WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, August 18, 2009

จ้อนผิดคิวคุมDSIลุยจับต่างชาติกว้านซื้อที่นา ลืมตะครุบมาร์คซุ่มเซ็นสัญญาขายชาติอยู่ทำเนียบ

ที่มา Thai E-News


เรียกต่างกัน-นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ต้อนรับนายกรัฐมนตรีบาห์เรนที่เสด็จเยือนไทย และมีข้อตกลงคอนแทร็คฟาร์มมิ่ง หรือให้ชาวนาไทยเป็นลูกไร่ ทำนาทำการเกษตรป้อนให้กับบาห์เรน หากทักษิณทำเรื่องเดียวกันนี้เรียกกันว่า"ขายชาติ"

โดย มร.อินไซเดอร์
ที่มา นิตยสารแนวร่วมRED รายสัปดาห์
18 สิงหาคม 2552

กลายเป็นเรื่องหัวร่อมิได้ ร้องไห้มิออก ได้แต่กลอกตาอีกแล้วครับท่าน ก็เรื่องรัฐบาลหุ่นเชิดจ้องเล่นงานคุณทักษิณ ชินวัตร หาว่าชักชวนแขกซาอุฯมากว้านซื้อที่นา พยายามสร้างเรื่องว่าทักษิณขายชาตินั่นแหละ เอาไปเอามานายกฯมาร์คแอบจับมือทำสัญญาขายชาติกับมหาเศรษฐีน้ำมันบาห์เรนไปซะงั้น...เวรของกรรม!

เรื่องนี้ที่มาที่ไปก็ตอนที่อดีตนายกฯทักษิณได้กลับประเทศไทยหนล่าสุดนั่นแหละครับ ก็มีใจอยากช่วยชาวนา ทำยังไงให้ปลูกข้าวแล้วขายได้ราคา ไม่ปล่อยตามยถากรรม

อาศัยความที่ว่ามีสายสัมพันธ์อันดีกับเศษฐีแขกขายน้ำมัน เลยพามหาเศรษฐีซาอุฯบินมาดูลู่ทางที่สุพรรณบุรี จะได้ทำสัญญารับซื้อข้าวล่วงหน้าให้ได้ขายเกวียนละแพงๆ ผลประโยชน์ตกทั้งสองฝ่าย คือทางชาวนาก็จะได้รู้ว่าปลูกข้าวแล้วจะมีตลาดส่งขายแน่ๆ ราคาก็ตกลงกันไว้ในราคาที่ชาวนาพึงพอใจ ส่วนเศรษฐีแขกซาอุฯก็รับประกันซ่อมฟรีว่ามีข้าวกินแน่ๆ

โอ้โห!เป็นเรื่องยกใหญ่ ทั้งนักการเมืองฝ่ายรัฐบาล ทั้งสื่อสารมวลชนสายโจร ทั้งผู้รักชาติจนตัวสั่นออกมาดิ้นเร่าๆว่าทักษิณทำแบบนี้มันเข้าข่ายขายชาตินี่หว่า

จากนั้นก็ออกข่าวใหญ่โตว่าตาสีตาสายายมาป้าเมี้ยนพากันขายที่นาให้ต่างชาติ หรือพวกเมียฝรั่งกลายเป็นนอมินีให้ฝรั่งอั้งม้อเข้ามากว้านซื้อที่นา ถึงขั้นต้องให้ตำรวจสืบสวนคดีพิเศษ(DSI)ลุยจับชาวนาล้างบาง กะจะกระทบชิ่งเอาให้ทักษิณงอมพระรามไปอีกเรื่อง

คนรับบทนี้ไม่มีใครถนัดไปเกิน”เสี่ยจ้อน”อลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ มือตามล่าทักษิณทั่วมุมโลก(แต่แห้วทุกที่เหมือนกัน...ฮา!)

ล่าสุดเสี่ยจ้อนข้ามกระทรวงมาสั่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และสมาคมชาวนาไทยให้ลุยถั่วเรื่องนี้ โดยเพิ่งจัดประชุมกันไปเมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมานี้ อ้างว่า หลังจากมีกระแสข่าวว่ามีชาวต่างชาติเข้ามากว้านซื้อและเช่าพื้นที่ทำนา ซึ่งถือว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ผิดต่อกฏหมายการประกอบธุรกิจของ คนต่างด้าวปี 2542 ที่กำหนดการทำนา เป็นอาชีพสงวน ให้สำหรับคนไทย โดยชาวต่างชาติไม่มีสิทธิที่จะเข้าทำนา

อย่างไรก็ตามในรายละเอียด เข้าตรวจสอบโดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้าที่ต้องตรวจสอบงบดุลของนิติบุคคล จำนวน 5 แสนราย ซึ่งได้จัดแบ่งหมวดหมู่และกลั่นกรองการจดทะเบียนในลักษณะเช่าและซื้อที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ที่มีต่างชาติถือหุ้นอยู่จำนวน 3 หมื่นราย และได้ดำเนินการคัดกรองเหลือ 300 ราย และได้ตรวจสอบแล้ว 200 ราย เหลือเพียงอีก 100 รายกำลังตรวจสอบอยู่ ซึ่งในเบื้องต้นยังไม่พบว่าเข้าข่ายกระทำผิดกฏหมายต่างด้าว

รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ ได้ร่วมกับ ดีเอสไอ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สมาคมชาวนาไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมที่ดินจะเริ่มเข้าตรวจสอบเรื่องดังกล่าวในเชิงลึก ซึ่งจะลงพื้นที่ตรวจสอบในภาคกลางและภาคเหนือตอนบนตั้งแต่วันที่ 11 ส.ค. เป็นต้นไป แต่ขณะนี้ยังไม่ถือว่าทุกจังหวัดเข้าข่ายกระทำผิดกฏหมาย เพียงแต่รับทราบข้อมูลในลักษณะเป็นการบอกเล่า แต่เมื่อดีเอสไอลงพื้นที่ตรวจสอบ และมีพฤติกรรมดังกล่าวจริง ก็จะโอนคดีเป็นคดีพิเศษ ซึ่งจะมีการจัดตั้งชุดปฏิบัติการพิเศษลงตรวจสอบพื้นที่ คาดว่าจะตรวจสอบเบื้องต้นให้แล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์ และเมื่อโอนเป็นคดีพิเศษ ทางดีเอสไอจะลงตรวจสอบอย่างเข้มงวด หากตรวจพบพฤติกรรมเข้าข่ายผิดกฏหมายไม่ว่าจะเป็นต่างด้าว หรือคนไทยรับเป็นนายหน้า ถือเป็นความผิดที่มีโทษจำคุก 3 ปี ปรับ 1แสนบาท ถึง 1 ล้านบาท

ด้านพ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันท์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ( ดีเอสไอ) กล่าวว่า พร้อมที่จะเข้าปฎิบัติงานเพื่อให้เกิดความกระจ่างด้วยการลงพื้นที่ตรวจสอบ ทั้งภาคกลางและภาคเหนือ ตามคำบอกเล่าจากแหล่งต่าง ๆ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจน หากเห็นว่ามีมูลความจริง ก็จะดึงเรื่องนี้เป็นคดีพิเศษ ซึ่งในเบื้องต้นคาดว่าภายใน 2 สัปดาห์ น่าจะมีความชัดเจนบางส่วน แต่ยอมรับว่า จะต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะชาวนา เพื่อให้ได้ข้อมูลมาวิเคราะห์ พฤติกรรมชาวต่างชาติ

ส่วนนายประสิทธิ์ บุญเฉย นายกสมาคมชาวนาไทย กล่าวว่า ทางกลุ่มได้รับการบอกเล่าว่ามีพฤติกรรม ชาวต่างชาติเข้ามากว้านซื้อ หรือเช่าที่ดินทำนาซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูล และพร้อมที่จะร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ เพราะหากไม่มีแนวทางการป้องกัน การทำนาในอนาคตจะเป็นของชาวต่างชาติหมดประเทศแน่นอน

เรื่องมันตลกบริโภคก็ตรงที่ว่าในวันเดียวกันนั้นเอง นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แถลงผลการหารือทวิภาคี ระหว่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีกับเชค คอลิฟะห์ บิน ซัลมาน อัล คอลิฟะห์ นายกรัฐมนตรี แห่งราชอาณาจักรบาห์เรน

ผลการหารือนั้น ไทยและบาห์เรนตกลงที่จะเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เกี่ยวกับความร่วมมือ เพื่อสร้างมั่นคงด้านอาหารและพลังงาน พร้อมกับข้อตกลงที่จะให้มีการตั้งศูนย์กระจายสินค้าไทย (TDC) หรือคลังสินค้าเกษตรที่บาห์เรน เพื่อสนองความต้องการของบาห์เรน ในการสร้างความมั่นคงด้านอาหาร เช่น ข้าว สินค้าเกษตร อาหารฮาลาล

นอกจากนี้ บาห์เรนมีความต้องการที่จะสั่งซื้อวัสดุก่อสร้างจากไทยหลายรายการ โดยเฉพาะปูนซีเมนต์ ขณะที่ไทยเองมีความต้องการสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน

ทั้งนี้ บาห์เรนได้หยิบยกประเด็นเกี่ยวกับความร่วมมือด้านการเกษตร เช่น เรื่องข้าว ซึ่งนายอภิสิทธิ์ ระบุว่า ไทยไม่ขัดข้อง แต่จะต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายไทย ซึ่งความร่วมมือน่าจะเป็นลักษณะ การทำคอนแทรคฟาร์มมิ่ง หรือการร่วมลงทุนในอุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตร

นายเกียรติ สิทธีอมร ประธานผู้แทนการค้าไทย กล่าวว่า สำหรับการจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าไทยในบาห์เรนนั้น สำนักงานผู้แทนการค้าไทยจะหารือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) โดยพิจารณาสินค้าที่บาห์เรนมีความต้องการและไทยมีรายการสินค้าใดตอบสนองได้ จากนั้นจึงค่อยมีพิจารณารูปแบบการจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้า

ทั้งนี้ ปัจจุบันบาห์เรนมีความต้องการสั่งซื้อสินค้าจากไทยหลายรายการ ทั้งอาหาร กุ้ง ไก่ สินค้าเกษตร และวัตถุดิบที่ใช้ในการก่อสร้าง เช่น ปูนซีเมนต์ โดยล่าสุดบาห์เรนมีความต้องการที่จะสั่งซื้อบ้านต้นทุนต่ำและอุปกรณ์ที่จำเป็น เช่น แอร์ เครื่องทำน้ำร้อนและเฟอร์นิเจอร์ จากไทยเป็นจำนวน 2 หมื่นยูนิต ซึ่งสำนักงานผู้แทนการค้าไทยจะหารือกับภาคเอกชนเพื่อรับออเดอร์เหล่านี้ไป ซึ่งการจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าจะช่วยเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างไทย-บาห์เรนได้หลายเท่าจากปัจจุบันไทยส่งออกเฉลี่ยปีละ 350 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

อันว่า”คอนแทร็คฟาร์มมิ่ง”นี้ฟังแล้วอาจดูดี คือเป็นประโยชน์ของ2ฝ่าย คือฝ่ายนายทุนก็มีผลิตผลมาเข้าเล้าเข้าฉางแน่นอน ฝ่ายเกษตรกรก็มีตลาดนอนแน่ และราคาก็กำหนดไว้ล่วงหน้าได้ แต่ในภาคปฏิบัติจริงร้อยทั้งร้อยชาวนาเสียเปรียบพ่อค้าครับ ยิ่งหากได้รัฐบาลที่เป็นเทวดาเทพประทาน ไม่รู้เรื่องการเกษตร หรือการค้าอย่างนี้ คิดฉวยทุกอย่างไม่ว่าสลึงหรือบาท ขนาดชื่อโครงการชุมชนพอเพียง ยังโกงซะหน้าด้านๆ

ว่าแต่พวกที่เคยออกมาต่อต้านว่าทักษิณพาแขกซาอุฯมากว้านซื้อที่นาเป็นการขายชาติทั้งหลายแหล่ ทั้งนักการเมือง ทั้งสื่อ ทั้งผู้ดีตีนบางทั้งหลาย รวมทั้งท่าน"เมธเฟอรารี่" ไม่ทราบว่าตอนนี้อมอะไรอยู่ ตอนทักษิณแค่พาซาอุมาดูงาน ทำไมดิ้นเร่าๆจะเอาเป็นเอาตาย นี่มาร์คมีข้อตกลงเป็นเรื่องเป็นราวแล้ว กลับเฉย

ส่วนเสี่ยจ้อนไหนๆก็ลงทุนแอ็คชั่นขนาดนี้แล้ว ก็ไม่ต้องไปเสียเวลาตรวจสอบ หรือตามไล่จับตาสีตาสายายมาป้าเมี้ยนว่าแกขายที่ขายชาติหรอกครับ จับเลยนายกฯมาร์คที่ทำเนียบนี่แหละทำคอนแทร็คฟาร์มมิ่ง ทำสัญญาทาสกับมหาเศรษฐีบาห์เรนไปแล้ว

ไหนๆก็ได้แอ็คอาร์ตขนาดนี้แล้ว เสี่ยจ้อนอย่าถอยนะ

ถอยนี่เสียหมาไม่รู้ด้วย