ที่มา Thai E-News
โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
ที่มา www.konthaiuk.com
13 กรกฎาคม 2552
หมายเหตุไทยอีนิวส์:จักรภพ เพ็ญแข แกนนำนปช.ซึ่งอยู่ระหว่างลี้ภัยการเมืองในต่างประเทศ ได้โฟนอินเข้ามาให้สัมภาษณ์กับเวบ www.konthaiuk.com เมื่อวันที่10กรกฎาคมที่ผ่านมา มีความน่าสนใจดังต่อไปนี้
กราบสวัสดีครับ ผมสบายดีทั้งด้านความปลอดภัยและสุขภาพ ปรับตัวได้ดีนับแต่ออกจากประเทศมาช่วงสงกรานต์เลือด และพร้อมจะอยู่ยาวนานเพื่อต่อสู้
ตอนนี้ผมเองก็เหมือนพี่น้องเสื้อแดงในอังกฤษ ยุโรป อเมริกาในต่างประเทศที่คิดถึงบ้าน อยากกลับบ้าน แต่ก็ไม่ใช่อยากหาทางกลับให้เร็วทุกวิถีทาง แต่หากรีบกลับไปโดยการต่อสู้ไม่ประสบความสำเร็จก็ไม่เป็นประโยชน์อะไร ภารกิจการต่อสู้และรอนแรมในต่างประเทศเป็นภารกิจตอนปลาย ตอนมาอยู่ต่างประเทศก็เลยได้ร้องเพลงคิดถึงบ้านหรือเดือนเพ็ญสมใจ(ร้องเพลงเดือนเพ็ญ)
ผู้ดำเนินรายการบอกว่า ผู้ฟังๆแล้วน้ำตาซึม
จักรภพบอกว่า เพลงนี้ทำให้หวนไปคิดถึงอัศนี พลจันทร ที่ต่อสู้กับอำมาตย์สมัยก่อน ต้องออกจากสยามข้ามโขงไปลาวห่างบ้านห่างเมืองมองพระจันทร์แล้วคิดถึงบ้าน และมีอีกเพลงที่อมตะคือเพลง"เสียงเพรียกจากมาตุภูมิ"ของจิตร ภูมิศักดิ์แต่งไว้ ตอนที่เนรเทศออกจากเมืองหลวงไปต่อสู้กับฝ่ายอำมาตย์ในป่า แล้วโดนลวงออกมายิงถึงแก่ความตาย(ฟังเพลงเสียงเพรียกจากมาตุภูมิ คลิ้กที่นี่)
เรื่องนี้อมาตย์เคยทำมาด้วยการพยายามเด็ดหัวคนอย่างจิตร หรืออัศนี แต่ก็ยิ่งทำให้ไฟปฏิวัติลามออกไปแก่ประชาชนผู้เรียกร้องความเป็นธรรมและประชาธิปไตย
ถาม-ได้ข่าวเสื้อแดงเมืองไทยไหม
ได้ทราบตลอด ไม่ใช่เฉพาะทางเปิด ข่าวกรองที่พรรคพวกหามาก็ได้รับทราบโดยตลอด
ที่ผมอยู่ต่างประเทศก็มีงาน3อย่างใหญ่ๆ
1.เขียนหนังสือ ให้สื่อหนังสือพิมพ์ที่ส่งเสริมประชาธิปไตย
อีกอันเขียนงานขนาดยาว2-3เรื่องที่ผมกลั่นจากการต่อสู้มา4ปีเข้าปีที่5 และมองไปว่าหากเราได้ประชาธิปไตยแท้จริงมา เราจะมีมโนภาพสำหรับอนาคตประเทศอย่างไร เพื่อให้ใช้อำนาจที่ได้มาอย่างคุ้มค่าที่พี่น้องต่อสู้กันมาด้วยความลำบากลำบน เพื่อให้พี่น้องได้ทราบว่าผมคิดอะไร พี่น้องจะได้นำหนังสือเล่มนี้เป็นตัวควบคุมผม หากผมกลายเป็นเผด็จการทรราชตัวใหม่ขึ้นมาก็เอาหนังสือเล่มนี้ขว้างใส่หัวผมได้เลย
หนังสือที่ทำก็มีเผยแพร่แล้วคือประชาธิปไตยในกรงขัง ตอนไปต่อสู้ที่หน้าบ้านสี่เสาเมื่อ22ก.ค.50และโดนจับกุม อีกอันก็เป็นการเขียนกลอนตอนมาอยู่ต่างประเทศจะได้รวมเล่มด้วย
2.กลุ่มแผนงานระยะกลางถึงระยะยาว ซึ่งการต่อสู้นี้ได้เลือกตั้งไปเป็นรัฐบาลเฉยๆมันไม่พอ เราถูกหลอกเลือกตั้งมาหลายครั้ง เราชนะเลือกตั้งมา2ครั้งซ้อนๆ แม้แต่ตอนเผด็จการคมช.คุมอำนาจเราชนะเลือกตั้ง แต่ไม่สามารถปกครองได้ เพราะมีอำนาจนอกเหนือการเลือกตั้งคอยกำกับ หากต่อสู้เพียงเพื่อชนะการเลือกตั้งมันเป็นการเข้าไปสู่กับดักเขาเท่านั้น เราก็มีทีมคิดทำเรื่องนี้กัน
3.กลุ่มที่3คือการเดินทางต่างประเทศเพื่อคุยกับผู้มีอำนาจทางการเมืองและเอ็นจีโอ ให้เขาเข้าใจว่าสถานการณ์ของประเทศที่แท้จริงเป็นอย่างไร ศัตรูของประเทศเป็นใคร ผู้นำประเทศหนึ่งก็โทรถามผมว่ากลุ่มอำนาจเก่ากำลังเสนอปิดประเทศโดยอ้างเรื่องไข้หวัด2009นี้เป็นแผนการปิดประเทศเพราะสู้โลกาภิวัตน์ไม่ไหวใช่ไหม
ขบวนเสื้อแดงในส่วนประชาชนมีพลังมาก แต่แกนนำแบ่งความคิดเป็น2ทาง กลุ่มแรกคิดการต่อสู้ในอนาคต อีกกลุ่มคิดชนะเลือกตั้ง พูดง่ายๆแบบแรกจะต่อสู้เอาชนะ อีกกลุ่มจะขอเอา การต่อสู้ก็เหมือนเดินทางขึ้นบนเขา ก็มีล้ามีเหนื่อยบ้าง คนเหนื่อยก็พักบ้าง คนไม่เหนื่อยก็เดินต่อ
สิ่งที่เราทำอยู่คือการปฏิวัติ ไม่ใช่การชุมนุม ไม่ใช่งานเลี้ยงงานรื่นเริงแล้วกลับบ้านไปปวดใจว่าทำไมยังเหมือนเดิม ตอนนี้ก็ต้องพิจารณากันว่าหากใครไม่ไหวก็ต้องปลดเชือกออกนั่งพัก คนที่เขาจะปีนขึ้นต่อไปก็จะได้ไม่แบกภาระไว้ ก็อยู่ที่ว่ามาคิดว่าทำอย่างไรจะได้อำนาจเต็มที่ในการแก้ไขปัญหาประเทศ ไม่งั้นก็เป็นรัฐบาลหุ่นเชิดแบบอภิสิทธิ์ อยู่หน้าต้องรับผิดชอบแต่ไม่มีอำนาจ แต่คนที่อยู่ข้างหลังมีอำนาจแต่ก็ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร
การต่อสู้แบบนี้ก็คือการปีนเขาไปข้างหน้า เป็นงานปฏิวัติต่อสู้ ต้องพิจารณาว่าหากใครไม่ไหวก็ต้องพัก ใครไหวก็ไปต่อ เราไม่ต้องการแกนนำมากๆ อีกไม่เกิน1เดือนนี้คงเห็นความชัดเจนขึ้นว่าใครจะปีนเขาต่อสู้กันต่อ และใครจะต้องพัก มีคนจำนวนมากที่จะมากับเราเดินไปข้างหน้า
ฝ่ายอำมาตย์ตอนนี้อยู่ไม่สุขหรอกครับ เตรียมตัวสละเรือกันแล้วหากพ่ายแพ้ ส่วนฝ่ายเราประชาชนคนเสื้อแดงพร้อมต่อสู้ แต่ฝ่ายนำกลับจะไปขอร้องเขา แล้วมันขอร้องได้หรือครับ หากขอร้องได้ก็ไม่เกิด19กันยา ไม่เกิดการยึดสนามบิน ไม่เกิดการปราบปราบเสื้อแดงตอนสงกรานต์เลือด สรุปคือเขาขอร้องไม่ได้ ขออนุญาตพูดว่าเวลานี้แกนนำอาจก้าวตามไม่ทันมวลชน ล้าหลังมวลชนแล้ว ก็คงต้องมีการปรับขบวนต่อสู้ ผมเองก็อาจเข้าไปมีบทบาทมากขึ้น
ผมเองก่อน19กันยาก็ไม่ได้คิดชัดเจนขนาดนี้ แต่หลังต่อสู้แล้วประชาชน เสื้อแดงก็เสนอแนะมามาก ดังนั้นประเด็นไม่ใช่แกนนำให้ความคิด แต่มวลชนก็ให้ความคิดแกนนำ เป็นปฏิสัมพันธ์กัน
เป้าหมายการต่อสู้
1.เราต่อสู่กับอะไร รัฐซ้อนรัฐ ที่เราเลือกตั้งเป็นประเทศไทยรอบนอก แต่ประเทศไทยภายในเป็นเรื่องรัฐซ้อนรัฐ
2.ไม่ใช่แค่การชนะเลือกตั้ง
3.การต่อสู้ทางความคิด อย่างการใช้คดีหมิ่นมาเล่นงานฝ่ายเรายิ่งนานยิ่งมากก็จะยิ่งกลับมาเป็นประโยชน์ฝ่ายเรา
ตอนนี้เรายังก้าวไม่พ้นระบบอมาตย์จาก14ตุลา เขาใช้พลังประชาธิปไตยเป็นฉากหน้า 6ตุลาเขาปราบปรามเพราะเห็นว่าท้าทายเกินไป สะท้อนว่าเขาโหดเหี้ยมรุนแรง มาพฤษภาทมิฬนั้นเกิดจากผู้มีอำนาจไม่พอใจรัฐบาลชาติชายไปมีนโยบายสันติภาพกับประเทศเพื่อนบ้าน ก็เลยจัดการรัฐประหาร พอทหารขึ้นมามีอำนาจก็กลัวมีอำนาจมากคุมไม่อยู่ก็ไล่ออกไปอีก
แต่หลัง19กันยา49เราไม่ได้สู้กับนายหน้า แต่เป็นการต่อสู้กับตัวจริง เป็นครั้งแรกต่างจาก14ตุลา 6 ตุลา พฤษภา ถือเป็นครั้งแรก เราก็มีประสบการณ์น้อย ทำให้บางคนก็หลงทางวนกลับไปสู่ระนาบเดิมคือไปสู้กับนายหน้าเขา
ต้องคิดว่าตอนนี้เราไม่ได้ยึดกับคนๆเดียว นายกฯทักษิณจะมาชี้ว่าขบวนจะไปทางไหนก็ไม่ได้ ท่านก็เป็นแนวร่วมเหมือนเสื้อแดงคนหนึ่ง
การปิดสนามบินสุวรรณภูมิคนทั่วโลกตกใจ ตอนนี้จะไปไล่กษิตก็ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะเทียบไปกษิตก็เหมือนภารโรง เราจะไปไล่ทำไม ก็ต้องไล่อาจารย์ใหญ่ แต่เอาเถอะหากอยู่ว่างๆก็ไล่ไปก่อนก็ได้
เวลานี้ตั้งแต่หลังสงกรานต์เลือดเป็นต้นมา มีการนำเสนอข่าวทางสื่อมวลชนเพื่อหันเหความสนใจของคนไปยังข่าวอาชญากรรมบ้าง ข่าวเรื่องหมีแพนด้าบ้าง เวลานี้ก็มาเรื่องไข้หวัด2009 คือเบี่ยงเบนความสนใจของคนออกไปยังเรื่องอื่นๆ อย่างเรื่องไข้หวัดนกก็จะหาข้ออ้างปิดพรมแดน ผมเกรงว่าจะนำไปสู่การปืดประตูตีแมว คนเสื้อแดงที่สู้ไม่ถึงที่สุดอาจให้อภัย ส่วนคนที่สู้ถึงที่สุดก็อาจฉวยโอกาสปิดประเทศเพื่อปิดประตูตีแมว
อย่างล่าสุดก็ตัดไม้ข่มนามไปฟ้องร้องดำเนินคดีสโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศด้วยคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
ส่วนเรื่องที่นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์สำนักข่าวบลูมเบิร์กเรื่องการที่ในหลวงทรงลงพระปรมาภิไธยให้สมเด็จพระบรมฯเป็นองค์รัชทายาทสืบทอดราชบัลลังก์นั้นก็ดีแล้วครับ คุณอภิสิทธิ์คงไม่ได้พูดเอง แต่ได้รับไฟเขียวให้มาพูดกัน ที่ควรทำให้เกิดความชัดเจน ทางราชสำนักควรประกาศให้เป็นที่เปิดเผย อย่างไรก็ตามสถาบันตามประเพณีนั้นก็ควรเชื่อมโยงในทางเกื้อหนุนความเคลื่อนไหวของทิศทางประเทศชาติ
ตอนนี้ความไม่แน่นอนมีสูง ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อไหร่ หากทำให้เคลียร์ก็ไม่ต้องใจเต้นมากนัก จะได้มีแผนในการทำในอนาคต ส่วนการที่คุณอภิสิทธิ์ออกมานั้นก็เพราะฝ่ายอำมาตย์เขาเลี้ยงต้อยเพื่อเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ไม่ใช่นายกฯของระบอบประชาธิปไตย ก็เหมือนกับพลเอกเปรม พลเอกสุรยุทธ์ อดีตนายกฯธานินท์ กรัยวิเชียร ที่อำนาจพิเศษนอกครรลองประชาธิปไตยหนุนหลังอยู่ เส้นทางการเดินของคุณอภิสิทธิ์จึงเป็นนายกฯคนสุดท้ายในระบอบอมาตยาธิปไตย ก็เขายอมตัวในระบบนี้ก็ต้องทำหน้าที่ไป จึงไม่ใช่เรื่องที่เราจะไปต่อสู้กับเขา เช่นเดียวกับคุณกษิต ภิรมย์ เขาไม่ใช่เป้าเราจะไปโจมตีเขาให้เสียเวลาทำไม สู้ตีเป้าที่แท้จริงดีกว่า เราก็ต้องตั้งเป้าว่าคุณอภิสิทธิ์ก็ควรจะเป็นนายกฯในระบอบอมาตยาธิปไตยเสียที
ที่ประเทศไทยดักดานอยู่นี้เพราะมัวแต่จะมาคุม เจริญก้าวหน้าไม่ได้ก็จะคุมเอาไว้ แล้วตั้งคนแบบอภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรีก็ควรเลิกได้แล้ว เราก็ต้องต่อสู้โจมตีเป้าที่แท้จริง อย่าไปหลงอยู่กับเป้าที่เป็นนายหน้าตัวแทนของเขาแบบอภิสิทธิ์หรือกษิต
ตอนนี้คนเสื้อแดงต้องพิจารณาว่าอย่าท้อถอยถอดใจ มีอะไรให้มาร่วม เราต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ไม่ใช่เพื่อแกนนนำ เพราะปีนี้เป็นปีสำคัญที่ว่า ปีนี้มันจะมีเรื่องตามครรลองธรรมชาติบ้าง เราต้องรวมพลังกันไว้เพื่อจะกำหนดชะตาอนาคตประเทศชาติด้วยตัวเราเอง
พี่น้องพึงทราบว่าที่เราต่อสู้มา4-5ปีเขาพยายามฆ่าเราให้ตาย แต่เราก็ไม่ตาย ก็ฟื้นตัวขึ้นมาตลอด อย่างพี่น้องทำกันมา เช่น ส่งข่าวสารข้อมูลต่างๆที่เป็นเรื่องที่ดี ส่งต่อกันไป มีการนัดหมายพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกัน อันนี้ดีที่สุดเพราะข้อมูลข่าวสารคืออำนาจ
ผมยังทำหน้าที่ในการส่งต่อข้อมูลข่าวสารให้ผู้นำทั้งที่อยู่ในอำนาจ และฝ่ายค้านของหลายประเทศเพื่อให้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องแก่ผู้นำเหล่านั้นมากกว่า20ประเทศในช่วง2เดือนครึ่งที่ผ่านมานี้
ผมได้คุยกับแกนนำเสื้อแดงอยู่บ้าง แต่ผมไม่ชอบการแสดง โดยเฉพาะแสดงปาหี่ แต่อันนี้ตรงกันก็คุยกัน อันไหนไม่ตรงกันก็ต้องรักษากันไว้ ตอนนี้จะทิ้งขว้างใครก็ไม่ได้
นอกจากแกนนำ3เกลอแล้วก็มีแกนนำอื่นๆด้วยครับ 3เกลอท่านก็มีบทบาทบนเวทีท่านทำได้ดีก็ต้องทำไป ส่วนบทบาทอื่นๆก็มีคนอื่นๆทำกันอยู่ โดยไม่ต้องขึ้นเวทีก็ได้ครับ
สุดท้ายนี้พี่น้องรักษาสุขภาพกายสุขภาพใจไว้ให้ดีครับ ขอให้พี่น้องที่รักประชาธิปไตยทุกคนที่อยากเห็นอนาคตลูกหลานดีกว่าโลกที่เราเคยอยู่มา หากมีอะไรสะกิดใจบ้างก็ให้มองเป็นเรื่องเล็ก แล้วให้เรามองข้ามไปที่เรื่องใหญ่ดีกว่า หากฝ่ายตรงข้ามเขารังควานก็ให้ถือภาษิตอินเดียว่า"ช้างเดินไปไหน สุนัขมันก็เห่าบ้าง"เราทำงานใหญ่ก็มีเสียงวิจารณ์บ้าง เราก็เงี่ยหูฟังไว้บ้างอย่าไปท้อใจ
ขอแสดงความขอบคุณทุกท่าน ไม่ต้องห่วงผม ผมจะรักษาดูแลตัวเองให้ดีมีความปลอดภัยเพื่อการทำงานให้อนาคตประเทศเราต่อไป
.........
ฟังคลิปเสียงการสัมภาษณ์ล่าสุดของจักรภพทางเวบkonthaiuk.comคลิ้กที่นี่ หรือ ที่นี่