ที่มา มติชน
หลังจากที่รองอธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศออกมาแถลงว่า กำลังศึกษาว่าจะดำเนินคดีอาญากับนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)กรณีนำหนังสือของกระทรวงการต่างประเทศที่ กต.1303/2355 ลงวันที่ 16 พฤศจิกายน 2552 เรื่องแนวทางการดำเนินการกับปัญหาความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา ตีตรา"ลับมาก"ออกมาเผยพร่ต่อสื่อมวลชน
แต่จนถึงบัดนี้(วันที่ 21 ธันวาคม 2552) ยังไม่มีการดำเนินการใดๆในทางอาญากับนายจตุพร ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า ถ้ากระทรวงการต่างประเทศจะดำเนินคดีอาญากับนายจตุพรจริง จะใช้กฎหมายฉบับใด มาตราอะไร และโทษที่ได้รับจะทำให้นายจตุพรสะทกสะท้านหรือไม่
"มติชนออนไลน์" พยายามพลิกกฎหมายฉบับย้อนหลังหลายสิบฉบับไปจนถึงช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อดูว่า การกระทำของนายจตุพรที่นำเอาเอกสารลับของทางราชการมาเปิดเผยต่อสาธารณะเข้าข่ายกฎหมายฉบับหรือมาตราใด ปรากฏว่า พบเพียงฉบับเดียวคือ ประมวลกฎหมายอาญา ในหมวด 3 ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร มาตรา 123 และ124 ที่บัญญัติไว้ดังนี้
มาตรา 123 ผู้ใด กระทำการใดๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อความ เอกสารหรือสิ่งใดๆ อันปกปิดไว้เป็นความลับสำหรับความปลอดภัยของประเทศ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี
มาตรา 124 ผู้ใด กระทำการใดๆ เพื่อให้ผู้อื่นล่วงรู้หรือได้ไปซึ่งข้อความ เอกสารหรือสิ่งใดๆอันปกปิดไว้เป็นความลับสำหรับความปลอดภัยของประเทศ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี
ถ้าความผิดนั้นได้กระทำในระหว่างประเทศอยู่ในการรบหรือการสงคราม ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปีถึง 15 ปี
ถ้าความผิดดังกล่าวมาในสองวรรคก่อน ได้กระทำเพื่อให้รัฐต่างประเทศได้ประโยชน์ ผู้กระทำต้องระวางโทษประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต
จากบทบัญญัติในประมวลกฎหมายอาญาดังกล่าวต้องพิจารณาว่า เอกสาร"ลับมาก"ของกระทรวงการต่างประเทศนั้น เป็นการเอกสาร"สำหรับความปลอดภัยของประเทศ"หรือไม่ และมีผลกระทบต่อความมั่นของรัฐหรือไม่
แน่นอน ถ้าถามนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ อาจมีคำตอบว่า "ใช่แน่นอน" เพราะทำให้กระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชา และอาจทำให้ความขัดแย้งระหว่าง 2 ประเทศรุนแรงยิ่งขึ้น
แต่ถ้าถามนายจตุพร ต้องบอกว่า เป็นการเปิดโปงแผนชั่วร้ายในการกำจัด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมตรี ไม่เกี่ยวกับความปลอดภัยของประเทศหรือความมั่นคงของรัฐ แต่เป็นความมั่นของเก้าอี้นายกรัฐมนตรีของนายอภิสิทธิ์ เวชชีวะ มากกว่า
อย่างไรก็ตาม เอกสาร"ลับมาก" ดังกล่าวกระทบความปลอดภัยของประเทศหรือความมั่นของรัฐหรือไม่ คงต้องพิจารณาถึงองค์ประกอบต่างๆอย่างครบถ้วนและต้องตีความอย่างเคร่งครัด
แต่ถ้ากระทรวงการต่างประเทศเห็นว่า การกระทำของนายจตุพรเข้าข่ายดังกล่าวก็สามารถร้องทุกข์กล่าวโทษนายจตุพร ตามประมวลกฎหมาย มาตรา 123 และ 124 ได้
อย่างไรก็ตาม ถ้ากระทรวงการต่างประเทศเห็นว่า การกระทำของจตุพรเป็นการกระทำเพื่อให้รัฐบาลกัมพูชาได้ประโยชน์ด้วยข้อกล่าวหาก็อาจเพิ่มขึ้นและโทษก็หนักขึ้นจากจำคุกไม่เกิน 10 ปี เป็นจำคุกตลอดชีวิตหรือประหารชีวิต
แต่เชื่อขนมกินได้ว่า การที่กระทรวงการต่างประเทศจะตัดสินใจใช้กฎหมายฉบับนี้เล่นงานนายจตุพรหรือ ต้องคิดหนัก มิเช่นนั้นอาจได้ไม่คุ้มเสีย