ที่มา Thai E-News
กระตุ้นเศรษฐกิจใคร?-โครงการก่อสร้างโรงพักและแฟลตตำรวจ10,000ล้านบาท ที่สตช.เสนอนายกฯอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯเป็นผู้อนุมัติให้ประมูลหนเดียว ผูกขาดรับเหมาก่อสร้างทั่วประเทศ ทำให้มีข้อกังขาว่าเปิดช่องให้นักการเมืองคอรัปชั่น
โดย Terminator 09
23 ธันวาคม 2552
หึ่ง!เทพเทือกคุมโปรเจ็กต์10,000ล้าน สร้างโรงพัก-แฟลตตำรวจทั้งประเทศ รวบอำนาจกลับสู่เงื้อมมือสะท้อนผลประโยชน์ก้อนโตแฝง ทั้งที่กู้เงินมาอ้างกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่เปิดช่องยกโครงการให้ผู้รับเหมาขาใหญ่รายเดียว แทนที่จะกระจายรายได้ไปถึงผู้รับเหมารายย่อยทั้งประเทศ แนะฟ้องศาลปกครองยุติหนทางงาบ ปลุกผู้รับเหมารายย่อย-รายกลางทั่วประเทศฮือต้าน
ตามที่ไทยอีนิวส์นำเสนอข่าว นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้อนุมัติโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจ และแฟลตตำรวจทั่วประเทศในวงเงิน10,007.88ล้านบาท โดยใช้เงินงบประมาณจากเงินกู้ อ้างว่าเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยวิธีการประกวดราคาทางอีเล็กทรอนิกส์ สัญญาเดียวทุกอาคาร ที่ส่วนกลาง ( อ่านข่าว:หึ่ง!เทือกคุมโปรเจ็กต์กู้หมื่นล้านสร้างโรงพัก-แฟลตตร. ตะลึงเปิดช่องงาบผลประโยชน์ก้อนโต )นั้น ขอนำเสนอข้อเท็จจริง และข้อสังเกตเพิ่มเติม ดังนี้
1. ในสมัยอดีตรัฐบาล ดร.ทักษิณ ชินวัตร ได้มีการกระจายอำนาจการจัดซื้อจัดจ้างของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ไปยังส่วนภูมิภาค เป็นงบผู้ว่าซีอีโอ เป็นการกระจายอำนาจจากส่วนกลางสู่ส่วนภูมิภาค ผู้รับเหมาในจังหวัดมีโอกาสได้รับงาน ของแต่ละจังหวัด ทำให้เกิดการจ้างในท้องถิ่น สะดวกและรวดเร็วในการทำงาน การแก้ปัญหาจบที่ผู้ว่าราชการจังหวัด
แต่โครงการของนายสุเทพ มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการบริหารจัดการงบประมาณของ สตช. และหน่วยงานราชการหลายแห่ง เปลี่ยนกลับมาเป็นการรวมศูนย์ มากขึ้นเป็นลำดับ ว่ากันเป็นก้อนใหญ่ๆ โตๆ เพื่อรายใหญ่ในเมืองกรุง อำนาจอยู่ที่ รัฐมนตรี ปลัดกระทรวง อย่างนี้เรียกว่าระบบอำมาตย์นิยมใช่หรือไม่ ?
2. งานก่อสร้างอาคารสถานีตำรวจ, บ้านพักอาศัย แฟลต เป็นการจัดจ้างเหมาก่อสร้าง อาคารที่กระจัดกระจายอยู่ในพื้นที่ทั่วประเทศ อุตสาหกรรมก่อสร้าง จะเกิดขึ้นคล้ายโรงงานเล็กๆ ทั่วประเทศ ข้อเท็จจริงไม่อาจดำเนินการโดยผู้รับเหมารายเดียวได้
ไม่ใช่การจัดซื้อครุภัณฑ์ ที่การจัดซื้อจำนวนวนมากๆ ซึ่งผลิตจากโรงงานแห่งเดียวกัน สามารถทำได้ในส่วนกลาง และอาจจัดซื้อได้ในราคาถูก ถ้าซื้อจำนวนมากๆ
การกล่าวอ้างให้เหตุผลเพื่อการจัดจ้างแบบรวมศูนย์จึงเป็นเรื่องเอาสีข้างเข้าถู ล้วนๆ
3. เมื่อประมาณ ปี 2537-2540 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้เคยดำเนินการในลักษณะอย่างนี้มาแล้วกับโครงการก่อสร้างอาคารโรงรมยาง ทั่วประเทศ ของกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง จำนวน 1,500 แห่ง โดยทำสัญญาเดียวทุกอาคารทั่วประเทศ กับบริษัทก่อสร้าง แห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ที่ อำเภอตันหยงมัส นราธิวาส อาคารโรงรมยางมูลค่าก่อสร้าง แห่งละ 3.7 ล้าน
ในการดำเนินการก่อสร้างมีการจ้างตัดตอน เป็นช่วงๆ หลายช่วง ผลลัพธ์คือ
-งานก่อสร้างล่าช้า ไม่แล้วเสร็จตามสัญญา เนื่องจากผู้รับจ้างตอนสุดท้าย เป็นเพียงผู้รับเหมารายแล็กๆ ในพื้นที่ ก่อสร้าง และได้ราคาที่ต่ำมากๆ จนทำไม่ได้
-โรงรมยางที่ตรวจรับกันมาใช้งานไม่ได้ตามวัตถุประสงค์ จำนวนมากมายถูกทิ้งร้างอยู่ทั่วประเทศ โดยนายสุเทพลอยนวล ประเทศชาติเสียหายหลายพันล้านบาท สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินออกมาให้ข่าวเล็กน้อยและเงียบหายไป
-ผู้รับเหมาที่ถือสัญญา ต่อมาก็เลิกกิจการเ พราะขาดทุนหนักจากค่าปรับตามสัญญา ผู้รับเหมาช่วงขาดทุนกันเป็นระนาว
ตัวอย่างความล้มเหลวของการบริหารจัดการ ของการจัดจ้างแบบรวมศูนย์ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่จัดจ้างผู้รับเหมารายเดียวทำทั้งจังหวัด ปรากฏให้เห็นหลายจังหวัด งานก็ไม่แล้วเสร็จตามสัญญา ผู้รับเหมาถูกปรับจนล้มละลาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสียหายยับ ก็ยังทำแล้วทำอีก
4. การดำเนินการจัดจ้าง สัญญาเดียว ทุกอาคารและทุกสถานที่ ทั่วประเทศ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และสำนักงบประมาณ จะเป็นการทุบหม้อข้าวของผู้รับเหมารายขนาดกลางในต่างจังหวัด ทั้งประเทศ เป็นการก่อวินาศกรรมบ่อนทำลายเศรษฐกิจการรับเหมาทั่วประเทศ เนื่องจากโครงการในลักษณะสถานีตำรวจทดแทน หรือบ้านพักแฟลตตำรวจ เป็นโครงการที่มีเจตนาทำให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั่วประเทศ พร้อมๆกัน ด้วยเม็ดเงินจำนวนมากเป็น หมื่นล้านบาท ต่อเนื่องสามปี ถึงปี 2554 แต่อาคารมีมูลค่าประมาณ 10-20 ล้านบาท ซึ่งจะเหมาะกับการประกอบการของผู้รับเหมาขนาดกลาง ในต่างจังหวัด ให้มีงานทำต่อเนื่องได้ 2-3 ปี ในระหว่างที่เศรษฐกิจถดถอย การลงทุนภาครัฐเป็นแหล่งรายได้เดียวที่มั่นคงของผู้รับเหมา
เมื่อไม่มีงานทำจะเกิดหนี้เสียของผู้ประกอบการรับเหมาอาจล้มเป็นโดมิโน ในระบบเศรษฐกิจตามมาในที่สุด
5. การกระทำของนายสุเทพ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงบประมาณ มีเจตนาแอบแฝง สวนทางกับแนวนโยบายของรัฐบาลที่ปรากฏต่อสาธารณชน คำโฆษณาประชาสัมพันธ์ของหน่วยงานรัฐ ทุกแห่ง เป็นการใช้อำนาจหน้าที่ อย่างไม่คำนึงถึงประเทศชาติแต่อย่างใด คิดแต่เรื่องผลประโยชน์แอบแฝงของตนเอง และกลุ่มเป็นที่ตั้ง บนความเสียหายของผู้อื่น และประเทศชาติ
6. ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผู้ประกอบการเกือบทุกสาขา ประสบปัญหาอย่างหนักและต่อเนื่องจากเหตุการณ์ก่อการร้าย รัฐบาลทุกรัฐบาลพยายามประคับประคองให้ผู้ประกอบการพออยู่ได้ โดยออกมาตรการส่งเสริมและสนับสนุนเป็นกรณีพิเศษ กับผู้ประกอบการ โดยเฉพาะกิจการรับเหมาก่อสร้าง อาทิเช่น มาตรการเพิ่มเงิน 5% ของราคากลาง. การต่อสัญญาจ้างให้โดยไม่ต้องเสียค่าปรับ เป็นกรณีพิเศษ สำหรับงานในสามจังหวัด , การจัดจ้าง โดยวิธีพิเศษ นายสุเทพ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กลับกระทำการสวนทาง กับนโยบายและเจตนารมณ์ของคณะรัฐมนตรี อย่างน่าละอาย หรือ รัฐบาลนี้เข้าทำอย่าง พูดอย่าง
7. ถ้าโครงการนี้ยังเดินหน้าต่อไปตามแผนของนายสุเทพ และสตช. แสดงว่าบ้านเมืองของเรานี้หมดหวังกับระบบตรวจสอบ และระบบตุลาการแล้ว
จึงขอเรียกร้องให้ผู้รับเหมาทั่วประเทศร่วมตัวกันคัดค้านโครงการนี้ของพรรคประชาธิปัตย์ และ ระบบ อำมาตย์นิยม ในการเลือกตั้งครั้งหน้าและครั้งต่อๆไป ไม่ให้พรรคการเมืองแบบนี้มาผุดเกิดในสังคมไทยอีกต่อไป นอกจากนั้นนักกฎหมายก็ต้องพยายามหาช่องทางฟ้องร้องการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐบาลแบบไม่ชอบอย่างนี้ ต่อศาลปกครองด้วย