WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Friday, August 21, 2009

ไม่พอกิน VS กินไม่พอ

ที่มา บางกอกทูเดย์

นาทีนี้ต้องพูดถึงเรื่อง “คอร์รัปชั่น” ถึงจะอินเทรนด์!!ก็แหม!! อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ตั้งใจบริหารการโยกย้ายซะจนลืมเรื่องสำคัญอะไรไปบางอย่างโดยเฉพาะ “นักการเมือง” ภายในรัฐบาลประเภท“ปลิงดูดเลือด” ที่ตั้งท่า “สูบ” กันเป็น “เส้นหมี่เตี๊ยว”สูบแบบรวดเดียวจบ!! และก็สำลักไม่เป็นท่า ส่งกลิ่นโฉ่..ประจานตัวเองนักการเมือง ข้าราชการระดับสูงอยู่ในกลุ่มต้อง“สงสัย” มากที่สุดเพราะมีอำนาจบริหารงบประมาณเกือบจะเบ็ดเสร็จเด็ดขาด หรือหากไม่มีอำนาจในกองเงิน แต่ก็มี “ตำแหน่ง”เป็นตัวต่อรองทุจริต!! มีฝังอยู่ในบุคคลทุกชนชั้น ทุกระดับ โกงมากโกงน้อย ขึ้นอยู่กับ “บารมี”ระบบบริหารของไทยมี 2 รูปแบบ คือ 1. พวกมากลากไป2. อุปถัมภ์ค้ำจุนคนของตัวเองทั้ง 2 รูปแบบกลายเป็นวัฒนธรรม “ฝังรากลึก”..หากเป็นผ้าขาวก็กลายเป็นผ้าขาวหม่นเกือบเทาไปแล้วสาเหตุเพราะ การบริหารงานมีความเกี่ยวพันและส่งเสริมกันเอง โดยไม่คำนึงถึง “ความเหมาะสม”“คนดีไม่มีที่อยู่” คำกล่าวที่มีอยู่จริงในยุคสมัยที่ “เงินเป็นของนอกกาย แต่กว่าจะหาได้ก็เกือบตายเหมือนกัน”ข้าราชการผู้ใต้บังคับบัญชาต้องทำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาไม่ว่าคำสั่งนั้นจะไม่เข้าท่าก็ตาม ซึ่งหากผู้ใต้บังคับบัญชา“แตกแถว”ผลที่ตามมา คือ ความไม่ปลอดภัยของหน้าที่การงานถึงร้ายแรงที่สุด คือ อันตรายต่อชีวิตรูปแบบ “ผู้บังคับบัญชา” เป็นใหญ่...วัฒนธรรมอิทธิพล“ข่มผู้น้อย” เลยกลายเป็น “ตัวสนับสนุน” ให้ข้าราชการระดับสูง “ผันงบเข้ากระเป๋า” ตัวเอง ได้แบบไม่ยากเย็น“ไม่พอกิน” ประเภทนี้ “น่าเห็นใจ” หลายหน่วยงานหลายหน้าที่ที่มีอำนาจความรับผิดชอบสูง หน้าตาในสังคมก็อยู่ในกลุ่มสูง แต่รายได้ต่ำมากความไม่สมดุลของหน้าตาในสังคมกับรายได้ เป็นแรงจูงใจต่อการทุจริต ส่วนอำนาจเป็นช่องทางของการทุจริตอย่าว่าแต่ข้าราชการ...พนักงาน...บริษัทเอกชนก็อดอยากปากแห้งไม่ต่างกัน บางคนทนไม่ไหวก็ต้อง “ทุจริต” ให้ต้องรับกรรมกระเด็นออกจากบริษัท “อดอยาก” หนักกว่าเดิมบางคน “ลอยนวล” กระทำผิดคิดคดโกงรอบแรกเพื่อ

“อยู่รอด” แต่ติดใจเลยโกง “รอบสอง” เพราะว่า “โลภมาก”งานนี้ไม่มีลอยนวลเข้าซังเตกินข้าวแดงเรียบร้อยทว่า “เส้นใหญ่-แบ็กหนา”..ก็ออกมาดื่มน้ำชาชมพระจันทร์เหมือนเดิมสังคมไทยไว้ใจไม่ได้เพราะมีวัฒนธรรม คนเส้นใหญ่คับฟ้าบารมีคับเมือง ทำอะไรก็ “ถูกต้อง” คร้าบ!!!ส่วนประเภท “เงินหนา-พุงโต” พวกนี้เหลือกิน-เหลือใช้แต่ “กินไม่พอ” คือ ไม่รู้จักอิ่ม ไม่รู้จักพอ ..ยิ่งโกงได้ กินได้ก็กินไม่ยั้ง!!หากไม่ผันงบใส่กระเป๋าก็เอามาใช้บังหน้า...เอาเป็นว่าลองไปคิดดู อย่างเช่น “เรื่องงบดูงานต่างประเทศ” ถือว่าเป็นการเข้าข่าย “อีหรอบนี้” หรือไม่สรุปง่ายๆ ก็คือ “คอร์รัปชั่น” มันฝังเข้ากระแสเลือด!!รัฐบาล ผู้กุมอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด จะต้องไม่เลียนแบบพฤติกรรรม “กินไม่พอ” เหล่านี้ ให้เกิดเป็น “ข้อครหา”หรือกระทำผิดจนเกิดความเคยชินติดเป็นนิสัยดังนั้น “รัฐบาล” ควรหันกลับมามองและใส่ใจกับบุคคลที่คิดและกระทำการ “คอร์รัปชั่น” ...หันมาร่วมมือแสดงฝีมือปราบพวก “คอร์รัปชั่น” ให้ “สิ้นซาก” จะดีกว่าอย่าหวังให้คนดีช่วยตัวเอง เพราะคนดีอยู่ไม่ได้ในสังคม “คนขี้โกงครองเมือง”สำคัญที่สุด พี่น้องประชาชนอย่าฝันถึงว่าจะมีอัศวินขี่ม้าขาวมาช่วยแก้ปัญหา ทุกๆ คนต้องช่วยกัน “กำจัด”แม้ว่าประชาชนจะมีจำนวนมาก แต่ค่อนข้าง เสียงเบา โดยเฉพาะในประเทศไทยที่กลุ่ม “ผู้มีอำนาจ” ยังเป็นใหญ่ ตั้งตนเป็นผู้ครอบครองเมืองที่ผ่านมา...ข้อเท็จจริงในสังคมบ้านเราชี้ให้เห็นแล้วว่า บทลงโทษทางกฎหมาย อาจไม่ได้ช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแต่บางที...บทลงโทษทางสังคมที่มาจากแรง “กดดัน”อาจช่วยให้ “การคอร์รัปชั่น” จากนักการเมือง-ข้าราชการระดับสูงลดน้อยถอยลงบ้าง..ไม่มากก็น้อย!!!