ที่มา thaifreenews
บทความโดย...Bugbunny
ถ้า เคยอ่านปรัชญามาร์กซิสต์แบบผู้ศึกษาหาความรู้กันจริง ๆ แล้วจะพบว่า มันก็คือแนวความคิดทางการเมืองซึ่งมองการเปลี่ยนแปลงขัดแย้งสังคมในประวัติ ศาสตร์โลกด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ เริ่มจากการเป็นสังคมบุพกาล มาสู่สังคมทาส แล้วเปลี่ยนไปเป็นสังคมศักดินา จนกลายเป็นสังคมทุนนิยม ผู้วางหลักการมาร์กซิสต์เองมองว่าคนในสังคมนั้นย่อมขัดแย้งกันเป็นเรื่อง ปกติ จากช่วงของความเป็นทุนนิยมในตอนที่เขาตั้งทฤษฎี ก็จะกลายเป็นสังคมนิยมที่คนส่วนใหญ่จะเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับพวกตนเอง มากขึ้น และจากสังคมนิยมก็เปลี่ยนเป็นสังคมคอมมิวนิสต์ สังคมในอุดมคติที่ทุกคนเท่าเทียมกันทั้งทางเศรษฐกิจการเมืองและสังคม แต่ยังไม่เคยปรากฏว่ามีสังคมคอมมิวนิสต์ในโลกเลย มันยังเป็นเพียงสังคมในฝันที่แม้แต่ผู้ประกาศตนว่าเป็นคอมมิวนิสต์เองก็ยอม รับ แต่คนไทยกลับถูกปั่นหัวให้เกลียดคนที่ไม่เห็นด้วยกับผุ้นำประเทศว่าเป็น คอมมิวนิสต์ ถือเป็นคนบาปคนเลวไปหมด ทั้งที่คนเหล่านั้นก็เพียงแค่อยากเห็นสังคมที่คนส่วนใหญ่มีความสุขเท่าเทียม กันเพิ่มขึ้นบ้างเท่านั้น
ตอนเกิด 6 ตุลา 2519 นั้น รัฐบาลไทยยังทำสงครามกลางเมืองกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย การเคลื่อนไหวของนักศึกษาประชาชนในเมืองจึงง่ายต่อการสร้างกระแสโจมตีว่า เป็นคอมมิวนิสต์ เพราะพวกเขาไม่เห็นด้วยกับชนชั้นนำในสังคมไทยที่เอาเปรียบประชาชนส่วนใหญ่ ชาวคอมมิวนิสต์ไทยที่เข้ามาเคลื่อนไหวในเมืองก็ยังเน้นแนวทางที่ว่า ชัยชนะที่แท้จริงในสงครามปฏิวััตินั้นต้องมาจากแนวทางสงครามชนบทล้อมเมือง เท่านั้น แนวทางอื่นเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้ อีกทั้งหลายประเทศในขณะนั้น การปฏิวัติด้วยกำลังอาวุธของขบวนการภาคประชาชนก็ได้รับชัยชนะอย่างต่อเนื่อง เห็นชัดทั้งในคิวบา เวียดนาม ลาว กัมพูชา ฯลฯ
แต่ในความรู้ของคนไทย ทั่วไปผู้ตกอยู่ภายใต้การโฆษณาชวนเชื่อต่อเนื่องกัน มานานหลายสิบปีช่วงนั้นคือ คอมมิวนิสต์เป็นพวกเอาประชาชนไปไถนาแทนควาย เอาผู้หญิงเป็นของกลาง เอาคนชราแก่เฒ่าไม่มีประโยชน์แล้วไปทำปุ๋ย ฯลฯ ในหนังไทยส่วนใหญ่จะเน้นว่าพระเอกเป็นคนรักชาติสู้กับโจรคอมมิวนิสต์ ที่มักถูกทำให้เห็นเป็นวายร้ายจอมโหดท่าทางเหมือนหลุดมาจากนรก ฯลฯ ภาพเหล่านี้ค้างคาอยู่ในจิตสำนึกของคนไทยจำนวนมากที่ถูกปิดบังไม่ให้เรียน รู้เรื่องปรัชญาการเมือง การต่อต้านคอมมิวนิสต์จึงเป็นเรื่องของฝ่ายธรรมะ ยุคนั้นโยนทุกบาปให้คอมมิวนิสต์ ทำให้นักศึกษาประชาชนจำนวนมากที่แท้จริงแล้วเป็นนักเพียงเสรีนิยม ต้องการให้บ้านเมืองเปลี่ยนแปลงไปสู่สังคมที่ดีกว่าจำเป็นต้องไปเข้าร่วมกับ คอมมิวนิสต์ รบราฆ่าฟันกันต่อมาหลายปี ก่อนที่จะตาสว่างกันว่า ถ้ายอมรับว่าไม่ใช่คนไทยทุกคนจะต้องเห็นด้วยกับรัฐบาลแล้ว ควรพูดจากันดีกว่า แต่กระนั้นคนไทยก็บาดเจ็บล้มตายกันไปหลายหมื่นคน
พอ มาถึงวันนี้ก็ยังมีคนพยายามเอาเรื่องคอมมิวนิสต์มาเล่นงานคนเสื้อแดง อีก จากการที่ เตี้ย หนองใน บัญชาให้ทำสารคดีกล่าวหาว่าคนเสื้อแดงเป็นคอมมิวนิสต์ ออกอากาศทางโทรทัศน์ช่องหอยม่วง มันพิสูจน์ว่าพวกอำมาตย์ไทยนั้นหมดมุข สิ้นหนทาง ไม่เคยเปิดหูเปิดตาดูเลยว่าสังคมไทยนั้นเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหนแล้ว คำถามง่าย ๆ ที่อยากถามก็คือ เมื่อผู้นำคนหนึ่งของคนเสื้อแดงเ็ป็นมหาเศรษฐีมีเงินหลายหมื่นหลายแสนล้าน เมื่อนายทหารใหญ่หลายคนที่ฝึกฝนมาเพื่อรับใช้ราชบัลลังก์ก็ยังมาร่วมงานกับ พรรคเพื่อไทยที่ไม่ต้องพูดก็รู้ว่าคนเสื้อแดงสนับสนุน เมื่อนายทุนจำนวนมากที่มีธุรกิจใหญ่โต หรือแม้ราชนิกูลนามสกุล ณ โน่น ณ นี่ หลายคนที่เห็นก็ยังสวมเสื้อแดงไปร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดงเป็นประจำทุกนัด แล้วคนเสื้อแดงมันจะเป็นขบวนการคอมมิวนิสต์ไปได้อย่างไร? นี่มันไม่ใช่ขั้นตอนของการเปลี่ยนสังคมนี้ไปเป็นสังคมคอมมิวนิสต์เลย เพราะคนที่มาร่วมกับขบวนการเสื้อแดงวันนี้หลายคนมีเงินมากกว่า NGO ที่เป็นสมองให้อำมาตย์วันนี้ทั้งหลายเสียอีก คนที่วางแผนการโจมตีคนเสื้อแดงด้วยยุทธวิธีนี้ จึงเป็นคนโง่ที่ไม่รู้เรื่องเอาเลยจริง ๆ
เป้าหมายการต่อสู้ของคนเสื้อแดงในวันนี้ชัดเจนว่า ต้องการล้มระบอบอมาตยาธิปไตยที่กดขี่ครอบงำเมืองไทยมานานโดยพวกอำมาตย์ไม่ กี่คนเป็นหลัก ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสังคมคอมมิวนิสต์เลย และถ้าเอามาร์กซิสต์มาจับ มันก็ยังไปไม่ถึงขั้นตอนนั้นได้แม้แต่น้อย เมืองไทยนี่แค่ขั้นตอนทุนนิยมแบบไม่มีทุนสามานย์ใหญ่ผูกขาดครอบประเทศอยู่คนเดียวก็ยังไปไม่ถึง แล้วจะไปเป็นคอมมิวนิสต์ได้อย่างไร คนทำสารคดีชุดนี้แว่ว ๆ ว่าเคยเข้าป่า รู้จักมาร์กซิสต์ดี แต่กลับมาเล่นเขาโง่ ๆ แบบนี้ มีแต่ถูกหัวเราะเยาะใส่เท่านั้น ไม่รู้จักมองภววิสัยกันบ้างเลยหรือ บ้าชัด ๆ
รูป สหายคำตัน (พ.ท.โพยม จุลลานนท์) ผู้พ่อ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลลานนท์ ผู้ลูก
อดีต ผบ.กองทัพ พคท. องคมนตร อดีต ผบ.ทบ