ที่มา ไทยรัฐ
มาอีกระลอกที่จะกระหน่ำเสถียรภาพรัฐบาล โดยเฉพาะแกนนำอย่างประชาธิปัตย์ เมื่อ กกต.จะมีการพิจารณาและคงจะลงมติได้หลังจากที่เลื่อนเวลามาระยะหนึ่ง ล็อกนี้เป็น 28 ส.ส.ประชาธิปัตย์ซึ่งถือหุ้นบริษัทได้สัมปทานจากรัฐ
มีทั้ง ส.ส.และรัฐมนตรี จะกี่คนก็ตามขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ กกต.ซึ่งมีบรรทัดฐานมาแล้วจากกรณี 16 วุฒิสมาชิก ที่ถือหุ้นบริษัทสัมปทานรัฐโดยมีการระบุรายชื่อบริษัทต่างๆ ที่อยู่ข่ายสัมปทานรัฐจำนวน 14 บริษัท
ปรากฏว่า 28 ส.ส.ที่ถูกข้อกล่าวหาก็ถือหุ้นใน 14 บริษัทนี้เป็นส่วนใหญ่ เรียกว่าไม่ต้องพิจารณาอะไรกันมาก เนื่องจากมีตัวอย่างสดๆร้อนๆให้เห็นมาแล้ว
ถ้า กกต.ชี้ว่าไม่ผิดนั่นแหละยุ่งแน่...2 มาตรฐานแน่
และยังเหลืออีกล็อกใหญ่ล็อกหนึ่งซึ่งจะมีทั้ง ส.ส.และ ส.ว.จำนวน 44 คน ที่เข้าข่ายเดียวกัน คงต้องรอให้มีการพิจารณาอีกระยะหนึ่ง
ก่อนหน้านี้ 16 ส.ว.ที่ถูก กกต.พิจารณาให้พ้นจากสมาชิกภาพ ไปแล้ว ปรากฏว่ามีทั้งเสียงสนับสนุนและคัดค้านด้วยต่างเหตุต่างผล ซึ่ง ก็จะต้องรอการชี้ขาดสุดท้ายจากศาลรัฐธรรมนูญที่จะตีความว่าการถือหุ้น ดังกล่าว ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ตีความว่าบริษัทใดที่เข้าข่ายเป็นหุ้นสัมปทานต้องห้าม
แต่ถ้าว่ากันตาม "เจตนา" แล้วคงดิ้นหลุดยาก แต่การชี้ว่าบริษัทไหนสัมปทานหรือไม่สัมปทานก็สำคัญ เพราะมันเป็นข้อเท็จจริงอันหนึ่ง
ว่ากันตามจริงแล้วทั้ง ส.ส.-ส.ว.หรือผู้คิดจะเล่นการเมืองไม่
ไปถือหุ้นลักษณะนี้ก็จบ เพราะรู้อยู่แล้วว่ามันจะเกิดปัญหา อย่ามาอ้างว่าปรึกษาพวกหัวหมอแล้ว คิดว่าน้อยไม่มีปัญหา เป็นนักการเมืองหน้าใหม่เลยผิดพลาด ลองดี เสียดายผลประโยชน์ โยกย้ายไม่ทันหรือจะอะไรก็ตาม
เริ่มต้นเป็นนักการเมืองอย่าโกหกตัวเอง
กฎหมายในลักษณะนี้ถือว่าเป็นกติกาสังคมที่ดีและจะช่วยกำกับพฤติการณ์การเมืองของนักการเมืองทั้งเลือกตั้งและลากตั้ง อย่างน้อยก็พอจะปลิ้นไส้นักการเมืองได้ระดับหนึ่ง แม้จะมีการซ่อนเร้น อำพรางฝากคนใช้ ให้คนขับรถ เลขานุการถือหุ้นแทนบ้างก็ตาม
แม้จะเล็ดลอดไปได้บ้างแต่ก็ควบคุมได้ระดับหนึ่ง ทั้งหลายทั้งปวงที่เกิดขึ้นเพราะสังคมโลกทุกวันนี้มันสามารถจับเส้นทางการเงินได้พอสมควร ด้วยเทคโนโลยีและระบบตรวจสอบความโปร่งใสเข้มข้นขึ้น
ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจโลกที่เกิดขึ้นในประเทศใหญ่ อย่างสหรัฐอเมริกาก็มาจากเหตุเดียวกับต้มยำกุ้งในประเทศไทยเมื่อปี 2540 เล่นเอาประเทศเกิดปัญหาลากยาวมาหลายปี นั่นจะเห็นว่าเจ้าของ ผู้บริหารสถาบันการเงินโกงกินกันอย่างสนุกสนาน ด้วยเม็ดเงินมหาศาล
สหรัฐฯซึ่งเป็นประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจต้องหันกลับมาทบทวนกันใหม่ทั้งระบบ เพราะขืนปล่อยให้ผู้บริหารสถาบันการเงินดำเนินการไปด้วยความโลภ ไร้ระบบ กฎ กติกาที่เข้มงวดจะเป็นช่องทาง ให้เกิดเหตุนี้ขึ้นมาอีกได้
และเป็นเรื่องที่ทำลายระบบเศรษฐกิจ ความเชื่อมั่น ลดความน่าเชื่อถือ ในฐานะประเทศอันดับ 1 แม้กระทั่งเงินดอลลาร์สหรัฐฯซึ่งถือว่าเป็นสกุลเงินที่ทุกประเทศทั่วโลกต้องให้การยอมรับ อัตราแลกเปลี่ยนต้องเอาเงินดอลลาร์เป็นสกุลหลัก เงินทุนสำรองของทุกประเทศก็ต้องเป็น "ดอลลาร์"
เมื่อเกิดเหตุครั้งนี้ มีหลายประเทศเริ่มที่จะลดความสำคัญต่อดอลลาร์ และจะหันมาเอาเงินสกุลของตัวเองเป็นมาตรฐานแทน จีนกำลังมีความพยายามที่จะให้ "หยวน" มาแทนที่ดอลลาร์ เพื่อความมั่นคง และสร้างเครดิตให้สกุลเงินด้วย
วิกฤติเศรษฐกิจครั้งนี้ ทำให้สหรัฐฯเสียหายหลายอย่าง โดยเฉพาะความเป็นผู้นำโลกกำลังถูกท้าทาย เช่นเดียวกับเมืองไทยที่การทุจริตคอรัปชันทำให้การเมืองไทยต้องติดหล่มและขัดแย้ง
สู้กันเพราะเรื่องโกงกินนี่แหละครับ...
"สายล่อฟ้า"