WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Monday, July 13, 2009

หาเรื่องเพื่อนบ้าน : นโยบายอำมาตย์ไทย

ที่มา Thai E-News

โดย คุณ จักรภพ เพ็ญแข
ที่มา เวบไซต์ konthaiuk
13 กรกฎาคม 2552

เกิดเป็นไทย เราก็รักเมืองไทยกันทุกคน แต่ความรักชาติ มักกลายเป็นบททดสอบครั้งแล้วครั้งเล่าว่า ใครรักชาติยิ่งกว่าใคร และนำมาเบ่งทับกัน เพื่อหาคะแนนทางการเมือง อย่างนี้ไม่งามและแสดงท่าทีเสมือนเด็กทารก

อันตรายยิ่งกว่านั้น คือความกระเ*****้ยนกระหือรือ ที่จะแสดงความรักชาติ โดยหาเรื่องกับประเทศอื่น โดยเฉพาะเพื่อนบ้านรอบตัว ซึ่งก็มีเพียงสี่คือ เมียนมาร์ ลาว กัมพูชา และมาเลเซีย ซึ่งล้วนเป็นสมาชิกของอาเซียน และประเทศไทยก็เป็นประธานอาเซียนอยู่

กรณีตึงเครียดกับกัมพูชา เป็นตัวอย่างหนึ่งของอาการป่วยบางอย่างในเมืองไทย ไม่ได้ซ่านไปไกลขนาดไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่หรอกครับ แต่เป็นเชื้อโรคที่ติดเชื้อเฉพาะในหมู่ชนชั้นสูงของไทย ติดเชื้อเมื่อไหร่ จะเปิดฉากมีเรื่องกับเพื่อนบ้านทันที โดยเฉพาะเมื่อเข้าตาจนกับการเมืองในประเทศ

ใครมองเหตุการณ์ที่ปลายเหตุ ก็สะดุ้งตกใจทุกคน เพราะฝ่ายกัมพูชา ระดมกำลังทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์เป็นจำนวนมากมาพร้อมอยู่ที่ชายแดน มีทั้งจรวดยิงเครื่องบินและรถถัง อาวุธประจำกาย ก็เปลี่ยนมาใช้แบบทันสมัย และมีลักษณะผสมผสานเทคโนโลยี

เห็นแล้วก็ต้องถามว่าความขัดแย้งขนาดไหนหรือ เพื่อนบ้านอาเซียน ๒ ประเทศ ที่นำโดยผู้นำที่มีอาวุโสสูงสุดในกลุ่มประเทศหนึ่ง และผู้นำที่มีฐานะเป็นประธานอาเซียนอีกประเทศหนึ่ง จึงต้องเกิดภาวะใกล้สงครามระหว่างกันอย่างนี้

ไล่ดูแล้ว ก็น่าละอายสิ้นดี เพราะมิใช่เป็นเหตุที่ควรนับเป็นเหตุเลย ขนาดองค์การสหประชาชาติ ยังทำเฉยกับความขัดแย้งในชายแดนไทย-กัมพูชา จนบัดนี้ ในทำนองว่า เป็นเรื่องทะเลาะเบาะแว้งที่ไร้วุฒิภาวะและไร้สาระ เกินกว่าที่องค์การโลกจะเข้ามาเกี่ยวข้อง

อย่าว่าแต่องค์การแม่เลยครับ องค์กรลูกที่เกี่ยวข้องโดยตรงคือ UNESCO ก็ยังสงวนท่าทีไว้เป็นอันมาก การขยับเวลาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ที่ไทยส่งคนไปวิ่งเต้นถึงสเปนนั้น ก็เป็นขั้นตอนธุรการธรรมดา เพื่อให้ปัญหาที่ไม่ใช่เรื่องจบลงเอง ไม่ต้องการจะข้องแวะด้วย

เรื่องนี้ ใครถือเป็นชัยชนะในเกมการทูต ก็คงถูกโลกเขาหัวเราะเยาะ

ถามง่ายๆ เลยก็ได้ว่า ถ้าราชอาณาจักรกัมพูชาเป็นฝ่ายโกงไทย ในกรรมสิทธิ์เรื่องปราสาท เหตุใดเล่า คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้เป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง จึงต้องกระเสือกกระสนไปเจรจาความกับเขาถึง ๒ ครั้ง ในเวลาเพียงไม่กี่วัน หลังจากการเยือนของคุณอภิสิทธิ์เพียงชั่วช้างกระดิกหู ถึงจะอ้างว่า ครั้งที่สองไปในภารกิจเปิดถนนสายใหม่ และตีกอล์ฟที่เมืองเสียมราฐ เพื่อให้ดูดีก็เถิด

ทำไมรัฐบาลไม่ประกาศราชศักดิ์ให้มันดังก้องไปทั่วโลกว่า เขารุกรานเรา และเราก็จะตอบโต้อย่างอารยประเทศให้เขาอายไปข้างหนึ่งทีเดียว?

เหตุที่วิ่งล้อมหน้าล้อมหลังเขาอย่างไร้ศักดิ์ศรี เพราะรู้อยู่แก่ใจว่า นี่คือเรื่องไม่มีมูล และกุกันขึ้นมา เพื่อเล่นการเมืองในประเทศไทยเท่านั้นใช่ไหมเล่า

ถ้าจะว่าไปแล้ว ก็เป็นเวรกรรมอย่างหนึ่งของพรรคประชาธิปัตย์ ที่มักมีคนโยงไปเกี่ยวข้องกับการโกหกพกลม เมื่อได้ของโจรมาเป็นสมบัติ คือได้เป็นรัฐบาลเที่ยวนี้ จึงต้องก้มหน้าก้มตาแก้ไขปัญหาชนิดหายใจไม่ทั่วท้อง

จะไปเอาโทษพันธมิตรฯ ที่เป็นต้นเหตุอันแท้จริงก็ไม่ได้ เพราะเขารับคำสั่งมาจากคนที่เหนือกว่าขึ้นไป

จะไปลากคนที่อยู่เหนือพันธมิตรฯ มารับผิดชอบ ก็ทำไม่ได้ มิหนำซ้ำเมื่อทุกอย่างลุกลามใหญ่โตไปแล้ว เขาเหล่านั้นก็นั่งกันเฉย ถือว่ารัฐบาลมีหน้าที่แก้ แก้ไม่ได้จนถึงขั้นตกเก้าอี้ เขาก็จะหาพรรคใหม่และคนใหม่มาเป็นนายหน้าต่อไป จนกว่ารายนั้นจะตายคาที่ไปเหมือนกัน

ปัญหาความขัดแย้งกับกัมพูชาเที่ยวนี้ เป็นมรดกเลือดทางประวัติศาสตร์ในยุคก่อนเมืองไทยจะมีประชาธิปไตยนานนักหนา ผมไม่อยากย้อนหลังมากมายนัก แต่เผด็จการจอมพลสฤษฏิ์ ที่เชื่อมโยงกับระบอบอำมาตยาธิปไตยอย่างลึกซึ้ง เหมือนผีกับโลงไม่ใช่หรือ ที่ทำให้เราสูญเสียปราสาทพระวิหารไปตั้งแต่ต้น

ฝ่ายเขาที่นำโดยเจ้านโรดมสีหนุ เล่นการเมืองระหว่างประเทศเก่งกว่า ในขณะที่ฝ่ายเรา งมโข่งอยู่ในบ้าน แถมนั่งสรรเสริญกันเองว่า เก่งกล้าสามารถ เพราะเหตุเช่นนี้มิใช่หรือ ที่ทำให้เราเสียเอกราชมาแล้วหลายครั้ง

ปราสาทพระวิหารสูญเสียไป เพราะระบอบอำมาตยาธิปไตยไทยมานานกว่าห้าสิบปีแล้ว ไม่ควรบิดเบือนประวัติศาสตร์ และแก้เกี้ยวในความผิดฉกรรจ์ของตัวเอง ด้วยการโทษฝ่ายประชาธิปไตยอย่างผิดๆ

จากความเจ็บลึกในครั้งนั้น ก็พยาบาทเขาตลอดมาใช่ไหมเล่า เมื่อเกิดความขัดแย้งทางการเมืองอย่างแรงในบ้านเขา สหรัฐฯ โดย CIA ใช้นายพลลอนนอลโค่นล้มบัลลังก์ของสีหนุ ยุติงานเลี้ยงรื่นเริงชนิดร้องเพลงโชว์อยู่พระองค์เดียวในยุคนั้น ๖๐ เพลงรวด

ลอนนอลต่อมา ถูกโค่นโดยเขมรแดงภายใต้พอลพต ผู้ทำให้กัมพูชากลายเป็น “ทุ่งสังหาร” อยู่สี่ปีเต็มๆ ประชาชนล้มตายไปอย่างทารุณถึง ๑ ใน ๓ ของประเทศ ก่อนจะเข้าสู่ยุคของเขมรสามฝ่าย ที่มีความชอบธรรมทางกฎหมายและระบอบ เฮง สัมริน-ฮุนเซ็น ที่เวียดนามสนับสนุน แย่งกันเป็นรัฐบาล จนมาลงตัวในระบอบประชาธิปไตยภายใต้สมเด็จฮุนเซ็นในขณะนี้

จำไม่ได้หรือว่า ฝ่ายไทยทำอะไรเขาไว้บ้าง ตามความแค้นเก่าแก่ตั้งแต่คราวสูญเสียปราสาทพระวิหาร?

เพราะตัวเองมองเวียดนามและฮุนเซ็นเป็นศัตรูหลัก วิ่งซุกปีกจีน เพื่อให้เขาไม่คิดโค่นตน ในที่สุดก็ต้องเข้าข้างเขมรแดง ที่คนเขมรเขาเกลียดและกลัว เพราะเขมรแดงแนบแน่นอยู่กับจีน คอยเป็นเสี้ยนหนามของรัฐบาลกรุงพนมเปญ โดยใช้กองทัพบกไทยเป็นผู้ปฏิบัติการที่สำคัญใช่ไหม

การหาเรื่องกัมพูชาในวันนี้ มาจากความอาฆาตคุมแค้นเรื่องปราสาทพระวิหาร การแอบสนับสนุนเขมรแดงให้ทำลายเสถียรภาพของบ้านเมืองเขาจนแทบกระอักเลือด มาจนถึงการเขมือบดินแดนที่เป็นตะเข็บรอยต่ออย่างเงียบๆ ยาวตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ

จนเมื่อรัฐบาลเขาดีกับคนของเขา คือเขมรแดงแล้ว เรื่องนี้ก็กลายเป็นเรื่องอ้อยเข้าปากช้าง เพราะทหารใหญ่ๆ ฝ่ายไทย ตั้งแต่ยุคนั้นเป็นต้นมา ต่างก็มีผลประโยชน์กับการค้าชายแดนไปจนถึงอัญมณี (ในอดีต) และป่าไม้จนคายไม่ไหวใช่ไหม

ประวัติศาสตร์ที่แท้จริง มักหาวีรบุรุษหรือวีรสตรีไม่พบ

ความขัดแย้งกับเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชา จึงไม่ใช่เรื่องของผลประโยชน์แห่งชาติ และประชาชนแต่อย่างใด แต่เป็นความรู้สึกนึกคิด และผลประโยชน์ของฝ่ายอำมาตย์เมืองไทยล้วนๆ

ไม่ต้องถามทางเมียนมาร์ ลาว และมาเลเซียหรอกครับ เขาอยู่ในวงจรอุบาทว์เดียวกันนี้แหละ เพียงแต่หวยออกที่กัมพูชาก่อนเที่ยวนี้ เพราะ “เขา” เชื่อว่า รัฐบาลกัมพูชาในปัจจุบัน ให้การสนับสนุนฝ่ายประชาธิปไตยของไทย ก็เลยงัดบัญชีเก่าขึ้นมาชำระก่อนเท่านั้นเอง

นี่คือฝันร้ายของผู้ปฏิบัติการอย่างสุเทพ ประวิตร อนุพงศ์ ฯลฯ ต่างวิ่งวุ่นคอย “เช็ดอุจจาระ” ที่เขาถ่ายทิ้งไว้ให้ เพื่อแลกกับการเป็นรัฐบาลให้ได้ยาวนานที่สุด ขนาดวิ่งไปวิงวอนครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อไม่ให้เขาเอาจริงก็ยังยอมทำ

การหาเรื่องเพื่อนบ้าน เพื่อแสดงบารมีและความเหนือกว่า และการตักตวงผลประโยชน์จนลืมว่า เขาก็เป็นคนเหมือนกัน จึงเป็นอาการอันประจำ และโดยประวัติศาสตร์ของอำมาตยาธิปไตยไทย

แสลงอย่างยิ่งกับสิ่งที่เรียกว่าจิตวิญญาณอาเซียน (ASEAN Spirit).