ที่มา มติชนออนไลน์
ปชป.อ้างมี"สัญญาณพิเศษ"12ส.ส.ถูกศาลยกคำร้อง ชี้ถือหุ้นน้อยครอบงำแทรกแซงกิจการไม่ได้ "สนั่น"ลั่นต้องแก้ที่ตัวกม. ภูมิใจไทยพร้อมหาเสียงเลือกตั้งใหม่ สั่งลูกพรรคลงพื้นที่มากขึ้น อนุกก.ชี้44ส.ส.พรรคร่วมที่เหลือส่อขยายเวลา เผยหลายคนเข้าข่ายถูกฟัน
อ้าง"สัญญาณพิเศษ"เชื่อหลุดชั้นศาล
รายงานข่าวจากพรรคประชาธิปัตย์แจ้งว่า สาเหตุที่ ส.ส.ทั้ง 12 คน ซึ่งถูกคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) โดยเสียงส่วนใหญ่มีมติว่า ขาดคุณสมบัติเนื่องจากถือหุ้นสัมปทานรัฐและธุรกิจสื่อไม่แสดงปฏิกิริยาออกมา เนื่องจากพรรคได้รับ "สัญญาณพิเศษ" มาบางอย่างว่า คดีซึ่งมีลักษณะใกล้เคียงกัน อย่างกรณีที่ กกต.มีมติให้สมาชิวุฒิสภา (ส.ว.) 16 คนพ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากถือหุ้นในบริษัทสื่อและบริษัทที่มีสัมปทานกับรัฐ เข้าข่ายต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 48 และ 265 (2) (4) จะถูกยกคำร้องในการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ เพราะไม่มีเจตนาครอบงำการดำเนินกิจการและจำนวนหุ้นที่ถืออยู่มีน้อยเกินกว่าจะเข้าไปแทรกแซงกิจการของบริษัทนั้นๆ
ด้านนายสราวุธ อ่อนละมัย ส.ส.ชุมพร 1 ใน 13 ส.ส.ที่ขาดคุณสมบัติ ให้สัมภาษณ์ว่า เคารพมติของ กกต.อย่างไรก็ตาม อยากชี้แจงว่าเมื่อปี 2538 สมัยที่บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค ยังเป็น เวิลด์โฟน เข้ามาเปิดตลาดที่ จ.ชุมพร ตนเป็น 1 ใน 20,000 คนของผู้ใช้บริการเวิลด์โฟนทั่วประเทศที่โชคดีได้รับหุ้นของเวิลด์โฟนที่ยังคงจดทะเบียนอยู่ที่ตลาดหุ้นในประเทศสิงคโปร์ ขณะนั้นได้รับหุ้นเพียง 1 หุ้น และปัจจุบันแตกพาร์เป็น 5 หุ้น หุ้นละ 10 บาทเท่านั้น ทั้ง 5 หุ้นก็โอนให้คนอื่นไปหมดแล้วตั้งแต่ปี 2551 หลังจากได้รับเลือกเป็น ส.ส.
"เสธ.หนั่น"หนุนแก้กฎหมาย
ด้าน พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวว่า ไม่คาดว่าจะเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้น ส.ส.ส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจกฎหมายหรือไม่ได้อ่าน เพราะกฎหมาย ป.ป.ช.ให้เวลา 1 เดือนในการรายงานทรัพย์สินหลังประกาศรับรองการเป็น ส.ส.แล้ว แต่ ส.ส.ไม่รู้ว่ายังมีกฎหมาย กกต.อีกฉบับ ที่ห้ามไม่ให้ถือหุ้นเลย ไม่นั้นขายไปก่อนเลือกตั้งแล้ว และที่มีอยู่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
"จำเป็นต้องแก้กฎหมาย ขณะนี้แม้แต่ลูกที่บรรลุนิติภาวะแล้ว ยังถือหุ้นไม่ได้เลย เราไม่สามารถบังคับลูกได้ เพราะต้องทำมาหากินของเขา ส่วนการพิจารณาการถือหุ้นของผมในลำดับต่อไปนั้น ก็ต้องยอมรับกติกา หากผิดก็ต้องยอมรับ" พล.ต.สนั่นกล่าว
"ชวรัตน์"เตรียมหาเสียง
ด้านนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ถือเป็นการพิจารณาไปตามหลักเกณฑ์และไม่ได้ใช้ 2 มาตรฐานเหมือนที่มีการกล่าวหา ส่วนมี ส.ส.และรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย ที่อาจจะเข้าข่ายในลักษณะดังกล่าวทางพรรคพร้อมหากจะต้องเลือกตั้งใหม่ โดยได้กำชับ ส.ส.ของพรรคลงพื้นที่มากขึ้น เนื่องจากคาดว่าการแข่งขันจะเริ่มเข้มข้นมากขึ้น โดยยังคงเน้นนโยบาย 9 ข้อในการหาเสียงพบปะประชาชน รวมถึงการเพิ่มโครงการ 1 ตำบล 1 โรงสี และโครงการคาร์บอนเครดิต
"พรรคภูมิใจไทยจะลงไปขายนโยบาย 9 ข้อที่เคยใช้ในการหาเสียงกับประชาชน สื่อมวลชนน่าจะเขียนเชียร์รัฐบาลให้หน่อยเกี่ยวกับการขายพันธบัตรไทยเข้มแข็งรุ่นแรก รุ่นสอง ปรากฏว่าได้ขายเกลี้ยงให้กับประชาชนทั่วไป แสดงว่าประชาชนเขามีความเชื่อมั่นกับรัฐบาลชุดนี้มาก" นายชวรัตน์กล่าว
อนุกก.ชี้44ส.ส.จ่อขยายเวลา
แหล่งข่าวจากคณะอนุ กกต.ไต่สวนการถือครองหุ้นของ ส.ส. 44 คน เปิดเผยความคืบหน้าในการสืบสวนสอบสวนว่า หลังที่ขอขยายระยะเวลาจากที่ประชุม กกต.เป็นเวลา 15 วัน คณะอนุกรรมการได้ดำเนินการขอเอกสารการถือครองหุ้นของ ส.ส.ทั้งหมด รวมทั้งคู่สมรสและบุตร ขณะนี้การตรวจสอบการถือครองหุ้นของ ส.ส.และคู่สมรสของ ส.ส.เกือบจะสิ้นสุดแล้ว เหลือเพียงการตรวจสอบการถือครองหุ้นของบุตรของ ส.ส.ทั้งสิ้น 109 คน ที่ต้องใช้เวลาและต้องรอเอกสารจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
"หากหน่วยงานต่างๆ ส่งข้อมูลมาในช่วงต้นสัปดาห์หน้า อนุกรรมการสามารถตรวจสอบและส่งผลการตรวจสอบให้กับที่ประชุม กกต.ได้ แต่ถ้าส่งมาช้าก็ไม่ทันวันที่ 23 กรกฎาคม ที่เป็นวันครบกำหนดการขยายเวลา แต่เบื้องต้นตรวจสอบพบว่ามี ส.ส.หลายคนที่เข้าข่ายการกระทำต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ" แหล่งข่าวระบุ