ที่มา ไทยรัฐ
พท.ชำแหละผลงานรัฐบาลรอบ 1 ปี สับแก้เศรษฐกิจเหลว ไร้ทิศทาง ทำลายจารีตการเมือง-แตกแยกหนักข้อ ยุคทุจริตคอรัปชั่นเฟื่องฟู เงินหายอื้อ พร้อมประเมินเกรดรัฐบาลสุดต่ำต้อย ...
คณะผู้บริหารและแกนนำพรรคจัดแถลงข่าว “1 ปีแห่งความล้มเหลวรัฐบาลอภิสิทธิ์ เศรษฐกิจย่อยยับ สังคมแตกแยก ทุจริตคอรัปชั่นเฟื่องฟู” โดยมี ส.ส.พรรคเพื่อไทย และประชาชนซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนเสื้อแดง เข้าร่วมฟังการแถลงข่าวอย่างคึกคัก นอกจากนี้ บริเวณห้องโถงยังมีการติดตั้งฉากข้อความเน้นย้ำความล้มเหลวของรัฐบาลในด้านต่างๆนับ 10 ฉาก
นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา สื่อหลักพาดหัวข่าวว่า 1 ปีรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี มีแต่ทรงกับทรุด ในขณะที่ความเห็นของสื่อมวลชนที่ตนมองว่ามีมุมมองที่ค่อนข้างคมนั้น ระบุว่า นายกรัฐมนตรีเป็นพรตในลัทธิเต๋า เป็นพรตในลัทธิเซน คือสูงสุดกลับคืนสู่สามัญ กระบวนท่าสูงสุดคือไร้กระบวนท่า หมายความว่า การบริหารราชการสูงสุดของรัฐบาลคือการไม่ต้องบริหาร นอกจากนี้สื่อมวลชนบางฉบับยังระบุว่า รัฐบาลมีความสามารถในการแจก แถม ให้ แต่ความสามารถในการสร้างรายได้ สร้างความสมานฉันท์นั้นไม่มี
นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงความล้มเหลวด้านเศรษฐกิจว่า รัฐบาลสร้างหนี้ให้กับประเทศไปแล้ว 530,597 ล้านบาท เงินกู้จากพรก. 4 แสนล้านบาทนำไปปิดหีบงบประมาณเพียง 5 หมื่นล้านบาท จึงมีเงินเหลือไปกระตุ้นเศรษฐกิจ 3.5 แสนล้านบาท แต่ปรากฏว่ามีเงินไปใช้ในการลงทุนจริงๆแค่ 6,892.96 ล้านบาท เท่ากับว่ารัฐบาลใช้เงินกระตุ้นเศรษฐกิจไปแค่ 5% จึงไม่ได้มีส่วนช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศฟื้นตัวได้
เรื่องการลดภาษีนั้นรัฐบาลควรจะพูดให้ชัดว่าจะมีแนวทางอย่างไร ไม่ใช่พูดอย่างเดียวแต่ไม่ดำเนินการ รวมทั้งนโยบายรัฐสวัสดิการนั้น ต้องใช้งบประมาณขนาดไหน ส่วนการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบรัฐบาลไม่ได้ศึกษารายละเอียดให้ดี หนี้จริงหนี้ปลอมมั่วกันไปหมด ขณะที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลังประเมินว่าการลงทุน 65 โครงการมาบตาพุดมีมูลค่า 2.3 แสนล้านบาทที่ถูกระงับไป ส่งผลให้จีดีพี ปี 2553 ลดลงถึงร้อยละ 0.5 สรุปว่า 1 ปีของรัฐบาลย่ำอยู่กับที่ ไม่เดินไปไหน บางกรณียังเดินถอยหลังด้วย นโยบายที่ประกาศไว้ไม่ได้ทำหรือทำบ้างแต่ไม่สำเร็จ ของเก่าไม่ทำ แต่ของใหม่ก็ยังพูดไปเรื่อย และถ้าดูข้อมูลจากไอเอ็มเอฟ และเอดีบีที่ได้รับความเชื่อถือนั้น ยังบอกว่าการฟื้นตัวของไทยในปี 2553 ต่ำสุดในภูมิภาค และจีดีพีขยายตัวเปรียบเทียบกับประเทศในกลุ่มอาเซียนแล้ว ตัวเลขของไทยติดลบมากที่สุด ทั้งๆ ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาน้อยที่สุด
นายวิทยา บุรณศิริ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน กล่าวถึงความล้มเหลวในนโยบายด้านการเมืองของรัฐบาลว่า ปัญหามาจากกระบวนการเข้าสู่อำนาจของรัฐบาลชุดนี้ไม่ชอบธรรม ไม่ใช่พรรคที่มีเสียงข้างมากที่สุดในสภา เป็นการทำลายจารีตประเพณี เกิดการทรยศหักหลังและเกิดงูเห่า จนเป็นประเพณีใหม่ เช่น ตัว ส.ส.อยู่พรรคหนึ่งแต่ใจไปอยู่อีกพรรคหนึ่ง ทำให้การลงมติมีผลกระทบ นำไปสู่ความแตกแยกในสภาอย่างไม่เคยมีมาก่อน จุดนี้ทำให้รัฐบาลบริหารประเทศไม่ได้ เพราะนายกรัฐมนตรีต้องตอบแทนบุญคุณกลุ่มทุนและผู้สนับสนุนผลประโยชน์ทางการเมืองด้วยการตั้งรัฐมนตรีที่ขาดความรู้ความสามารถ ทำให้ไม่สามารถแก้ปัญหาของประเทศได้ รัฐบาลชุดนี้ใช้อำนาจเกินขอบเขต ไม่เป็นธรรม ทำลายความปรองดอง โดยเฉพาะการใช้กำลังทหาร อาวุธ สลายการชุมนุมของประชาชนอย่างรุนแรงจนได้รับบาดเจ็บล้มตาย ละเลยการบังคับใช้กฎหมาย และเลือกปฏิบัติกับประชาชนแบบ 2 มาตรฐาน
วันนี้เมื่อนายกรัฐมนตรีและครม.เดินทางลงพื้นที่ก็มีผู้คุ้มกันเป็นพันคนจนทำให้เกิดความแตกแยกขัดแย้งในสังคมอย่างกว้างขวาง นายกฯไร้ภาวะผู้นำ ไม่มีวุฒิภาวะเพียงพอในการแก้ไขความขัดแย้ง ซ้ำยังขยายความแตกแยกรุกราน ก้าวล่วงประเทศเพื่อนบ้าน กระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ นำไปสู่ภาวะสงคราม เป็นการทำผิดพลาดซ้ำซากที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น และไม่น่าให้อภัยในการบริหารประเทศของรัฐบาล สมควรคืนอำนาจให้ประชาชน
ขณะที่ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. ในฐานะหัวหน้าสำนักงานปราบโกง พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงความล้มเหลวด้านการทุจริตคอรัปชั่นว่า 1 ปี ที่ผ่านมาเป็นยุคที่การทุจริตคอรัปชั่นเฟื่องฟู องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International) ให้ประเทศไทยได้คะแนน 3.4 คะแนนจากคะแนนเต็ม 10 คะแนน อยู่อันดับที่ 84 จากทั้งหมด 180 ประเทศทั่วโลก จากที่เคยอยู่อันดับที่ 80 สมัยนายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ผลสำรวจชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลนายอภิสิทธิ์ มีการทุจริตเพิ่มมากขึ้น สำหรับโครงการต่างๆ ของรัฐบาลพบการทุจริตมากมาย งบประมาณ 1 ปีที่ผ่านมาของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์การใช้งบประมาณ 1.6 แสนล้านบาทนั้น พบว่ามีเงินตกหล่นระหว่างทางถึง 6.3 หมื่นล้านบาท เป็นการทุจริตที่เฟื่องฟูมากที่สุด ในยุคนายอภิสิทธิ์ ซึ่งการทุจริตทั้งหมดเราจะรวบรวมเพื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจแน่นอน
นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวสรุปว่า พรรคเพื่อไทยได้ประเมินผลงานของรัฐบาลในด้านที่กล่าวมา โดยด้านเศรษฐกิจได้คะแนนเกรด C หรือเกือบตก เพราะวันนี้เงินในกระเป๋าประชาชนลดลง มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจล้มเหลว ส่วนด้านการแก้ปัญหาความแตกแยกในสังคมรวมทั้งนโยบายด้านความมั่นคง การเมืองนั้น รัฐบาลได้เกรด D หรือคาบเส้น สำหรับปัญหาทุจริตคอรัปชั่นพบว่ามีความเฟื่องฟูอย่างมาก กฎเหล็ก 9 ข้อตอนนี้น่าจะเหลือเพียง 2-3 ข้อเท่านั้น ดังนั้นจึงถือว่าได้เกรด F หรือสอบตก
ขณะเดียวกันขอชื่นชมรัฐบาลชุดนี้ใน 4 เรื่องคือ 1.พูดเก่งจนบางครั้งพูดเกินความจริง 2.กู้เก่ง 3.เพาะศัตรูเก่ง จนตอนนี้มีศัตรูรอบบ้านไปหมดแล้ว และ 4.หาเหาใส่หัวเก่ง จนตอนนี้เหาเต็มศีรษะ เรื่องของการชักศึกเข้าบ้านรัฐบาลชุดนี้ทำได้เก่งจริงๆ