ที่มา เดลินิวส์
ย้ำชัดไม่เห็นด้วยที่ตั้ง'รรท.ผบ.ตร.'ปชป.ป้องนายกฯ
"ป๋าเหนาะ"ออกโรง สอนมวย"อภิสิทธิ์"บริหารกองทัพสีกากี ย้ำไม่เห็นด้วยตั้งรักษาการแทน ผบ.ตร. ทั้งที่เจ้าของเก้าอี้ยังทำงานอยู่ในเมืองไทย ระบุโยกให้มาเข้ากรุประจำสำนักนายกฯ ยังดูดี กว่ามั่นใจเต็มร้อยการเมืองแทรกแซง แต่ยังไม่ กล้าฟันธงหลังจากนี้บ้านเมืองจะวุ่นวายหรือไม่ ขณะที่ “โฆษกปชป.” โดดป้องลูกพี่ทันควัน โต้แหลกไม่ได้ล้วงลูกตำรวจ อ้างหวังฟื้นระบบคุณธรรมกลับคืนมา ยันนายกฯ ไม่เคยคิดหนีการอภิปราย กล้าตอบทุกคำถามของฝ่ายค้าน ด้าน “พล.ต.ท.เหมราช” 1 ในอนุฯ กรรมการ สอบข้อเท็จจริงซื้อขายตำแหน่ง ระดับ “รอง ผบก.-สว.” ส่งเทียบเชิญ 5 ผบช.มาให้ข้อมูล จ่อเอกซเรย์ทุกบัญชีคลี่คลายความกระจ่าง จวกยับนักการเมือง กล่าวหา ตร.ซื้อเก้าอี้กันตั้งแต่จบรร.นรต.
สุดท้ายกลายเป็นเผือกร้อนอีกเรื่องของรัฐบาล เริ่มต้นจากคดีลอบสังหาร นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ แล้วบานปลาย กลายเข้ามาเล่นงานวงการสีกากี จนมีการแต่งตั้ง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เข้ามารักษาการแทน ผบ.ตร. ทั้งที่ ผบ.ตร.ยังปฏิบัติหน้าที่ในประเทศ นอกจากนี้ฝ่ายการเมืองยังออกมาโจมตีว่ามีการซื้อขายตำแหน่งโยกย้ายตำรวจ ล่าสุดฝ่ายค้านรีบยื่นเรื่องให้ กกต.ตรวจสอบ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ว่ามีพฤติกรรมเข้าไปก้าวก่ายแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจหรือไม่
ความคืบหน้าเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 15 ส.ค. ที่มูลนิธิบ้านเลขที่ 111 นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ นายกฯ มีคำสั่งให้ ผบ.ตร.ไปปฏิบัติภารกิจทางภาคใต้แล้วแต่งตั้งรักษาการแทนว่า เรื่องของตำรวจถือเป็นระบบราชการ ในฐานะที่ตนเคยเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของตำรวจ เมื่อครั้งที่กรมตำรวจยังอยู่ในการดูแลของกระทรวงมหาด ไทย และเปลี่ยนมาเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ขึ้นตรงกับสำนักนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าตำรวจจะขึ้นตรงกับใครก็ไม่สำคัญ แต่ไม่ควรเล่นกันอย่างนี้หากจะทำก็ทำเลย สมัยตนก็มีความจำเป็นอย่างยิ่ง จนต้องย้าย พล.ต.อ.พจน์ บุญยะจินดา อดีตอธิบดีกรมตำรวจ ในปี 2542-2543 โดยขณะนั้น พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกรัฐมนตรี
“ส่วนกรณีที่จะมีการแต่งตั้งผู้มารักษาการแทนอธิบดีหรือปลัดกระทรวงฯ มีขั้นตอนการดำเนินการอยู่แล้ว เนื่องจากหากมีภารกิจหรือเจ็บป่วยก็ต้องเป็นอำนาจที่สามารถตั้งคนมารักษาการแทน ไม่ใช่ออกคำสั่งโดยนายกฯ หรือใครก็ตาม ในเรื่องนี้ขั้นตอนการบริหารไม่ถูกต้อง ถ้าหากต้องการจะย้ายควรให้มาประจำสำนักนายกรัฐมนตรีดีกว่า”
เมื่อถามว่า การที่มีคำสั่งให้ไปช่วยราชการที่ 3 จังหวัดภาคใต้และมีคำสั่งแต่งตั้งคนรักษาราชการแทนถือว่าเหมาะสมหรือไม่ นายเสนาะ ตอบว่า การปฏิบัติภารกิจภายในประเทศไม่มีความจำเป็นที่จะแต่งตั้งบุคคลมารักษาราชการแทน นอกจากตัว ผบ.ตร.ต้องการ เนื่องจาก ผบ.ตร. สามารถโทรศัพท์เข้ามาสั่งการได้ ผู้สื่อข่าวถาม ต่อว่าจะถือว่าการกระทำของนายกฯ เป็นการแทรกแซงและขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายเสนาะ กล่าวว่า “ตนคงไม่พูดตรงนั้น” ในส่วนการตั้งกรรมการขึ้นมา สอบเรื่องซื้อขายตำแหน่งของตำรวจนั้น คิดว่าเรื่องนี้จะไปกันใหญ่เพราะภาพที่ออกมาสร้างความเสียหายจะเล่นกันเอาเป็นเอาตายเลยหรือ ถ้าจะทำกันอย่างนี้ก็คิดว่าควรตั้ง ผบ.ตร. คนใหม่และย้าย ผบ.ตร. ไปประจำสำนักนายกฯ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าเรื่องนี้มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ไม่ทราบว่าหลังจากนี้จะมีความวุ่นวายเกิดขึ้นหรือไม่
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นพ.บุรณัชย์ สมุท รักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคฝ่ายค้านออกมาโจมตีเรื่องนายอภิสิทธิ์ นายกฯ เข้าไปแทรกแซงการโยกย้ายตำรวจนั้น ขอยืนยันว่านายกฯ ต้องการเข้าไปดำเนินการฟื้นระบบคุณธรรมให้กลับคืนมาในวงการตำรวจ การกล่าวหาว่าเตรียมโยกย้ายคนของตัวเองเข้าไปเพื่อให้คุณกับการเลือกตั้งในอนาคตที่จะมีขึ้นในอนาคตนั้นจึงไม่เป็นความจริง ไม่เคยคิดทำเหมือนในอดีตที่รัฐบาลชุดที่แล้วทำ ส่วนกรณี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย จะยื่นกระทู้ถามนายกฯ ก็ไม่คิดที่จะหนีการอภิปรายแต่อย่างใด เพราะหากมีการตั้งกระทู้ถาม นายกฯ พร้อมที่จะตอบทุกครั้ง ไม่เหมือนรัฐบาลเก่าที่นายกฯ ไม่ยอมมาตอบกระทู้ถามด้วยตนเอง
ขณะเดียวกันกรณีที่มีฝ่ายการเมืองออกมาแฉว่าในโผการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจระดับ รอง ผบก.-สว.ลอตนี้ มีการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งกันจำนวนมาก จนต้องมีการตั้งกรรมการตรวจสอบนั้น เกี่ยวกับเรื่องนี้ พล.ต.ท.เหมราช ธารีไทย คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งเป็น 1 ในคณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องการซื้อขายตำแหน่ง ข้าราชการตำรวจในการแต่งตั้งระดับรองผู้บังคับการ (รองผบก.) จนถึงสารวัตรในวาระการปรับโครงสร้างใหม่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า นายสมศักดิ์ บุญทอง ประธานคณะอนุกรรมการได้นัดประชุมคณะอนุกรรมการทั้งหมดในวันที่ 17 ส.ค. เวลา 13.30 น. ที่สำนัก งานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งนายสมศักดิ์ จะได้กำหนดประเด็นในการสืบสวนฯ
ทั้งนี้ที่วางกันไว้จะมองตั้งแต่ใครเกี่ยวข้องในการทำบัญชีแต่งตั้งบ้าง เริ่มตั้งแต่ที่ ผบ.ตร.สั่งให้ทุกกองบัญชาการ ทำบัญชีเสนอขึ้นมาให้ ตร. พิจารณา ซึ่งตรงนี้เองต้องไล่ตรวจสอบเทียบเคียงบัญชีกันว่า บัญชีแต่งตั้งที่แต่ละกองบัญชาการเสนอบัญชีมานั้น เสนอใครแต่งตั้ง โยกย้ายบ้าง และเมื่อมาถึงระดับ ตร.มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร จุดใด เพราะเหตุใด ตรงนี้ต้องเอาบัญชีแต่งตั้งที่ทำไว้แล้วมาพิจารณากัน ดังนั้นในการประชุมวันที่ 17 ส.ค.จะเชิญ “ผบช.” จำนวน 5 ท่านในพื้นที่ใกล้ ๆ มาให้ข้อมูลแก่คณะอนุกรรมการ
พล.ต.ท.เหมราช กล่าวต่อว่า การพูดถึงการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งนั้น พูดกันมานานมาก แต่ก็เป็นเรื่องที่หาหลักฐานยากและไม่มีใครยอมรับ มีแต่พูดกัน วิจารณ์กันไป แต่ในฐานะคณะอนุกรรมการก็ไม่หนักใจในการทำหน้าที่ตรวจสอบ โดยจะหาความจริงให้ได้ ต้องตรวจสอบทุกประเด็น ที่มีการกล่าวหา รวมทั้งเรื่องที่มี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้ระบุถึงการซื้อตำแหน่งกันในหลักหลายล้านบาท แต่กรอบการทำงานของคณะทำงานจะตรวจสอบเพียงการแต่งตั้ง “รอง ผบก.-สารวัตร” ครั้งนี้เท่านั้น ระดับนายพลที่ผ่านไปสมบูรณ์แล้วและไม่มีการวิจารณ์แต่อย่างใด
“เรื่องนี้คนที่ออกมาพูดมากล่าวหาเป็นฝ่ายการเมือง บางเรื่องก็พูดเกินความจริง อย่างเช่นที่ออกมากล่าวหาว่าตำรวจเริ่มซื้อขายตำแหน่งตั้งแต่จบจากโรงเรียนนายร้อย ผมอยู่โรงเรียนนายร้อยตำรวจมา 17 ปีต้องขอบอกว่าเรื่องที่กล่าวหามดเท็จทั้งสิ้น การออกมาพูดแบบนี้ไม่รับผิดชอบและไม่รู้จริง ความจริงนักเรียนนายร้อยตำรวจเมื่อจบออกมาจะเลือกที่ทำงานตามคะแนน ตามผลการเรียน คนที่ได้ลำดับต้น ๆ ก็มีสิทธิเลือกก่อน ไล่เลียงกันไป ไม่มีการซื้อขายตำแหน่งอย่างที่กล่าวหา” พล.ต.ท.เหมราช กล่าวทิ้งท้าย.