ที่มา บางกอกทูเดย์
จากวันมหาวิปโยค..การโค่นลงของ..เผด็จการจอมพลถนอม กิตติขจร และ จอมพลประภาสจารุเสถียร..ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าหายนะของเผด็จการในครั้งนั้น..เป็นผลงานของมหาวิทยาลัยและคนรุ่นใหม่ในรอบรั้วการโค่นล้ม..ของอำนาจเผด็จการ รสช.มหาวิทยาลัยทั้งธรรมศาสตร์และจุฬาฯ..แทบจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องผูกพัน..ไม่ว่าในส่วนที่เป็นครูบาอาจารย์..กับคนในรอบรั้วน่าศึกษากันหรือไม่ว่า..ทำไม..มหาวิทยาลัย ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นป้อมค่ายทางวิชาการ..เป็นปราการแห่งความถูกต้องเที่ยงธรรม..และ เป็นพลังที่ฉายไปให้เห็นความเจริญรุ่งเรือง แห่งอนาคต..ถึงเปลี่ยนแปลงไปว่ากันว่า..บนจุดเยือกแข็ง..น้ำจะเปลี่ยนรูปร่างไปตามภาชนะที่มันบรรจุตัวอยู่..คนก็จะเปลี่ยนแปลงปรับตัวไปตามสภาพแวดล้อม..นิสิต นักศึกษา ก็คือครูบาอาจารย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย..กับทรัพย์สินมากมายในย่านธุรกิจที่มีมูลค่าแพงที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ ได้เปลี่ยนมหาวิทยาลัยแห่งนี้ไปแล้ว
จากบทบาทของสถาบันที่สร้างผู้นำชาติ..ปัญญาชน..รัฐบาล..มีรัฐมนตรีที่ให้คุณให้โทษได้..กับฝ่ายบริหาร..หนทางที่ดีที่สุดก็คือการอยู่กับอำนาจบริหารราชการแผ่นดิน..ไม่ว่าอำนาจนั้นมันจะกำเนิดมาจาก..เผด็จการหรือประชาธิปไตย..ไม่ว่าอำนาจนั้นมันจะชั่วร้ายหรือน่าชื่นชมความอยู่รอดปลอดภัยคือคุณสมบัติที่ดีที่สุด..และมันถูกปลูกฝังลงไปในเนื้อนาดิน..ถิ่นที่เคยเป็นที่เกิดของพลังปัญญาที่สร้างชาติสิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาค..ปราศจากความสำคัญ..ชีวิตคือ..กำไรหรือขาดทุน อนิจจา..ประชาธิปไตยที่กินได้..ไม่ใช่ประชาธิปไตย..เพื่อคนทั้งแผ่นดินมีกิน..ธรรมศาสตร์..ปัจจุบัน..ที่ศิษย์เก่าแก่ทั้งหลายส่ายหน้า..ให้กับสติปัญญาของ..ผู้อาสาที่ก้มหน้าก้มตาคารวะให้กับ..ผู้ครอบครองอำนาจ..รายได้จากการเป็นสถาบันผู้ผลิต..และปริญญาบัตรที่ใช้แลกได้กับงานดีๆ เปลี่ยนมหาวิทยาลัยแห่งนี้..ไปจากประวัติศาสตร์ที่ควรแก่การจดจำจาก 19 กันยายนมาจนถึงวันนี้..ประเทศนี้เสื่อมโทรมมากมาย..ผู้เข้ามากอบกู้แก้ไข..กลายเป็นชนชั้นรากหญ้า..ชาวประชาแท็กซี่..ฯลฯ หรือว่า..ความมั่งคั่งของมหาวิทยาลัย..กลายเป็นหายนะทางการศึกษา..ท่านทั้งหลายจะผลิตกันแต่พ่อค้า..กับหมอที่รักษาอยู่กับคลินิกไม่ใช่โรงพยาบาล..ฯลฯท่านลืมกันไปว่า..ปณิธานในวันเริ่มต้นของการเป็นมหาวิทยาลัยนั้น..มันอยู่ตรงกันข้ามกับวันนี้ ■