เป็นผู้มีความรอบรู้ สุภาพ เรียบร้อย จงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เป็นผู้มีความรอบรู้ในระเบียบประเพณีปฎิบัติแห่งวิธีการทูตอย่างดีและที่สำคัญค่ะ เป็นที่น่าไว้วางใจให้กับพี่น้องประชาชนชาวไทยซึ่งเข้ามาดำรงตำแหน่งแล้วนี้พี่น้องประชาชนรู้สึกอุ่นใจ รู้สึกภูมิใจค่ะ รู้สึกเชิดหน้าชูตาได้ว่านี้ล่ะค่ะคือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยเรา นี้ค่ะท่านประธานคือคำจำกัดความของนักการทูตที่ดีของรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศที่ควรจะเป็น
ท่านประธานค่ะ ท่านทราบใช่ไหมค่ะว่าตำแหน่งรองจากนายกรัฐมนตรีแล้ว ก็มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศนี้ล่ะค่ะที่เปรียบเสมือนผู้เปิดประตูบ้าน ผู้เปิดประตูสู่โลก ประเทศไทยเราเมื่อมีการติดต่อเจรจาระหว่างประเทศผู้ที่มีอำนาจจะลงนามเซ็นสัญญาแล้วก็จะมีแค่ท่านนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศเท่านั้น ยิ่งในประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาซึ่งมีประชาธิปไตยที่พัฒนาก้าวไกลไปแล้วตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศยิ่งมีความสำคัญค่ะ เห็นได้ชัดจากที่ประเทศสหรัฐอเมริกาได้บรรจุไว้ในกฎรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจนค่ะว่าหากกรณีที่ประธานาธิบดีหรือรองประธานาธิบดีไม่สามารถมมาปฎิบัติหน้าที่หรือมีภาระกิจสำคัญหรือเป็นอะไรไปเนี้ยลำดับต่อไปที่จะขึ้นมารับหรือมาปฎิบัติหน้าที่เนี้ยก็คือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศค่ะ ตำแหน่งนี้สำคัญมากต่างชาติจะให้ความสำคัญต่อตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศอย่างมากค่ะ ถ้าหน้าตาของท่านรัฐมนตรีมีศักดิ์ศรี มีเกียรติยศเป็นที่หน้าเชื่อถือในระดับชาติแล้วเนี้ยความสำเร็จก็ปาเข้าไปครึ่งหนึ่งแล้วคะ บุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งนี้ได้เนี้ยก็ควรที่จะมาทำประโยชน์ให้แก่บ้านเมืองเราจริง ๆ ทำให้ประเทศชาติไทยเราได้รับความน่าเชื่อถือเป็นหน้าเป็นตาของประเทศ บุคคลที่มาดูแลงานต่างประเทศไม่น่าเชื่อถือยังไง ก็หมายถึงภาพลักษณ์ของประเทศนั้นแหละค่ะ
ทำได้ดีเยี่ยมเรื่อยมา หรือว่าจะเป็นอดีตรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ ของทางพรรคประชาธิปัตย์เอง หลาย ๆ ท่านไม่ว่าจะเป็น ขออนุญาตเอ่ยนามนะคะ ไม่ว่าจะเป็น ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ท่านถนัด คอมันต์ หรือท่านสุรินทร์ พิศสุวรรณ ท่านทั้งหลายเหล่านี้ล่ะค่ะ ที่เคยทำงานได้ดีเยี่ยมมาตลอด แต่ย้อนกลับมาที่รัฐมนตรีต่างประเทศที่ดิฉันกำลังอภิปรายอยู่นี่นะคะ น่าเศร้าค่ะท่านประธาน ท่านไม่มีใด ๆ ที่จะมีความคล้ายคลึงกับรัฐมนตรีต่างประเทศ ที่ผ่านมาในอดีต คุณลักษณะของท่านนะหรือค่ะ จริงหรือเปล่าค่ะ ที่มีแต่คนเขาพูดกันว่า ท่านไปเป็นฑูตที่ไหนก็ดีแต่สร้างความแตกแยก ยกตัวอย่างที่กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย ในปี พ.ศ. 2537 – 2540 จริงหรือเปล่าค่ะ ที่เขาว่าท่านมีการทะเลาะอย่างรุนแรง กับ ดร.ดนัย ลิ้มประดนัย ที่ช่วงนั้นเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยกระทรวงพาณิชย์ ยังไม่พอค่ะ ท่านยังเคยทะเลาะกับอัคราชฑูตที่ปรึกษา ซึ่งเปรียบเสมือนผู้อาวุโส อาวุโสกว่าท่าน ท่านวิมล ท่านอาวุโสผู้นี้ค่ะถึงกลับต้องอึดอัด กลับการกระทำของท่านกษิต ภิรมย์ ถึงกลับไประบายกับนักเรียนไทย ที่อยู่ต่างประเทศด้วยน้ำตา พฤติกรรม พฤติการเหล่านี้ ขณะรับราชการของท่าน ท่านได้สร้างประวัติมากมายในวงการ ถึงกับไปชกกับนักเรียนไทยในต่างแดน นักเรียนไทยในประเทศรัสเซีย ด้วยความเคารพค่ะท่าน ท่านเป็นถึงเอกอัคราชฑูตในตอนนั้น ทำไมท่านถึงต้องลงไปชกกับ นักเรียนทุนด้วยค่ะ นึกถึงวุฒิภาวะความเป็นผู้ใหญ่ที่ท่านมีหน่อยเถอะค่ะ ที่จากาตาร์ ประเทศอินโดนีเซีย ในปี พ.ศ. 2540 ท่านก็ไปทะเลาะกับฑูตทหาร โดยใช้อำนาจทำเรื่องส่งตัวท่านผู้นี้กลับทำลายอนาคต ทำลายประวัติข้าราชการของท่านผู้นี้ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ปี พ.ศ. 2547 ท่านก็ได้ทะเลาะกับฑูตแรงงาน และก็ส่งฑูตแรงงานคนนี้แหละกลับไปตำแหน่งฑูตค่ะท่านประธาน เป็นตัวแทนของประเทศ ไปทำงานต่างพระเนตร พระกรรณ ได้ยินแล้วดิฉันก็รู้สึกตกใจค่ะ ที่ไปทำงานเป็นฑูต หน้าที่ของท่านก็คือ เป็นฑูตเพื่อคนไทยในต่างแดน กลับไปมีเรื่องกับเด็กนักเรียนไทยซะเอง ไปมีเรื่องกับข้าราชการด้วยกัน ถึงแม้กับกระทั่งฑูตด้วยกันเอง ท่านประธานค่ะ คนอย่างนี้ที่ดิฉันถึงไม่สามารถไว้วางใจได้
นอกจากนี้ค่ะ เมื่อสมัยท่านยังเป็นฑูต ท่านก็ยังมีพฤติกรรมที่เรียกว่าแสวงหาผลประโยชน์จากหน้าที่การงานอีก ขอเรียนฝากถามท่านประธานไปยังท่านรัฐมนตรี ท่านยังจำนายไพบูลย์ ได้ไหมค่ะ ขออนุญาตเก็บนามสกุลไว้ค่ะ นายไพบูลย์ คนนี้ เขามาเป็นคนค้าคนขาย ส่งเข้าออกสินค้าระหว่างประเทศ เขาว่าที่ช่วงที่ท่านเป็นฑูตอยู่ค่ะ มักจะมีการบีบขอเปียโนหลายครั้งหลายหน โดยอ้างว่าจะเอาไปให้ผู้ใหญ่ในบ้านเมือง มีการขอขนส่งโดยใช้ช่องทางการฑูต คือไม่ต้องเสียภาษี แต่ปรากฎว่าความจริงเป็นสิ่งไม่ตายค่ะท่านประธาน เพราะเมื่อคุณกษิต หรือว่าท่านกษิต ภิรมย์ ไปออกรายการวาไรตี้ ช่อง 9 อสมท. ท่านบอกว่า ท่านเป็นคนอ่อนโยน เป็นคนรักการดนตรี เมื่อไปออกรายการมีคนสังเกตเห็นค่ะท่านประธานว่า เปียโนหลังเดียวกันเนี้ย หรือว่าเปียโนที่ละม้ายคล้ายคลึงกันเนี้ย ที่ท่านอ้างว่าจะเอาไปให้ผู้ใหญ่ ปรากฎอยู่ในบ้านท่าน แหละเมื่อตอนเป็นฑูตอยู่ที่ญี่ปุ่นค่ะท่านประธาน ก็มีข่าวบอกว่าท่านได้ไปบีบขอบัตรการบินไทยฟรี 500 ใบ 500 ใบต่อปี ด้วยเหตุผลที่บอกว่าจะเอาไปกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็ไม่รู้เอาไปกระตุ้นทางด้านไหนนะค่ะ ญาติพี่น้อง พรรคพวกของท่านเลยบินไปเที่ยวญี่ปุ่นกันอย่างที่สนุกสนานเลยค่ะ
ท่านกษิต ภิรมย์ ท่านยังจำคนที่ชื่อแป๊บซี่ แป๊บซี่นี่ไม่ได้หมายถึงเครื่องดื่มนะคะ แป๊บซี่คนที่จบจากมหาวิทยาลัยรุมมุมบาร์ เขาว่าคนคนนี้เป็นพ่อค้าเงินในตลาดมืดเขาว่าเป็นมือแลกเปลี่ยนเงินในตลาดมืด ไม่ทราบว่าท่านมีส่วนร่วมอะไรตรงนี้ด้วยค่ะ ท่านอาจจะสงสัยค่ะ ว่าทำไมดิฉันถึงรู้เรื่องบางอย่างที่ท่านไม่อยากจะให้รู้ได้ ก็ แหม... ท่านเล่นไปสร้างศัตรูไว้ทั่ว มันก็เป็นธรรมอยู่แล้วค่ะ ที่บุคคลเหล่านี้จะเอาข้อมูลมาให้กับทางพรรคฝ่ายค้านของเรา ก็เอาล่ะค่ะดิฉันคงจะไม่พูดในเรื่องส่วนตัวมากแล้ว
แต่ขออีกนิดหนึ่ง..นะคะท่านประธาน สิ่งที่ดิฉันรับไม่ได้เป็นที่สุดนั้นก็คือ ท่านกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ คนนี้ยังมีพฤติกรรมส่อไปในทางที่ไม่เคารพต่อศาสนาค่ะ ไม่เชื่อก็ไม่ได้เพราะดิฉันเองก็เป็นพุทธศาสนิกชน โดยดีมาตลอด ที่บอกว่าไม่เชื่อก็ไม่ได้ เพราะคนที่บอกกล่าวมานี้ คือเป็นพระสงฆ์ค่ะ มีพระเป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่พระราม 9 วัดคลองบางกุ้ง ท่านเป็นเลขาฯ สมเด็จพระสังฆราช ที่ครั้งหนึ่งเคยไปเยี่ยมท่านที่สถานฑูต เชื่อไหมค่ะว่า ท่านเนี้ยะไปเผยแพร่ ข้ามน้ำข้ามทะเลไปเผยแพร่ ศาสนาให้กับประเทศไทยเรา แต่คำแรกที่ออกมาจากปากท่านกษิต ภิรมย์ ในฐานะเอกอัคราชฑูตตอนนั้นเนี้ยะ คือ หลวงพ่อมาหากินไกล มาหากินไกลจังเลยนะ นี่หรือค่ะคำพูดทักทายที่ออกมาจากปากท่านฑูต ท่านไม่แค่จะไม่ต้อนรับและให้ความสำคัญกับศาสนาพุทธ กับเจ้าอาวาสที่เป็นถึงท่านเลขาฯ สมเด็จพระสังฆราช พระเถรชั้นผู้ใหญ่ ชื่อกษิต ภิรมย์ พระทั่วประเทศได้ยินก็ขยาดแล้วค่ะพฤติกรรมจากการประท้วงขึ้นเวทีพันธมิตร ท่านทราบไหมค่ะการที่ท่านไปสนิทกับนักบวชนอกรีต ยิ่งสร้างความประหวั่นพรั่นพรึงให้กับพระสงฆ์องค์เจ้า ในสังกัดมหาเถรสมาคมอย่างมากค่ะ ฟังแล้วจะจริงเท็จเช่นไร
ท่านอภิสิทธิ์ ท่านต้องไปดูเอาเองนะคะ ว่าท่านยังอยากจะเก็บหรือว่ารักษาท่านรัฐมนตรีคนนี้ไว้ในตำแหน่งต่อไปหรือไม่ ท่านจะมีความสามารถในด้านอื่นๆ แต่ท่านรัฐมนตรีไม่เหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ท่านไม่น่าเชื่อถือและไม่เหมาะที่จะเป็นหน้าเป็นตา ให้กับประเทศ พูดง่าย ๆ ก็คือท่านไม่มีคุณสมบัติดีพอ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นการกระทำผิดกฎหมาย รัฐบาลวางตัวอย่างนี้วางคนมีคดีพัวพันทางการเมืองมาเป็นตัวแทนประเทศ ทั้ง ๆ ที่มีคนเหมาะสมอีกตั้งเยอะแยะ ดิฉันไม่มีอะไรที่จะเรียกรัฐบาลนี้ได้ดีกว่ารัฐบาลที่ต้องมาจากรัฐบาลต่างตอบแทนหรอกค่ะ สิ่งที่ดิฉันพูดมาคนทั้งประเทศเขาก็ทราบกันหมดอยู่แล้ว ท่านอภิสิทธิ์ค่ะ ท่านควรจะไปพิจารณา ครม. ชุดนี้ของท่านโดยด่วนเลยค่ะ ท่านประธาน
ค่ะดิฉันพยายามแล้วนะคะ ไม่ใช่ ไม่พยายามที่จะมองหาข้อดีของท่านรัฐมนตรีท่านนี้ แต่มองยังไง ก็ยังมองไม่เห็น ท่านอภิสิทธิ์ค่ะ รัฐบาลของท่าน ท่านก็ทราบมาอยู่แล้วว่าท่านได้มาโดยไม่ชอบธรรม อีกทั้งยังมาตั้งท่านกษิต ภิรมย์ เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศขึ้นมาอีก
การมาของรัฐมนตรีว่ากระทรวงการต่างประเทศคนนี้เนียะไม่เหมาะสมที่จะมาบริหารบ้านเมืองอยู่แล้วค่ะ ถามว่าเป็นเรื่องส่วนตัวมั้ย ดิฉันต้องตอบว่าไม่ค่ะ เพราะดิฉันไม่รู้จักกับรัฐมนตรีว่าการต่างประเทศคนนี้มาก่อน ท่านประธานค่ะที่ดิฉันจำเป็นต้องถือพกเอกสารอยู่ข้างหน้าเพราะว่าหลักฐานหรือว่าประเด็นที่ดิฉันจะชี้แจงนี่มันมีมากเหลือเกิน มากจนที่ดิฉันอาจจะจำไม่ได้ทั้งหมดว่าท่านอดีตเคยไปทำอะไรไว้มาบ้าง
แน่นอนค่ะท่านประธาน มีทั้งเอกสารและหลักฐานรายบุคคลที่พร้อมจะมาชี้แจ้งในสภาแห่งนี้ค่ะ อยากจะถามท่านอภิสิทธิ์ นะค่ะว่า บุคคลที่ดีที่เก่งมากมายก็มีตั้งเยอะตั้งแยะ ทำไมท่านไม่ตั้งขึ้นมาค่ะ ขออนุญาตเอ่ยนาม อย่างท่านไกรศักดิ์ ชุณหวัณ ที่เคยเป็นประธานกรรมมาธิการต่างประเทศของวุฒิสภามาเป็นเวลาอันยาวนาน หรือว่าจะเป็น ท่านไตรรงค์ สุวรรณคีรี ที่ก็มีคุณสมบัติและหลายๆ คนในพรรคท่าน ทำไมท่านไม่ตั้งขึ้นมาค่ะ หรือว่าจะเป็นจริงอย่างที่มีคนบอกว่าท่านโดนใครบีบมา
ใช่พันธมิตรอย่างที่เขาว่ากันทั่วประเทศหรือเปล่าค่ะ ที่ว่าท่านจะต้องตอบแทนบุญคุณที่เขาช่วยปิดสนามบินจนทุกวันนี้เนียะ ท่านได้เข้ามาสู่ตำแหน่ง ได้เข้ามามีอำนาจเป็นรัฐบาล เอาศักดิ์ศรีไว้ข้างหลัง เห็นประโยชน์ต่างตอบแทนมาก่อนประโยชน์ประเทศชาติ วันนี้ความเชื่อมั่นต่างชาติมีต่อประเทศไทยก็เป็นลบอยู่แล้ว ท่านอยากได้ความเชื่อมั่นคืนมามั้ยค่ะ การที่จะให้ท่านอภิสิทธิ์ มาพูดออกทีวีทุกวันทุกวันว่าให้เชื่อมั่นๆ เนี่ยะมันช่วยไม่ได้หรอกค่ะ ท่านรู้ตัวเองดี ท่านพูดออกทุกวันทุกวันนี่ ทุกคนเขาก็รู้ว่าท่านก็ไม่มีความมั่นใจใดๆ ทั้งสิ้นอยู่แล้ว ท่านหลอกใครไม่ได้หรอกค่ะอย่าหลอกตัวเองเลย เพื่อแสดงให้ต่างชาติได้เห็นได้มีความเชื่อมั่น ต้องทำอย่างไรหรือค่ะ ท่านต้องปลดท่านกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนนี้ และดำเนินการกับพันธมิตรอย่างแท้จริง ฝรั่งเขาจะมาลงทุนทีไม่ใช่แค่บาทสองบาท เขามาลงทุนทีกันเป็นพันๆหมื่นๆล้าน เขาก็คงต้องคิดก่อนน่ะค่ะว่าลงทุนแล้วเขาจะได้ผลกำไร ได้ทุนคืนมั้ย เขาไม่เชื่อหรอกค่ะที่ท่านพูดว่าให้มั่นใจๆ เขาดูสภาพที่แท้จริงค่ะ ถ้าเกิดเขาถามมาว่าวันนี้คุณเป็นรัฐบาลแล้ว จะส่งใครมาปิดสนามบินอีกหรือไม่ ก็จะปิดได้อย่างไรงัยล่ะค่ะท่าน เพราะว่าคนที่ปิดสนามบินหรือที่เรียกว่าผู้ก่อการร้ายสากลนี่นั่งอยู่ข้างๆท่านแล้ว งั้นคราวหน้าเนี่ยะเวลานักข่าวถามท่าน ท่านก็หันไปข้างๆซิค่ะ และก็ถามท่านกษิต ว่าคุณกษิตครับ คุณยังไปปิดสนามบินของผมอยู่หรือเปล่าเพราะว่าเขาอยู่ข้างๆท่านตลอดเวลาอยู่แล้ว แล้วถ้าการเลือกตั้งครั้งหน้าเกิดพรรคเพื่อไทยของดิฉันได้เข้ามาเป็นรัฐบาลเนียะ ท่านจะตอบว่าไงค่ะเมื่อเปลี่ยนรัฐบาลแล้วท่านยังจะส่งพันธมิตรมาปิดสนามบินหรือเปล่าค่ะ
ท่านค่ะท่านหยุดซื้อเวลา หยุดเล่นเกมส์ซื้อเวลาไปวันๆเถอะค่ะ หาไม่แล้วคนจะครหาได้นะค่ะว่าคุณอภิสิทธิ์ ท่านไม่ใส่ใจหลักยุติธรรมโดยแท้จริง ท่านประธานค่ะดิฉันอยากจะถามจริงๆค่ะว่าฝากถามท่านประธานไปยังท่านรัฐมนตรีนะค่ะว่าในวันนี้ตอนนี้ ท่านเป็นรัฐมนตรีตัวแทนในส่วนใดค่ะ อย่าตอบนะค่ะว่าเป็นตัวแทนในส่วนของภาคประชาชน เพราะดิฉันเชื่อค่ะพี่น้องไม่แม้แต่จะคิดให้ท่านมาดำรงตำแหน่งนี้ ก็อย่างที่ถามนะค่ะ เป็นตัวแทนของฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์หรือว่าเป็นตัวแทนของฝ่ายพรรคของพันธมิตรค่ะ ท่านต้องตอบน่ะค่ะเพราะท่านไม่ตอบตอนนี้คนทั้งประเทศก็เชื่อกันแล้วว่าพันธมิตรกับประชาธิปัตย์ก็พวกเดียวกันนั่นแหละค่ะ ต้องเรียนผ่านท่านประธานไปยังท่านกษิต ภิรมย์ อีกครั้งหนึ่งนะค่ะว่า ท่านยังจำได้มั้ยค่ะว่าการปลุกระดมสร้างชาติของกลุ่มพันธมิตรที่มีท่านเป็นแนวร่วมแถวหน้า ไม่ใช่เป็นแกนนำพันธมิตรนะค่ะ เป็นแนวร่วมแถวหน้า บอกว่าจะเอาพระวิหารคืนปลุกระดมให้พี่น้องประชาชนเกิดอารมณ์รุนแรงใช้คำพูดหรือว่าคำที่เรียกขานต่อนายกรัฐมนตรีประเทศเพื่อนบ้าน เด็กเมื่อวานซืนนักเลงข้างรั้วหรือคนบ้าๆบอๆ และกุ๊ยนี่ซึ่งท่านก็พรั้งปากออกมาหรือพูดออกมาในเวทีหรือว่าทีวีหลายๆช่องด้วยกัน ด้วยความเคารพค่ะ ท่านก็อายุไม่ใช่น้อยๆแล้ว ผ่านงานก็มาเยอะ เป็นฑูตมาแล้วก็หลายแห่งก่อนที่จะพูดอะไรทำไมไม่คิดหน้าคิดหลังไม่คิดถึงผลกระทบที่จะได้ภายหลังค่ะ ไม่ใช่ว่าท่านจะมาอ้างว่าพูดตอนที่ยังไม่เป็นรัฐมนตรีนี่ไม่ได้ค่ะมันฟังไม่ขึ้นจริงๆ
ท่านปลุกระดมโดยไม่คิดถึงความเสียหายต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับไทยและเพื่อนบ้านอย่าปฏิเสธนะค่ะเพราะว่าเชื่อได้ว่าท่านผู้อภิปรายก็ได้ขึ้นมาบอกรายละเอียดไปกันแล้วหลายท่าน ว่าหลังจากที่ท่านรับตำแหน่งรัฐมนตรีแล้วนี่ท่านไปพบนายกรัฐมนตรีเพื่อนบ้านแล้วปิดลักษณะท่าทีของท่านเปลี่ยนไปอย่างไรทั้งกลับกลอกปลิ้นปล้อนและไม่มีจุดยืนเช่นไร พอมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศครั้งนี้ปรากฎว่าค่ะทำเสียดินแดนโดยเขารีบตัดถนนขึ้นเขาพระวิหารไปเรียบร้อยแล้วโรงเรียนเขมรหมดแล้วค่ะ
ท่านประธานค่ะนอกจากนั้นแล้วยังมีพฤติกรรมโค่นอำนาจทำลายประชาธิปไตย โดยการเข้าร่วมกับกลุ่มพันธมิตรยึดสนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินดอนเมือง แล้วยังมีหน้ามาพูดอีกว่าอาหารดีดนตรีไพเราะ ท่านคิดได้ยังไงค่ะ กว่าจะมาเป็นสนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินนานาชาติใช้เวลาสร้างกันมากี่ปีกว่าจะสร้างเสร็จกี่รัฐบาลไม่ใช่รัฐบาลท่านทักษิณ หรือค่ะที่สร้างกันเสร็จหรือว่าท่านจะบอกว่าท่านไม่ใช่เป็นคนปิดหรือว่าท่านจะบอกว่าการท่าหรือว่าผู้อำนวยการของสนามบินเป็นคนปิด ช่วยคิดก่อนพูดด้วยนะค่ะครั้งนี้ชาวบ้านไม่ได้โง่ค่ะ แค่นี้ค่ะท่านประธานก็ไม่สมควรแก่ตำแหน่งนี้แล้วไม่สมควรที่จะมาบริหารประเทศ ศักดิ์ศรีหน้าตาของประเทศไทยเราจะกอบกู้ชื่อเสียงเราจะกอบกู้ให้กับมามีชื่อเสียงได้ก็ต่อเมื่อไม่มีรัฐมนตรีกษิต ภิรมย์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะตั้งงบมาฟื้นฟูประเทศตั้งงบกลางมา 325 ล้านบาท แถมในสัปดาห์ที่แล้วทาง ครม. จะแถมให้อีก 400 ล้านบาท เป็น 725 ล้านบาทด้วยกัน ได้อย่างไรค่ะรัฐมนตรีคนนี้หรือค่ะที่จะกอบกู้ประเทศ รัฐมนตรีคนนี้หรือค่ะที่จะนำชื่อเสียงหรือส่งเสริมภาพลักษณ์ให้กับประเทศไทย ที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจกระชากความเชื่อมั่นของประเทศไทยให้กลับคืนมา อย่าว่าแต่ 725 ล้านเลยค่ะเป็นพันล้านสองพันล้านก็ไม่มีทางกอบกู้กลับมาได้
วันนี้รัฐบาลต้องมาตั้งงบชดใช้ตั้งงบแก้ภาพลักษณ์ รัฐบาลจะเอาเงินมาจากไหนค่ะก็กู้มาทั้งนั้น กู้มาแล้วคนไทยทั้งชาติก็เป็นหนี้ ตัวดิฉันเองก็เป็นหนี้ค่ะ ไม่รู้ว่าพี่น้องประเทศไทยหรือดิฉันเองไปก่อกรรมกับท่านกษิต ไว้ตั้งแต่ชาติใด ถึงต้องมานั่งชดใช้หนี้ของท่านที่ท่านได้ไปก่อไว้ตอนนี้ไม่ต้องไปกู้เงินมาหรอกค่ะท่านประธาน อยากจะแก้ภาพลักษณ์ของประเทศไทยก็แค่ปลดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศคนนี้ออกไป แหมถึงกับต้องไปจ้างสื่อฝรั่งลงเลยนะค่ะไม่ว่าจะเป็นฟรอส อีโคโนเมส หรือว่าทาร์ม แล้วให้คนไทยนึกว่าเขาสนใจที่จะสัมภาษณ์ ขอโทษค่ะท่านก็ไปจ้างเขาทั้งนั้นนะ ต้องบอกให้ประชาชนทั่วประเทศทราบเลยนะค่ะว่าหนังสือที่มาสัมภาษณ์นี่ท่านก็ไปจ้างเขามาทั้งนั้นเพื่อแก้ภาพลักษณ์ของคนไทยทั้งชาติ เงินพวกนี้ก็มาจากภาษีของพี่น้องประชาชนชาวไทยนะค่ะ
ท่านประธานที่เคารพค่ะ การปิดสนามบินนั้นได้สร้างความเสียหายให้กับประเทศไทยอย่างมากเลยค่ะ การกระทำดังกล่าวนี่เป็นการเข้าข่ายผู้ก่อการร้ายสากล ก็ยังทำให้การอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการส่งออกได้ผลกระทบนี่ยังไม่นับว่าภาพลักษณ์หรือการสูญเสียจากความเชื่อมั่นในสายตาของชาวโลกเลยนะค่ะ นับเป็นเงิน 2.9 แสนล้านบาทค่ะท่านประธาน ท้ายที่สุดนี้ค่ะสรุปแล้วค่ะท่านประธาน ดิฉันคงต้องหยิบคำพูดของท่าน ส.ส.ประเดิมชัย สะสมทรัพย์ จากจังหวัดนครปฐมเมื่อครั้งตอนอภิปรายงบประมาณกลางปีเพิ่มเติมที่ผ่านมาน่ะค่ะ ท่านบอกเอาไว้ว่าการที่อดีตรัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์ ท่านได้เอาปลากระป๋องเน่ามาแจกชาวบ้านตอนไปแจกคนคนก็คงไม่รู้หรอกค่ะคนแจกก็คงไม่รู้ค่ะว่าปลากระป๋องนี่มันเน่าไปแล้ว ก็ยังพอรับกันได้เพราะไม่มีเจตนา แต่นี่ท่านอภิสิทธิ์ ท่านไปเอาปลาที่รู้แล้วว่าเน่านี่มาบรรจุใส่กระป๋อง แล้วยังเอามาขึ้นหิ้งเป็นผู้บริหารไทยเราอีก ทำให้คนไทยทั้งชาติต้องช้ำใจ
ท่านอภิสิทธิ์ค่ะ ท่านใจดำมากๆเลยค่ะ สุดท้ายนี้ค่ะต้องเรียนบอกท่านประธานว่าวันนี้ที่ดิฉันต้องมาอยู่พรรคเพื่อไทยก็เพราะอดีตพรรคของฉันถูกยุบไป ถูกศาลทางรัฐธรรมนูญกลั่นแกล้ง แต่มาถึงวันนี้ดิฉันและพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดเชียงรายต้องขอฝากขอบคุณไปยังศาลรัฐธรรมนูญนะคะที่ยุบพรรคพลังประชาชนไป ขอขอบคุณอดีตเพื่อนร่วมพรรคที่ย้ายไปอยู่ร่วมกับฝ่ายรัฐบาลหรือว่าย้ายไปร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ ทำไมนะเหรอค่ะเพราะท่านได้พิสูจน์ให้ดิฉันกับพี่น้องประชาชนได้เห็นค่ะว่าทางรัฐบาลที่นำโดยท่านอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ ไม่มีศักยภาพพอที่จะแก้ไขปัญหาประเทศชาติได้ ท่านได้พิสูจน์ให้เห็นค่ะว่าทางรัฐบาลที่นำโดยท่านอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่มีทางที่จะสู้รัฐบาลของอดีตนายกฯพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้เลย---------------จบ----------------