WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Wednesday, July 15, 2009

ศาลไม่รับคดี “ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์” ฟ้องมาร์ค-สุเทพ-พัชรวาท ตั้งข้อหาเกินจริง

ที่มา ประชาไท

ศาลอาญาไม่รับคดี "ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์" ยื่นฟ้อง "อภิสิทธิ์-สุเทพ-พัชรวาท" ตั้งข้อหารุนแรงเกินจริง ศาลพิเคราะห์ ผช.ผบ.ตร. ตั้งข้อหาตามอำนาจการสอบสวน ไม่เกี่ยวกับอำนาจบริหารและอำนาจกำกับดูแลตำรวจของจำเลยจึงให้ยกฟ้อง ด้านทนายไชยวัฒน์เล็งอุทธรณ์ ส่วนทนาย “กษิต ภิรมย์” ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม ผบ.ตร. ให้ทบทวน ยกเลิก เพิกถอนข้อกล่าวหายึดสนามบิน

ศาลไม่รับ "ไชยวัฒน์" ฟ้องมาร์ค-สุเทพ-พัชรวาท

มติชนออนไลน์ รายงานว่า เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 14 กรกฎาคม ศาลอาญามีคำสั่งไม่รับฟ้องคดีที่นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แนวร่วมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยมีนายณัฐพร โตประยูร ทนายความ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ และ พล.ต.อ.พัชรวาท เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ความผิดต่อเจ้าพนักงานในกระบวนการยุติธรรม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 157 และ 200 กรณีมีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนออกหมายเรียกโจทก์กับพวกที่เป็นแกนนำและแนว ร่วมพันธมิตร ในข้อหาก่อการร้ายซึ่งรุนแรงเกินจริง จากการชุมนุมปิดสนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิ
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าการที่ พล.ต.ท.วุฒิ พัวเวส ผู้ช่วย ผบ.ตร.หัวหน้าพนักงานสอบสวนออกหมายเรียกและตั้งข้อหาโจทก์ตามฟ้อง เป็นการกระทำของพนักงานสอบสวนซึ่งมีอำนาจตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา และอำนาจการสอบสวนเป็นอำนาจแยกต่างหากจากอำนาจบริหารราชการแผ่นดิน และแยกจากอำนาจการควบคุมดูแลและกำกับการปฏิบัติตลอดจนกำหนดนโยบายตามพระราช บัญญัติ (พ.ร.บ.) ตำรวจแห่งชาติของจำเลยทั้ง 3 จากการกระทำของ พล.ต.ท.วุฒิ จำเลยทั้ง 3 ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้ง 3 จึงให้ยกฟ้อง
ด้านนายณัฐพรกล่าวว่า ขอเวลาศึกษาข้อกฎหมาย เพื่อยื่นอุทธรณ์คำสั่งต่อไป เพราะเห็นว่าคดีนี้ศาลควรรับไว้พิจารณาและไต่สวนข้อเท็จจริงก่อนจะมีคำสั่งใดๆ

ทนายนกเขายื่นยกเลิกข้อหา

วันเดียวกัน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หนึ่งในผู้ถูกกล่าวหาร่วมก่อการร้ายคดีปิดล้อมสนามบินสุวรรณภูมิ ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมกับ พล.ต.อ.พัชรวาท ผ่านทาง พล.ต.ต.มนู เมฆหมอก เลขานุการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้พนักงานสอบสวนคดีปิดล้อมสนามบินสุวรรณภูมิตรวจสอบทบทวนการตั้งข้อ กล่าวหา และให้มีคำสั่งให้ยกเลิก เพิกถอนข้อกล่าวหาทั้งหมด
นายนิติธรกล่าวว่า มาขอความเป็นธรรม หลังจากที่นายกษิตไปรับทราบข้อกล่าวหาแล้วและได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และขอให้การเพิ่มเติมเป็นลายลักษณ์อักษรภายใน 30 วัน ตนเองในฐานะทนายความหลังจากดูพฤติการณ์แห่งคดีแล้วปรากฏว่ามีหลายส่วนคลาด เคลื่อน ทุกข้อหาไม่เป็นธรรม การรวบรวมพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวนไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าผู้ต้องหาแต่ละ คนร่วมกันทำความผิดด้วยวิธีการใด แต่ละคนได้รับมอบหมายให้กระทำการใดเมื่อใด ใครเป็นผู้มอบหมายสั่งการ หรือประชุมกันที่ไหน
นายนิติธรกล่าวว่า ขอให้ทาง ผบ.ตร. พิจารณาดำเนินการ 1.ตรวจสอบ ทบทวนการตั้งข้อกล่าวหา และมีคำสั่งให้ยกเลิก เพิกถอนข้อกล่าวหาทั้งหมด 2.แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ การใช้ดุลพินิจของคณะพนักงานสอบสวนชุดปัจจุบันทั้งคณะ 3.พิจารณายุติการดำเนินการสอบสวนของคณะพนักงานสอบสวนชุดปัจจุบันทั้งคณะจน กว่าการดำเนินการตามข้อ 1 และ 2 แล้วเสร็จ และยังไม่ร้องขอเปลี่ยนพนักงานสอบสวนเพียงแต่ให้พิจารณาข้อหาอย่างละเอียด รอบคอบ ทั้งนี้ ในวันที่ 16 กรกฎาคม ผู้ต้องหาคนอื่นๆ ก็ยังยืนยันว่าจะไปรับทราบข้อกล่าวหา

"หัวหน้าทีมสอบสวน"คดีกษิตลั่นยังไม่ถอดใจ

เวลา 12.30 น. พล.ต.ท.วุฒิ พัวเวส ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนกล่าวถึงกรณีทนายความของนายกษิตยื่นหนังสือร้อง เรียนให้ยกเลิกข้อกล่าวหาและตั้งคณะกรรมการตรวจสอบทีมพนักงานสอบสวนว่า เป็นสิทธิของผู้ถูกออกหมายเรียก หากเห็นว่าพนักงานสอบสวนดำเนินการไม่ถูกต้อง ส่วนการทำงานของพนักงานสอบสวนคิดว่าทำดีที่สุดแล้ว การแจ้งข้อกล่าวหานั้น มีหลักฐานและพยานตามสมควร หากผู้ถูกกล่าวหาไม่สบายใจก็ต้องขออภัย หากพนักงานสอบสวนทำงานแล้วทำให้ผู้ถูกสอบสวนไม่สบายใจ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนต้องทบทวนหน้าที่ของตัวเองและสำนักงานตำรวจแห่ง ชาติ โดย ผบ.ตร.ก็ต้องทบทวนด้วย
"ไม่ได้หมดกำลังใจ แต่ต้องยอมรับว่าสังคมขณะนี้มีความแตกแยก และหากไม่มีการยอมรับอำนาจรัฐ การดำเนินการสิ่งใดๆ ไป จะทำให้คดียิ่งยืดเยื้อ และหากมีหัวหน้าพนักงานสอบสวนที่สามารถมาทำหน้าที่ตรงนี้ได้ดีกว่า ก็เห็นด้วย เพื่อประโยชน์ของสังคมโดยรวม แม้จะมีการเปลี่ยนหัวหน้าพนักงานสอบสวนแล้วคงไม่สามารถเปลี่ยนข้อกล่าวหาได้ เพราะว่าทีมพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาไปแล้ว" พล.ต.ท.วุฒิกล่าว

แกนนำกลุ่ม “ส.ว. เลือกตั้ง” ออกปากไล่กษิต

ที่รัฐสภา นายเกชา ศักดิ์สมบูรณ์ ส.ว.ราชบุรี แกนนำกลุ่ม ส.ว.เลือกตั้ง กล่าวถึงกรณีมีเสียงเรียกร้องจากหลายฝ่ายให้นายกรัฐมนตรีปรับนายกษิตออกจาก ตำแหน่งว่า ที่นายกษิตถูกออกหมายเรียกไปรับทราบข้อกล่าวหาการก่อการร้ายปิดสนามบินนั้น ไม่ได้ให้ความสำคัญเท่าไร แต่จากการพูดคุยกับ ส.ว.หลายคนเห็นว่า นายกษิตเคยประกาศต่อสาธารณะไว้ว่า จะลาออกหากมีคดี จุดนี้จึงมีปัญหาเรื่องความสง่างาม
"รัฐบาลทำงานมา 6 เดือน รัฐมนตรีส่วนใหญ่ไม่มีปัญหา มีเพียงนายกษิตคนเดียวที่ไม่สามารถทำงานได้ โดยเฉพาะกับประเทศกัมพูชา จึงเป็นเรื่องที่นายกฯจะต้องพิจารณา เพราะการมอบหมายให้นายสุเทพไปทำหน้าที่นั้นไม่ใช่หน้าที่โดยตรง ขณะที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอยู่แล้ว ดังนั้น หากในอนาคตนายสุเทพถูกคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) วินิจฉัยเรื่องการถือหุ้นในบริษัทที่รับสัมปทานจากรัฐ นายกฯจะเอาใครทำหน้าที่แทนอีก" ส.ว.ราชบุรี กล่าว
นายยุทธนา ยุพฤทธิ์ ส.ว.ยโสธร แกนนำกลุ่ม ส.ว.เลือกตั้ง กล่าวว่า พูดคุยกับเพื่อน ส.ว.ในกลุ่มเห็นว่า กฎเหล็ก 9 ข้อ ที่นายกฯเป็นผู้ตั้ง เป็นมาตรฐานทางจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งที่ต้องสูงกว่าประชาชนทั่วไป กรณีนายกษิตควรจะคำนึงถึงความสง่างามและพิจารณาตัวเอง เพื่อเคารพต่อกระบวนการยุติธรรมในกระบวนการสอบสวนของตำรวจ ซึ่งเชื่อว่าการตั้งข้อกล่าวหานี้ตำรวจมีความลำบากใจมากเพราะพรรคประชา ธิปัตย์เป็นรัฐบาล ผลที่ออกคงต้องมีความรอบคอบรัดกุมที่สุดจึงจะกล้าประกาศออกมา แต่นายกฯคงหนักใจไม่กล้าปรับออก อาจเป็นเพราะถูกแรงกดดันจากกลุ่ม 40 ส.ว. และกลุ่มพันธมิตรที่ออกมาปกป้อง

ผบ.สส.ปัดกองทัพบี้ "กษิต" พ้นเก้าอี้

พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายกษิตระบุว่า ผู้นำเหล่าทัพกดดันให้รัฐบาลปลดออกจากตำแหน่งว่า ผู้บัญชาการเหล่าทัพไม่เคยหารือกันเกี่ยวกับเรื่องนายกษิต เหล่าทัพทำหน้าที่ตามขอบเขตของกระทรวงกลาโหม และ ไม่หวั่นไหวกับความพยายามที่จะเชื่อมโยงกองทัพกับการเมือง ทั้งนี้ นายกษิตไม่ได้โทรศัพท์มาทำความเข้าใจ เพราะกองทัพก็ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องและไม่เคยคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ว่านายกษิตเข้าใจผิด พล.อ.ทรงกิตติกล่าวว่า ไม่ทราบ ไม่มีอะไร
ที่มา: เรียบเรียงจาก มติชนออนไลน์