ที่มา บางกอกทูเดย์
นาทีนี้ต้องพูดถึงเรื่อง “คอร์รัปชั่น” ถึงจะอินเทรนด์!!ก็แหม!! อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ตั้งใจบริหารการโยกย้ายซะจนลืมเรื่องสำคัญอะไรไปบางอย่างโดยเฉพาะ “นักการเมือง” ภายในรัฐบาลประเภท“ปลิงดูดเลือด” ที่ตั้งท่า “สูบ” กันเป็น “เส้นหมี่เตี๊ยว”สูบแบบรวดเดียวจบ!! และก็สำลักไม่เป็นท่า ส่งกลิ่นโฉ่..ประจานตัวเองนักการเมือง ข้าราชการระดับสูงอยู่ในกลุ่มต้อง“สงสัย” มากที่สุดเพราะมีอำนาจบริหารงบประมาณเกือบจะเบ็ดเสร็จเด็ดขาด หรือหากไม่มีอำนาจในกองเงิน แต่ก็มี “ตำแหน่ง”เป็นตัวต่อรองทุจริต!! มีฝังอยู่ในบุคคลทุกชนชั้น ทุกระดับ โกงมากโกงน้อย ขึ้นอยู่กับ “บารมี”ระบบบริหารของไทยมี 2 รูปแบบ คือ 1. พวกมากลากไป2. อุปถัมภ์ค้ำจุนคนของตัวเองทั้ง 2 รูปแบบกลายเป็นวัฒนธรรม “ฝังรากลึก”..หากเป็นผ้าขาวก็กลายเป็นผ้าขาวหม่นเกือบเทาไปแล้วสาเหตุเพราะ การบริหารงานมีความเกี่ยวพันและส่งเสริมกันเอง โดยไม่คำนึงถึง “ความเหมาะสม”“คนดีไม่มีที่อยู่” คำกล่าวที่มีอยู่จริงในยุคสมัยที่ “เงินเป็นของนอกกาย แต่กว่าจะหาได้ก็เกือบตายเหมือนกัน”ข้าราชการผู้ใต้บังคับบัญชาต้องทำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาไม่ว่าคำสั่งนั้นจะไม่เข้าท่าก็ตาม ซึ่งหากผู้ใต้บังคับบัญชา“แตกแถว”ผลที่ตามมา คือ ความไม่ปลอดภัยของหน้าที่การงานถึงร้ายแรงที่สุด คือ อันตรายต่อชีวิตรูปแบบ “ผู้บังคับบัญชา” เป็นใหญ่...วัฒนธรรมอิทธิพล“ข่มผู้น้อย” เลยกลายเป็น “ตัวสนับสนุน” ให้ข้าราชการระดับสูง “ผันงบเข้ากระเป๋า” ตัวเอง ได้แบบไม่ยากเย็น“ไม่พอกิน” ประเภทนี้ “น่าเห็นใจ” หลายหน่วยงานหลายหน้าที่ที่มีอำนาจความรับผิดชอบสูง หน้าตาในสังคมก็อยู่ในกลุ่มสูง แต่รายได้ต่ำมากความไม่สมดุลของหน้าตาในสังคมกับรายได้ เป็นแรงจูงใจต่อการทุจริต ส่วนอำนาจเป็นช่องทางของการทุจริตอย่าว่าแต่ข้าราชการ...พนักงาน...บริษัทเอกชนก็อดอยากปากแห้งไม่ต่างกัน บางคนทนไม่ไหวก็ต้อง “ทุจริต” ให้ต้องรับกรรมกระเด็นออกจากบริษัท “อดอยาก” หนักกว่าเดิมบางคน “ลอยนวล” กระทำผิดคิดคดโกงรอบแรกเพื่อ
“อยู่รอด” แต่ติดใจเลยโกง “รอบสอง” เพราะว่า “โลภมาก”งานนี้ไม่มีลอยนวลเข้าซังเตกินข้าวแดงเรียบร้อยทว่า “เส้นใหญ่-แบ็กหนา”..ก็ออกมาดื่มน้ำชาชมพระจันทร์เหมือนเดิมสังคมไทยไว้ใจไม่ได้เพราะมีวัฒนธรรม คนเส้นใหญ่คับฟ้าบารมีคับเมือง ทำอะไรก็ “ถูกต้อง” คร้าบ!!!ส่วนประเภท “เงินหนา-พุงโต” พวกนี้เหลือกิน-เหลือใช้แต่ “กินไม่พอ” คือ ไม่รู้จักอิ่ม ไม่รู้จักพอ ..ยิ่งโกงได้ กินได้ก็กินไม่ยั้ง!!หากไม่ผันงบใส่กระเป๋าก็เอามาใช้บังหน้า...เอาเป็นว่าลองไปคิดดู อย่างเช่น “เรื่องงบดูงานต่างประเทศ” ถือว่าเป็นการเข้าข่าย “อีหรอบนี้” หรือไม่สรุปง่ายๆ ก็คือ “คอร์รัปชั่น” มันฝังเข้ากระแสเลือด!!รัฐบาล ผู้กุมอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด จะต้องไม่เลียนแบบพฤติกรรรม “กินไม่พอ” เหล่านี้ ให้เกิดเป็น “ข้อครหา”หรือกระทำผิดจนเกิดความเคยชินติดเป็นนิสัยดังนั้น “รัฐบาล” ควรหันกลับมามองและใส่ใจกับบุคคลที่คิดและกระทำการ “คอร์รัปชั่น” ...หันมาร่วมมือแสดงฝีมือปราบพวก “คอร์รัปชั่น” ให้ “สิ้นซาก” จะดีกว่าอย่าหวังให้คนดีช่วยตัวเอง เพราะคนดีอยู่ไม่ได้ในสังคม “คนขี้โกงครองเมือง”สำคัญที่สุด พี่น้องประชาชนอย่าฝันถึงว่าจะมีอัศวินขี่ม้าขาวมาช่วยแก้ปัญหา ทุกๆ คนต้องช่วยกัน “กำจัด”แม้ว่าประชาชนจะมีจำนวนมาก แต่ค่อนข้าง เสียงเบา โดยเฉพาะในประเทศไทยที่กลุ่ม “ผู้มีอำนาจ” ยังเป็นใหญ่ ตั้งตนเป็นผู้ครอบครองเมืองที่ผ่านมา...ข้อเท็จจริงในสังคมบ้านเราชี้ให้เห็นแล้วว่า บทลงโทษทางกฎหมาย อาจไม่ได้ช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแต่บางที...บทลงโทษทางสังคมที่มาจากแรง “กดดัน”อาจช่วยให้ “การคอร์รัปชั่น” จากนักการเมือง-ข้าราชการระดับสูงลดน้อยถอยลงบ้าง..ไม่มากก็น้อย!!!