ที่มา บางกอกทูเดย์
“ถ้ากล้าพูดก็ต้องกล้าแสดงตัวด้วย...เป็นลูกผู้ชายก็ต้องออกมาแสดงตัวจะกลัวอะไร และบอกด้วยว่าเนื้อหาแท้ๆ มีอะไรที่ไม่ชอบมาพากลทำไมมาเก่งกับผม...เพราะผมไม่มีอำนาจเงินใช่ไหมถ้าจะเปิดศึกรบก็ต้องรบกันรอบด้าน และต้องถามด้วยว่า...ตอนที่ทักษิณปู้ยี่ปู้ยำ คนพวกนี้หายไปไหน หรือว่าเกรงกลัวพวกรุ่น 10หากผมเป็น รมว.กลาโหม วิพากษ์วิจารณ์ผมได้ ผมรับฟังเพราะผมไม่ใช้อำนาจเถื่อน ถ้ารักชาติก็ต้องรักตลอดเวลาและช่วยถามทีว่า ใครปองร้าย “นายสนธิ ลิ้มทองกุล” แกนนำพันธมิตรฯ ใครปองร้ายนายกฯ ซึ่ง “นายสุเทพ เทือกสุบรรณ”รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่งคง คงต้องตอบ”จากวลีคำพูดข้างบนของ “นายกษิต ภิรมย์” ในกรณีที่มีข่าวว่าบิ๊กทหาร กดดัน “นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” นายกรัฐมนตรี ให้ตัวเองพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแปลความได้ดังนี้ประการแรก นายกษิตกำลังอยู่ในอารมณ์โกรธอย่างสุดๆเหมือนถูกตีที่ปลายหางขนด
ประการที่สอง ท้าทายให้ผู้พูดแสดงตัวออกมา...ซึ่งก็นับว่าได้ผลเพราะว่า “พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา” ผู้บัญชาการทหารบกได้ออกมายืนยันว่า...“ไม่เคยกดดันใดๆ ให้นายกษิตออกจากตำแหน่ง ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย การที่นายกษิตจะมีความคิดอย่างไรก็อยู่ที่ตัวท่านเองมากกว่า ซึ่งไม่เกี่ยวกับผม”จากคำพูดดังกล่าวนี้แสดงให้เห็นว่า พล.อ.อนุพงษ์ก็มีอารมณ์โกรธ แต่น้อยกว่านายกษิตมากประการที่สาม นายกษิตมองว่า ที่บิ๊กทหารมาเสนอปลดตน...เพราะมองว่าตัวเองไม่มีน้ำยาแต่ นายกษิต พิจารณาดูตัวเองแล้วว่ามีคุณสมบัติครบถ้วนขาดอยู่อย่างเดียว คือ “อำนาจเงิน” (Power of the purse)ประเด็นนี้คงไม่จริง!นายกษิต เป็นคนมีเงิน แต่ไปเปรียบเทียบหรือแขวะ “พ.ต.ท.ทักษิณชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรีว่า ใช้อำนาจเงินทำให้คนไม่กล้าตอแยด้วยประการที่สี่ นายกษิตมองว่าเตรียมทหารรุ่นที่ 10 เป็นพวกเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และถือว่าเป็น ศัตรูกับตนจนแกล้งลืมไปว่า ผบ.สส., ผบ.ทบ., ผบ.ทร. และตัวเก็งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนต่อไป ก็เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 10 หรือนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 26อย่าง...พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย หรือ พล.ต.อ.วงกตมณีรินทร์ รอง ผบ.ตร.ประการที่ห้า นายกษิตมองว่า “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ”รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม...รู้เรื่องนี้ดีแม้นว่า “พล.อ.ประวิตร” จะยืนยันว่า...ไม่เคยพูดและไม่รู้เรื่องไม่มีการกดดันแต่อย่างไร
แต่ นายกษิต กลับแสดงให้เห็นว่า...ถ้าตนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเมื่อใด ท้าทายให้ บิ๊กทหาร ทั้งหลายวิพากษ์วิจารณ์ได้ทั้งที่ นายกษิต เรียนจบมาทางรัฐศาสตร์ ได้คะแนนดี แต่ลืมคำของ Paul Appleby ที่กล่าวไว้ว่า“ข้าราชการประจำต้องทำตัวเหมือนปลาเงินปลาทองในตู้กระจก ปลาย่อมพูดไม่ได้ฉันใด ข้าราชการย่อมพูดไม่ได้ฉันนั้น”เพราะ นายกษิต ตอนเป็นข้าราชการประจำเป็นคนช่างพูดก้าวร้าว ใช้อารมณ์...ลูกน้องเกลียดแต่แปลก..นายบางคนกลับชอบ!อย่างน้อยที่สุดตอนนี้ก็มี “นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” นายกรัฐมนตรีคนหนึ่ง...แต่หลังจากประชุมรัฐมนตรีอาเซียน...ต้องมาว่ากันอีกทีประการที่หก นายกษิตมองว่า พวกทหารชอบใช้อำนาจเถื่อน...การที่โค่นล้ม “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” ได้เพราะฝีมือของนายกษิต และ กลุ่มพันธมิตรฯทหารที่เข้ามาปฏิวัตินั้นเป็นผลพลอยได้จากจุดที่เขาและพรรคพวกได้เริ่มต้นด้วยความกล้าหาญประการสุดท้าย สายสัมพันธ์ระหว่าง นายกษิต ภิรมย์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ กับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง มีปัญหาค่อนข้างรุนแรงเป็นปัญหาที่ค้างคาใจทั้งหมด รวมทั้งการลอบสังหาร นายสนธิลิ้มทองกุล คำตอบจึงพุ่งเป้าไปยัง นายสุเทพ เทือกสุบรรณเหมือน นายกษิต ภิรมย์ จะพูดว่า หากจะปรับคณะรัฐมนตรีในคราวหน้า คนที่จะต้องโดนปรับเป็นคนแรก คือ นายสุเทพเทือกสุบรรณ ไม่ใช่ตัวเขา ■
จักร์เพชร