ที่มา Thai E-News
การพูดและวิเคราะห์ทั้งหมดของหมอประเวศก็คือ การสร้างความรับรู้และปูทางความคิดให้ชนชั้นนำทั้งหลายยอมรับการรัฐประหารครั้งต่อไป ในสังคมสิ้นหวัง...ด้วยเหตุผลที่ไม่มีเหตุผล แต่เป็นเพียงเทพนิยายที่เขาสร้างขึ้นมา
โดย ยังดี โดมพระจันทร์
20 ธันวาคม 2552
เมื่อ 2-3 วันมานี้ ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย (หรือชมพูแดง) อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ที่เคยร่วมนำการเคลื่อนไหวยุค 14 ตุลา ผู้ผันตัวเองไปอยู่กับน้าชาติจนกลายเป็นนักการเมืองเนิ่นนานแล้ว ออกมาพูดในรายการของ ASTV ว่า เหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 คือความขัดแย้งหลักระหว่าง คอมมิวนิสต์กับสถาบันกษัตริย์ และหากไม่มีการปราบปรามในวันนั้น ก็จะไม่มีสถาบันอันเป็นที่รักยิ่งของเราในวันนี้
ตัวเขาเองยอมรับว่าตอนเป็นนักศึกษาต้องการโค่นล้มสถาบัน ซึ่งเขาคิดผิด...แล้วก็ปลุกระดมต่อให้ว่าขณะนี้มีพวกขบวนการล้มเจ้า ซึ่งสืบทอดมาจากคอมมิวนิสต์อกหักในฝ่ายเสื้อแดง.. บลาๆๆๆ แบ๊ะๆๆ
ที่พูดมาทั้งหมดนี้สอดรับกับหมอประเวศ อานันท์ และ กำธน สินธวานนท์ องคมนตรีที่จัดประชุมกลุ่มelite (คนชั้นสูง) เมื่อเร็วๆนี้ว่า......ประเทศไทยขาดสถาบันไม่ได้ และขณะนี้เรากำลังตกอยู่ในภาวะ "สังคมที่สิ้นหวัง" เพราะกษัตริย์อันเป็นที่สักการะเทิดทูนเป็นศูนย์รวมจิตใจ และรวมความสามัคคี เป็นที่พึ่งเพียงหนึ่งเดียวของทุกคนกำลังทรงพระประชวร
หมอประเวศวิเคราะห์ว่า สถานการณ์ใน 2-3 ปีข้างหน้านี้จะมีความวุ่นวายแตกแยกหนักหากสังคมไทยไม่มีศูนย์รวมใจ จะมีการฆ่าฟันกันจนผู้คนล้มตายจำนวนมาก เขาเองก็สิ้นหวัง จนไม่รู้จะหาหนทางทางแก้ไขอย่างไร ได้แต่ยอมรับและต้องปล่อยให้มันเป็นไป เพราะความวุ่นวายจะเป็นไปตามทฤษฏีเคออส(Chaos theory) ภายหลังความวุ่นวายสังคมไทยก็จะดีขึ้นเอง หมายความว่าต้องมีคนตายกันขนานใหญ่โดยเฉพาะคนชั้นล่างที่ปะทะกันจากการแบ่งขั้วแบ่งสี
หมอประเวศ และหลายคนในที่ประชุมตบท้ายในความเชื่อว่าเรื่องนี้....มีหมอดู(แม่นๆ) ระดับชาติทำนายทายทักไว้ตรงกัน
พวกผู้ดีและคนชั้นนำที่มาร่วมพูดคุยกัน ต่างพยักหน้ากันหงึกๆ พร้อมดวงตาสีหน้าเศร้าสร้อยเพื่อทำใจพร้อมที่จะเห็นความตายเบื้องหน้า ...แถมมีทฤษฎีรองรับ อธิบายกันเสร็จสรรพ .....นี่หมายความว่าอะไร?
จริงๆแล้วหมอประเวศและบรรดาeliteเข้าข้างสีไหนเราก็คงรู้กันอยู่แล้ว แต่มวลชนในขั้วสีที่เขาปลุกระดมให้เกิดความเกลียดชังอีกขั้วสีหนึ่งอยู่ทุกวี่ทุกวัน ที่จะต้องตายไปนี่สิทำไม? มันอะไรกัน? eliteบางคนถึงกับบอกว่าเมื่อถึงเวลานั้นให้ปิดประตูอยู่กับบ้าน อย่าออกมานอกถนน
ทฤษฎีเคออสที่ป่าวร้องกันมาหลายปีจากเวทีพันธมิตร ไปจนถึงกลุ่มศึกษาคนเดือนตุลา และอดีตฝ่ายซ้ายจำนวนหนึ่ง ซึ่งมี ดร.เทียนชัย วงศ์ชัยสุวรรณเป็นปรมาจารย์ ในที่สุดก็คือทฤษฎีแห่งความหดหู่ ที่ไม่มีใครทำอะไรได้ ปล่อยความขัดแย้ง ยุ่งเหยิงต่างๆให้เป็นไป หรือไม่ก็ร่วมปั่น ร่วมป่วน ร่วมสร้างความวุ่นวายเสียเองเพื่อรอรับสิ่งใหม่ ที่ภายหลังความวุ่นวายจะกลายเป็นความสงบ (ราบคาบ) ได้เอง.....สาธุ
การล้มตายมากๆที่หมอประเวศพูดเป็นประจำ ย่อมไม่ได้เกิดจากคนมือเปล่าๆทะเลาะกันอย่างแน่นอน ทุกยุคทุกสมัยการตายของประชาชนก็มาจากทหารตำรวจที่ถือปืน มาจากอำนาจรัฐ มาจากหน่วยสังหารที่มีการจัดตั้งและมีอาวุธครบมือโดยชนชั้นปกครองนั่นเอง
หมอประเวศออกมาพูดเรื่องนองเลือดคราใดก็ได้เรื่องทุกที เคยพูดดังๆเรื่องนี้ ขณะที่กลุ่มพันธมิตรเสื้อเหลืองกำลังรุกรบโจมตีคู่กรณีอย่างดุเดือด ก่อนหน้าการรัฐประหาร 19 กันยาไม่นาน จนหนังสือพิมพ์เกือบทุกฉบับเอาไปลงไว้ในหน้าหนึ่ง ก็เพื่อกระตุ้นรุกเร้าให้ทหารรีบออกมาทำรัฐประหาร !!!
สรุปว่าการพูดและวิเคราะห์ทั้งหมดของหมอประเวศก็คือ การสร้างความรับรู้และปูทางความคิดให้ชนชั้นนำทั้งหลายยอมรับการรัฐประหารครั้งต่อไป ในสังคมสิ้นหวัง...ด้วยเหตุผลที่ไม่มีเหตุผล แต่เป็นเพียงเทพนิยายที่เขาสร้างขึ้นมา กับทฤษฎีบ้าๆของพวกที่ทรยศต่ออุดมการณ์ประชาชน
ขณะที่มวลชนชนชั้นกรรมาชีพพึ่งตัวเองได้ ต้องการเป็นอิสระ ต้องการเสรีภาพที่จะปกครองตนเอง และเปี่ยมด้วยความหวังและอนาคต พวกเขามีความคิดที่เป็นวิทยาศาสตร์ ผ่านการพิสูจน์ทดลอง เรียนรู้บทเรียนจากอดีตและพร้อมจะต่อสู้ครั้งใหม่ ไม่ยอมให้ใครมาจูงจมูกอีกต่อไป
เพราะพวกเขาเป็นคนไม่ใช่ควาย!!