WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Sunday, August 16, 2009

'เหนาะ'ออกโรงสอน'มาร์ค'

ที่มา เดลินิวส์

ย้ำชัดไม่เห็นด้วยที่ตั้ง'รรท.ผบ.ตร.'ปชป.ป้องนายกฯ

"ป๋าเหนาะ"ออกโรง สอนมวย"อภิสิทธิ์"บริหารกองทัพสีกากี ย้ำไม่เห็นด้วยตั้งรักษาการแทน ผบ.ตร. ทั้งที่เจ้าของเก้าอี้ยังทำงานอยู่ในเมืองไทย ระบุโยกให้มาเข้ากรุประจำสำนักนายกฯ ยังดูดี กว่ามั่นใจเต็มร้อยการเมืองแทรกแซง แต่ยังไม่ กล้าฟันธงหลังจากนี้บ้านเมืองจะวุ่นวายหรือไม่ ขณะที่ “โฆษกปชป.” โดดป้องลูกพี่ทันควัน โต้แหลกไม่ได้ล้วงลูกตำรวจ อ้างหวังฟื้นระบบคุณธรรมกลับคืนมา ยันนายกฯ ไม่เคยคิดหนีการอภิปราย กล้าตอบทุกคำถามของฝ่ายค้าน ด้าน “พล.ต.ท.เหมราช” 1 ในอนุฯ กรรมการ สอบข้อเท็จจริงซื้อขายตำแหน่ง ระดับ “รอง ผบก.-สว.” ส่งเทียบเชิญ 5 ผบช.มาให้ข้อมูล จ่อเอกซเรย์ทุกบัญชีคลี่คลายความกระจ่าง จวกยับนักการเมือง กล่าวหา ตร.ซื้อเก้าอี้กันตั้งแต่จบรร.นรต.

สุดท้ายกลายเป็นเผือกร้อนอีกเรื่องของรัฐบาล เริ่มต้นจากคดีลอบสังหาร นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ แล้วบานปลาย กลายเข้ามาเล่นงานวงการสีกากี จนมีการแต่งตั้ง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เข้ามารักษาการแทน ผบ.ตร. ทั้งที่ ผบ.ตร.ยังปฏิบัติหน้าที่ในประเทศ นอกจากนี้ฝ่ายการเมืองยังออกมาโจมตีว่ามีการซื้อขายตำแหน่งโยกย้ายตำรวจ ล่าสุดฝ่ายค้านรีบยื่นเรื่องให้ กกต.ตรวจสอบ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ว่ามีพฤติกรรมเข้าไปก้าวก่ายแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจหรือไม่

ความคืบหน้าเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 15 ส.ค. ที่มูลนิธิบ้านเลขที่ 111 นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ นายกฯ มีคำสั่งให้ ผบ.ตร.ไปปฏิบัติภารกิจทางภาคใต้แล้วแต่งตั้งรักษาการแทนว่า เรื่องของตำรวจถือเป็นระบบราชการ ในฐานะที่ตนเคยเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของตำรวจ เมื่อครั้งที่กรมตำรวจยังอยู่ในการดูแลของกระทรวงมหาด ไทย และเปลี่ยนมาเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ขึ้นตรงกับสำนักนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าตำรวจจะขึ้นตรงกับใครก็ไม่สำคัญ แต่ไม่ควรเล่นกันอย่างนี้หากจะทำก็ทำเลย สมัยตนก็มีความจำเป็นอย่างยิ่ง จนต้องย้าย พล.ต.อ.พจน์ บุญยะจินดา อดีตอธิบดีกรมตำรวจ ในปี 2542-2543 โดยขณะนั้น พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกรัฐมนตรี

“ส่วนกรณีที่จะมีการแต่งตั้งผู้มารักษาการแทนอธิบดีหรือปลัดกระทรวงฯ มีขั้นตอนการดำเนินการอยู่แล้ว เนื่องจากหากมีภารกิจหรือเจ็บป่วยก็ต้องเป็นอำนาจที่สามารถตั้งคนมารักษาการแทน ไม่ใช่ออกคำสั่งโดยนายกฯ หรือใครก็ตาม ในเรื่องนี้ขั้นตอนการบริหารไม่ถูกต้อง ถ้าหากต้องการจะย้ายควรให้มาประจำสำนักนายกรัฐมนตรีดีกว่า”

เมื่อถามว่า การที่มีคำสั่งให้ไปช่วยราชการที่ 3 จังหวัดภาคใต้และมีคำสั่งแต่งตั้งคนรักษาราชการแทนถือว่าเหมาะสมหรือไม่ นายเสนาะ ตอบว่า การปฏิบัติภารกิจภายในประเทศไม่มีความจำเป็นที่จะแต่งตั้งบุคคลมารักษาราชการแทน นอกจากตัว ผบ.ตร.ต้องการ เนื่องจาก ผบ.ตร. สามารถโทรศัพท์เข้ามาสั่งการได้ ผู้สื่อข่าวถาม ต่อว่าจะถือว่าการกระทำของนายกฯ เป็นการแทรกแซงและขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายเสนาะ กล่าวว่า “ตนคงไม่พูดตรงนั้น” ในส่วนการตั้งกรรมการขึ้นมา สอบเรื่องซื้อขายตำแหน่งของตำรวจนั้น คิดว่าเรื่องนี้จะไปกันใหญ่เพราะภาพที่ออกมาสร้างความเสียหายจะเล่นกันเอาเป็นเอาตายเลยหรือ ถ้าจะทำกันอย่างนี้ก็คิดว่าควรตั้ง ผบ.ตร. คนใหม่และย้าย ผบ.ตร. ไปประจำสำนักนายกฯ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าเรื่องนี้มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ไม่ทราบว่าหลังจากนี้จะมีความวุ่นวายเกิดขึ้นหรือไม่

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นพ.บุรณัชย์ สมุท รักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคฝ่ายค้านออกมาโจมตีเรื่องนายอภิสิทธิ์ นายกฯ เข้าไปแทรกแซงการโยกย้ายตำรวจนั้น ขอยืนยันว่านายกฯ ต้องการเข้าไปดำเนินการฟื้นระบบคุณธรรมให้กลับคืนมาในวงการตำรวจ การกล่าวหาว่าเตรียมโยกย้ายคนของตัวเองเข้าไปเพื่อให้คุณกับการเลือกตั้งในอนาคตที่จะมีขึ้นในอนาคตนั้นจึงไม่เป็นความจริง ไม่เคยคิดทำเหมือนในอดีตที่รัฐบาลชุดที่แล้วทำ ส่วนกรณี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย จะยื่นกระทู้ถามนายกฯ ก็ไม่คิดที่จะหนีการอภิปรายแต่อย่างใด เพราะหากมีการตั้งกระทู้ถาม นายกฯ พร้อมที่จะตอบทุกครั้ง ไม่เหมือนรัฐบาลเก่าที่นายกฯ ไม่ยอมมาตอบกระทู้ถามด้วยตนเอง

ขณะเดียวกันกรณีที่มีฝ่ายการเมืองออกมาแฉว่าในโผการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจระดับ รอง ผบก.-สว.ลอตนี้ มีการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งกันจำนวนมาก จนต้องมีการตั้งกรรมการตรวจสอบนั้น เกี่ยวกับเรื่องนี้ พล.ต.ท.เหมราช ธารีไทย คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งเป็น 1 ในคณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องการซื้อขายตำแหน่ง ข้าราชการตำรวจในการแต่งตั้งระดับรองผู้บังคับการ (รองผบก.) จนถึงสารวัตรในวาระการปรับโครงสร้างใหม่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า นายสมศักดิ์ บุญทอง ประธานคณะอนุกรรมการได้นัดประชุมคณะอนุกรรมการทั้งหมดในวันที่ 17 ส.ค. เวลา 13.30 น. ที่สำนัก งานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งนายสมศักดิ์ จะได้กำหนดประเด็นในการสืบสวนฯ

ทั้งนี้ที่วางกันไว้จะมองตั้งแต่ใครเกี่ยวข้องในการทำบัญชีแต่งตั้งบ้าง เริ่มตั้งแต่ที่ ผบ.ตร.สั่งให้ทุกกองบัญชาการ ทำบัญชีเสนอขึ้นมาให้ ตร. พิจารณา ซึ่งตรงนี้เองต้องไล่ตรวจสอบเทียบเคียงบัญชีกันว่า บัญชีแต่งตั้งที่แต่ละกองบัญชาการเสนอบัญชีมานั้น เสนอใครแต่งตั้ง โยกย้ายบ้าง และเมื่อมาถึงระดับ ตร.มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร จุดใด เพราะเหตุใด ตรงนี้ต้องเอาบัญชีแต่งตั้งที่ทำไว้แล้วมาพิจารณากัน ดังนั้นในการประชุมวันที่ 17 ส.ค.จะเชิญ “ผบช.” จำนวน 5 ท่านในพื้นที่ใกล้ ๆ มาให้ข้อมูลแก่คณะอนุกรรมการ

พล.ต.ท.เหมราช กล่าวต่อว่า การพูดถึงการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งนั้น พูดกันมานานมาก แต่ก็เป็นเรื่องที่หาหลักฐานยากและไม่มีใครยอมรับ มีแต่พูดกัน วิจารณ์กันไป แต่ในฐานะคณะอนุกรรมการก็ไม่หนักใจในการทำหน้าที่ตรวจสอบ โดยจะหาความจริงให้ได้ ต้องตรวจสอบทุกประเด็น ที่มีการกล่าวหา รวมทั้งเรื่องที่มี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้ระบุถึงการซื้อตำแหน่งกันในหลักหลายล้านบาท แต่กรอบการทำงานของคณะทำงานจะตรวจสอบเพียงการแต่งตั้ง “รอง ผบก.-สารวัตร” ครั้งนี้เท่านั้น ระดับนายพลที่ผ่านไปสมบูรณ์แล้วและไม่มีการวิจารณ์แต่อย่างใด

“เรื่องนี้คนที่ออกมาพูดมากล่าวหาเป็นฝ่ายการเมือง บางเรื่องก็พูดเกินความจริง อย่างเช่นที่ออกมากล่าวหาว่าตำรวจเริ่มซื้อขายตำแหน่งตั้งแต่จบจากโรงเรียนนายร้อย ผมอยู่โรงเรียนนายร้อยตำรวจมา 17 ปีต้องขอบอกว่าเรื่องที่กล่าวหามดเท็จทั้งสิ้น การออกมาพูดแบบนี้ไม่รับผิดชอบและไม่รู้จริง ความจริงนักเรียนนายร้อยตำรวจเมื่อจบออกมาจะเลือกที่ทำงานตามคะแนน ตามผลการเรียน คนที่ได้ลำดับต้น ๆ ก็มีสิทธิเลือกก่อน ไล่เลียงกันไป ไม่มีการซื้อขายตำแหน่งอย่างที่กล่าวหา” พล.ต.ท.เหมราช กล่าวทิ้งท้าย.