ผ่านไปแล้วอย่างกระท่อนกระแท่นพอประมาณ สำหรับการ อภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะกับ 5 รัฐมนตรี แม้ว่าพรรคเพื่อไทยจะไม่สามารถฮุกซ้ายปลายคางรัฐมนตรีให้ ร่วงตกเก้าอี้ได้
แต่ก็ต้องถือว่าทำได้ดีไม่น้อยสำหรับทีมสำรอง ที่มีกัปตันทีมชื่อ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ขนาด ตัวจริงโดนเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไปแล้วถึงสองครั้งสองครา ทำได้ขนาดนี้ก็ต้องยกย่องชมเชยกันบ้าง
แม้การอภิปรายไม่ไว้วางใจคราวนี้ จะมีเรื่องแย่ๆที่มีการแจกของลับ กันกลางสภาฯ แต่ก็ยังมีสิ่งดีๆนั่นคือได้แจ้งเกิดให้กับ “น้องยิ้ม” น.ส. วิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย
ที่ลุกขึ้นอภิปราย นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ อย่างได้เนื้อได้หนัง ทำเอาพรรคประชาธิปัตย์เสียขบวนไปไม่น้อย กว่าจะตั้งตัวติด “น้องยิ้ม” ก็ซัด รมว.กษิต เกือบเสียรูปมวย
หาก “น้องยิ้ม” รักษาเนื้อรักษาตัวให้ดี เรียนรู้งานการเมืองให้เชี่ยวกว่านี้อีกนิด เชื่อว่าเก้าอี้รัฐมนตรีคงไม่หนีหายไปไหน
หันมาดู รมว.กษิต เป้าอภิปรายของ “น้องยิ้ม” การที่มีคะแนนโหวตไว้วางใจน้อยกว่าคนอื่นถึง 9 คะแนน ทำให้ รมว.กษิต อยู่ในฐานะที่ลำบากใจไม่น้อย บวกกับการมีกากบาทสีเหลืองบนหน้าผาก ทำให้เจ้ากระทรวงบัวแก้วตกเป็นเป้าโจมตีทั้งในและนอกสภาฯ เดินไปไหนก็ไม่สบายใจ ไม่รู้จะโดนปาไข่เน่าเมื่อไหร่
หาก รมว.กษิต คิดจะปลดขื่อคาที่ค้ำคออยู่ ก็มีหนทางเดียวคือเดินหน้าทำงานให้หนัก ให้ผลงานเป็นเครื่องพิสูจน์ว่ามีคุณค่าพอสำหรับตำแหน่งนี้ ให้ผลงานเป็นเครื่องปิดปากฝ่ายตรงข้ามไม่ให้พูดจาว่ากล่าวได้
ต้องพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นว่า ท่านไม่ได้เก่งแค่บนเวทีพันธ-มิตรฯเท่านั้น แต่ยังเก่งพอที่จะพาไทยไปยืนสง่าบนเวทีโลกด้วย
หันมาดูรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ของ นายกฯอภิสิทธิ์ ก็ขอบอกว่าอย่าเพิ่งดีอกดีใจที่ผ่านญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจมาได้ เพราะคะแนนเสียง ส.ส.ในสภาฯไม่ใช่ตัวชี้วัดที่แท้จริง
ความไว้วางใจของประชาชนต่างหาก คือเครื่องชี้ขาดอนาคตรัฐบาล!!!
หากกระหยิ่มยิ้มย่องในชัยชนะ จนลืมปัญหาเดือดร้อนของประชาชน ลืมภาระหน้าที่ที่ต้องแก้ไขวิกฤติเศรษฐกิจ ปัญหาการแตกสามัคคีในชาติ ไม่ช้าอนาคตของรัฐบาลก็คงมืดมิด
เพราะมองไปข้างหน้าปัญหาที่รออยู่ล้วนใหญ่หลวงนัก ทั้งปัญหาเศรษฐกิจโลกที่ยังดำดิ่งหาก้นเหวไม่เจอ ปัญหาการท่องเที่ยวที่ทรุดตัวหนัก นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวบ้านเรา ก็เหลือ น้อยคนจนแทบจะนับหัวได้ ปัญหาการส่งออกก็ยังติดลบทุกเดือน ทำให้โรงงานต่างทยอยปิดตัว คนตกงานก็เพิ่มมากขึ้นทุกวัน
ไหนยังจะมีปัญหาเรื่องม็อบคนเสื้อแดง ที่ถูกปลุกระดมขึ้นมาต่อต้านรัฐบาล เมื่อบวกกับแรงหนุนจากนักการเมือง ก็ยิ่งทำให้ปัญหานี้รุกลามบานปลาย กลายเป็นเชื้อโรคร้ายที่ระบาดไปทั่วทุกหัวระแหง
รวมทั้งที่ประกาศจะยกพลมาชุมนุมใหญ่ปิดล้อมทำเนียบฯ ทวงคำตอบที่เรียกร้องให้ยุบสภาฯในวันที่ 26 มี.ค.นี้
นอกจากนั้น ยังมีเรื่องที่ ร.ต.อ.เฉลิม ขู่จะยื่นยุบพรรคต่อ กกต. หากพรรคประชาธิปัตย์ไม่สามารถแก้ข้อกล่าวหานี้ได้ ก็หนีไม่พ้นต้องตั้งพรรคสำรองเตรียมไว้ ในกรณีที่หนีไม่พ้นอาจจะต้องโดนสั่งยุบพรรค และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรค ชุดที่มี นายบัญญัติ บรรทัดฐาน เป็นหัวหน้าพรรค
มองไปทางไหนก็มีแต่เรื่องหนักหนาสาหัส รอรัฐบาลพรรค ประชาธิปัตย์อยู่ทั้งสิ้น พิสูจน์ฝีมือนายกฯอภิสิทธิ์ในฐานะคน ถือหางเสือ ว่าจะไม่เก่งพอรับนาวาลำนี้ไปตลอดรอดฝั่งหรือไม่.
“ลมสลาตัน”