WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Saturday, July 18, 2009

สุเทพลาออกจาก ส.ส. แล้ว เหลือเพียงตำแหน่ง รมต.

ที่มา ประชาไท

“สุเทพ” ยื่นใบลาออกจากตำแหน่งส.ส.เหลือเพียงรมต.อย่างเดียว อ้างไม่มีเวลาที่จะไปสู้คดีและทำงานในตำแหน่งรมต.ไปคู่กัน ระบุอยากจะทำงานให้ดีที่สุด โต้กลับหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเห็นตรงข้ามก็ขอให้ กกต.พิจารณาตัวเองให้ละอายใจที่ตัดสินอย่างนี้

17ก.ค.52 - ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงจุดยืนหลังจากที่ กกต.มีคำวินิจฉัย 13 ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ขาดสมาชิกภาพกรณีถือหุ้น ว่า เมื่อช่วงบ่ายของวันนี้ ( 17 ก.ค.) ตนได้ยื่นใบลาออกจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.สุราษฎร์ธานี เขต 1 เรียบร้อยแล้ว โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 17 ก.ค.นี้เป็นต้นไป ส่วนจะเปิดให้มีการเลือกตั้งเมื่อไหร่นั้นอยู่ที่ กกต.

ทั้งนี้เหตุผลที่ตนลาออกจากการเป็นส.ส.นั้น ตนทำหนังสือกราบเรียนให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรทราบ เนื่องจากท่านเป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ เป็นผู้บังคับบัญชาของตน เมื่อตนถูกกล่าวหาและถูก กกต.ได้มีมติว่าการที่ตนถือหุ้นเป็นการขัดต่อข้อบังคับของกฎหมาย ซึ่งตนได้อธิบายในหนังสือลาออกของตนว่า หุ้นทั้งหมดเป็นหุ้นที่ตนซื้อเมื่อปี 2538 ก่อนที่จะมีบทบัญญัติในกฎหมายว่าด้วยการถือหุ้นของสมาชิกสภาผู้ราษฎรออกมาใช้บังคับในปี 2550 หลังจากที่ตนซื้อหุ้นแล้ว 12 ปี และซื้อในตลาดหลักทรัพย์เหมือนที่คนซื้อขายหุ้นทั้งหลาย เพราะเป็นธุรกิจที่ทำโดยสุจริต ไม่ได้คิดที่จะเป็นเจ้าของหรือในส่วนบริหารจัดการเหล่านั้นด้วยประการใด ๆ ทั้งสิ้น เช่น หุ้นที่ตนถือในบริษัททรู คอร์ปอเรชั่น จำนวน 5,000 หุ้น หากดูจากจำนวนหุ้นทั้งหมดแล้วหุ้นของตนเทียบเป็นเศษฝุ่นในหุ้นบริษัท และตั้งแต่ซื้อหุ้นมาไม่เคยไปประชุมผู้ถือหุ้น หรือแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการบริหารกิจการ
นายสุเทพ กล่าวว่า ตลอด 12 ปีที่ผ่านมาตนได้แสดงบัญชีต่อป.ป.ช เมื่อเป็นผู้แทนราษฎร เป็นกรรมการบริหารพรรค เมื่อพ้นจากตำแหน่งผู้แทนราษฎร เมื่อพ้นตำหน่งกรรมการบริหารพรรคแต่ละสมัย รวมแล้วตนได้แสดงบัญชีไว้ต่อ ป.ป.ช.ทั้งหมด 12 ครั้ง ซึ่งเป็นการแสดงความสุจริตใจของตน และตนได้อ่านกฎหมายในมาตรา 48 การที่ถือหุ้นเข้าข่ายผิดกฎหมายต้องเป็นไปในลักษณะที่ตนสามารถเข้าไปมีส่วนได้เสียแบบเป็นเจ้าของบริษัท หรือ เจ้าของกิจการ ซึ่งตนก็ไม่ได้เป็น ฉะนั้นตนจึงไม่ได้ดิ้นรนที่จะขายหุ้นนี้ แต่เมื่อมีคนร้องเรียนตนก็ตัดสินใจแก้ความรำคาญขายไปตั้งแต่ปี 2551 แต่เมื่อ กกต.วินิจฉัยให้ตนขาดคุณสมบัติ ขั้นตอนต่อไปต้องส่งเรื่องให้ประธานสภาผู้แทนราษฎร และนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ
“คนที่โดนเรื่องแบบผม ก็ต้องไปสู้คดีที่ศาลรัฐธรรมนูญ การต่อสู้คดีต้องเสียเวลา ต้องรวบรวมพยานหลักฐาน เอกสาร พยานบุคคล และไปสู้คดีที่ศาลรัฐธรรมนูญ ผมมีภาระหน้าที่เป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ทุกวันทำงานไม่ลืมหูลืมตาอยู่แล้ว ผมไม่อยากไปเสียสมาธิในการเตรียมคดี ต้องเสียเวลาเรื่องนี้ ผมอยากให้เรื่องจบ สำหรับกรณีผมฉะนั้นผมจึงตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ผมเรียนให้กกต.ได้ยินว่า ผมเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรติดต่อกันมา 31 ปี ไม่เคยลาออกจากตำแหน่งเลย แต่วันนี้เมื่อวินิจฉัยผมอย่างนี้ ผมก็ลาออกและที่ผมไม่ได้ให้สัมภาษณ์ตอนแรกเพราะผมตั้งใจลาออกอยู่แล้ว เมื่อรู้ว่ากกต.ตัดสินผมอย่างนี้ ผมคิดว่าถ้าตัดสินแบบนี้ เป็นการตัดสินที่ผมยากที่จะทำใจให้รับได้ เพราะผมอ่านกฎหมายแล้วเป็นอีกอย่างหนึ่ง แต่เมื่อเป็นอำนาจของท่าน ๆ ก็รับผิดชอบของท่านไปก็แล้วกัน ” นายสุเทพ กล่าว
เมื่อถามว่า คิดว่าการลาออกแล้วจะหมดภาระไปใช่หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า เมื่อตนลาออกตนก็พ้นสภาพสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตนก็ไม่ต้องไปศาลรัฐธรรมนูญ และจบแค่นั้นสำหรับตน ส่วนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคนอื่น ๆ ตนคิดว่าเขามีเวลา เพราะตอนนี้ก็ปิดสมัยประชุมมีเวลาที่จะไปเตรียมคดี หาพยานหลักฐาน ซึ่งตนมีความคิดเห็นของตน และตนก็ยินดีที่จะช่วยสนับสนุนให้ท่านเหล่านั้นต่อสู้คดีในศาลรัฐธรรมนูญ
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะส่งใครลงสมัครผู้แทนในเขต 1 หรือจะลงเอง นายสุเทพ กล่าวว่า เขายังไม่ได้เปิดรับสมัครเลย เอาไว้ก่อน ค่อยดูก่อน วันพรุ่งนี้ค่อยคิด ยังไม่รู้ว่าเขาให้เลือกตั้งใหม่เมื่อไหร่
ต่อข้อถามว่าหากฝ่ายค้านมาทวงถามเรื่องจริยธรรมจะทำอย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า จริยธรรมของตนดีกว่าฝ่ายค้านทุกเวลา ตนไม่ได้ตัดสินใจลาออกด้วยเรื่องจริยธรรม แต่ตนตัดสินลาออกเพราะงานของตนที่ทำก็ปวดหัวมากพออยู่แล้ว ความดันขึ้นทุกวันอยู่แล้ว ฉะนั้นถ้าตนต้องมาทำงานเป็นรองนายกรัฐมนตรี และต้องไปเตรียมการสู้คดีอย่างนี้ตนรับไม่ไหว เมื่อตนลาออกแล้วตนก็ไม่ต้องมาต่อล้อต่อเถียงกับกกต.ไม่ต้องต้อสู้กับศาลในกกต. และสิ่งที่เป็นผลกับรัฐบาลก็คือเสียงของรัฐบาลจะยกมือในสภาก็ขาดไปเสียงหนึ่ง แต่ตอนนี้อยู่ระหว่างปิดสมัยประชุม อย่างไรก็ตามเรื่องการลาออกตนไม่ได้ปรึกษาใคร เป็นการตัดสินใจของตนคนเดียว แต่ละคนมีปัญหาไม่เหมือนกัน ตนอยากให้ ส.ส. 12 คน อยู่ต่อสู้ศาลรัฐธรรมนูญ เพราะเขาไม่ได้เป็นรัฐมนตรี ไม่ต้องมารับภาระในการบริหาร เขาก็มีเวลาในการเตรียมตัวต่อสู้คดีได้
เมื่อถามว่าหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เห็นด้วยกับการลาออกในครั้งนี้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่ได้ปรึกษาใคร และเรื่องนี้ไม่ต้องขออนุญาตกรรมการบริหารพรรค จะขออนุญาตกรรมการบริหารก็ตอนลงสมัครเวลาลาออกไม่ต้องขออนุญาตใคร ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ลาออกจะส่งผลต่อการคุมเกมในรัฐบาล นายสุเทพ กล่าวว่า ตนยังเป็นผู้จัดการรัฐบาล ไม่มีผลอะไรในรัฐสภา ตนยังอยู่ครบถ้วน ยังทำงานเป็นรองนายกรัฐมนตรี และถ้าใครจะเรียกร้องให้ตนลาออก ตนก็ไม่ลาออก ต่อข้อถามว่าต่อไปถ้าศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเห็นตรงข้ามกับกกต.ท่านจะทำอย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า กกต.ก็ลาออกไป ถึงรอบ กตต.บ้างตอนนั้น เมื่อถามย้ำว่าจะร้องหรือไม่ตอนนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่ร้อง เพราะเขาก็ละอายตัวเขาเอง
ต่อข้อถามว่าการลาออกตอนนี้กับการรอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในทางการเมืองถือว่าเป็นเพราะถูกโจมตีหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องของการโจมตี เรื่องของการโจมตีเป็นเรื่องธรรมดา เพราะตนโดนจนชินแล้ว สารพัดจะโดน แต่ไม่ได้รู้สึกอะไร แต่ที่ตนทำเพราะตนไม่สามารถแบ่งสมาธิได้ เพราะถ้าไปสู้คดีตนอยากจะให้ชนะกกต. เมื่อถามว่า เป็นส.ส.มา 31 ปี อยู่ในสภาแล้วลาออกรู้สึกหวิวหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่หวิว เพราะไม่ได้ยึดติดตำแหน่ง
อภิสิทธิ์เผยเคยท้วง"สุเทพ"อย่าเพิ่งลาออก
เมื่อเวลา 17.15 น.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ได้เห็นหนังสือลาออกจาก ส.ส.ของนายสุเทพ ที่ยื่นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ซึ่งจริงๆแล้วไม่อยากให้ลาออก แต่เมื่อตัดสินใจไปแล้ว ก็เป็นเอกสิทธิ์ของนายสุเทพ
"ก่อนหน้านี้คุณสุเทพ เคยปรารภกับผมมานานแล้วและได้ติงไปแล้ว ซึ่งก็ไม่ทราบการตัดสินใจขั้นสุดท้ายของคุณสุเทพ แต่เมื่อตัดสินใจแล้วก็เป็นเอกสิทธิ์ของท่าน ส่วนเหตุผลการลาออกนั้นเป็นเหตุผลเฉพาะตัว แต่เห็นว่าจริงๆแล้วมันเป็นเรื่องที่ควรจะรอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก่อน"
เมื่อถามว่า เรื่องนี้จะส่งผลกระทบอะไรบ้างหรือไม่ และจะถูกนำมาโยงกับจริยธรรมนักการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ด้วยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในแง่ไหนครับ แต่คงไม่มีอะไร เป็นการตัดสินใจเฉพาะตัวของนายสุเทพที่มีเหตุผลเฉพาะตัวและชัดเจน
เมื่อถามว่า เป็นการประชดคำวินิจฉัยของ กกต.หรือ ใช้อารมณ์มากไปหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ อึ้งไปครู่หนึ่งและกล่าวว่า ไม่ เพราะเคยปรารภกับตนไว้นานแล้ว ไม่ใช่การตัดสินแบบชั่วครู่ชั่วยาม
เมื่อถามว่า เป็นการแสดงสปิริตให้นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ลาออกเพราะโดนข้อหาก่อการร้ายหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ หันมามองผู้สื่อข่าวด้วยสีหน้าไม่พอใจและกล่าวว่า “ คนละเรื่องกันครับ ” เมื่อถามว่า ได้ยับยั้งการลาออกครั้งนี้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยับยั้งไม่ได้ นักการเมืองแสดงเจตนาแล้วก็ต้องออก
เมื่อถามว่า ส.ส. 12 คนของพรรคที่โดน กกต.ชี้ว่าขาดคุณสมบัติการเป็นส.ส.เพราะถือหุ้นสัมปทานรัฐ ต้องลาออกเหมือนนายสุเทพหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ส.ส.คนอื่นๆไม่ได้เป็นรองนายกฯฝ่ายความมั่นคง และเหตุผลไม่ได้เกี่ยวกัน เมื่อถามว่า การลาออกของนายสุเทพในครั้งนี้จะส่งผลกระทบกับภาพลักษณ์ของพรรคหรือไม่และแรงกดันในครั้งนี้จะส่งผลกับส.ส.ของพรรคที่ไม่ลาออกหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เป็นเรื่องส่วนตัวและควรดูเหตุผล และตนไม่ได้แนะนำให้ส.ส.คนอื่นๆของพรรคลาออก
เมื่อถามว่า การลาออกของนายสุเทพ ตอกย้ำว่าการถือหุ้นสัมปทานรัฐของนักการเมืองเป็นความผิด นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่ครับ เพราะท่านให้เหตุผลชัดเจนว่าการต่อสู้ต่างๆในคดีจะส่งผลกระทบกับการปฏิบัติหน้าที่รองนายกฯ
เมื่อถามว่า จะกระทบเสียงของส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลในสภาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า นายสุเทพไม่ใช่วิปรัฐบาล เมื่อถามว่า จะให้นายสุเทพลงสมัครเลือกตั้งซ่อมส.ส.สุราษฎร์ธานี เขต 1 หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า แล้วแต่กรรมการบริหารพรรค
เมื่อถามว่ามีข่าวว่าอาจจะส่งนายธานี เทือกสุบรรณ อดีตนายก อบจ.สุราษฎร์ธานี และน้องชายของนายสุเทพลงสมัครแทน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้คุยกัน
ที่มาข่าว: เว็บไซต์คมชัดลึก