ที่มา บางกอกทูเดย์
ถ้าอิหร่าน...เป็นปลายทางของอาวุธสงครามดังกล่าวถ้าต้นทางของอาวุธดังกล่าวคือ เกาหลีเหนือก็แทบจะไม่มีเหตุผลใดๆ...ที่ประเทศไทยจะทำตัวเป็นตำรวจโลก...ส่งกำลังเข้าจู่โจมเครื่องบินของประเทศอื่นที่จอดอยู่ในสนามบินนานาชาติและแจ้งเหตุที่ลงจอดว่าเพื่อเติมนํ้ามันคงไม่มีบริษัทขนส่งบริษัทใด...ต้องแจ้งรายละเอียดให้กับกัปตันและพนักงาน...รับทราบว่า...มีสินค้าอะไรราคาแพงแค่ไหน อยู่ในพาหนะที่เขาเป็นผู้ลำเลียงขับเคลื่อนเพียงเขาเหล่านั้นยืนยัน
ความสุจริตในวิชาชีพนักบินและต้นเครื่อง...เขาเหล่านั้นก็ปลอดภัยจากการเป็นผู้ต้องหา...เพราะว่า...ผู้ควบคุมยานพาหนะและช่างเครื่อง...ย่อมไม่มีหน้าที่ใดๆ ในการเจาะดูตรวจสอบว่าสินค้าในยานพาหนะคืออะไร และมีราคาแค่ไหนแต่พฤติกรรมของประเทศไทยต่างหากที่เป็นปัญหาเพราะการที่..ผู้นำประเทศไทย ไปออกข่าวแบบลิงโลดใจ...ว่าจะนำอาวุธเหล่านั้นมาใช้เอง...แบบนั้นมันจะเป็นการ ลัก วิ่ง ชิง ปล้น...ในสินค้าที่ขนผ่านเส้นทางสาธารณะ...หากเป็นเส้น
ทางเรือเขาก็เรียกว่าโจรสลัด2551...มีคนจู่โจมเข้ายึดสนามบิน...เป็นผู้ก่อการร้าย2552...มีการดักเอาสินค้าที่ขนผ่านแล้วหากนำออกมาใช้...มันก็กลายเป็นสลัดอากาศ...ภาษากฎหมายท่านว่า...มีเถยจิตเป็นโจรดีแต่ว่า กษิต ภิรมย์...รัฐมนตรีต่างประเทศ ออกมาแก้เป็นว่า...อาวุธที่ไปยึดมาได้นั้น จะต้องเอามาทำลายทิ้งถามว่า...ท่านมีสิทธิ์โดยชอบธรรมเช่นนั้นหรือ...ถามว่า...ประเทศเจ้าของอาวุธกับประเทศผู้ซื้ออาวุธ...หากเขาทั้ง 2 ยืนยันมาว่าเป็นการซื้อระหว่าง
ประเทศกับประเทศ...เช่นที่ประเทศไทยก็ไปซื้ออาวุธรัสเซีย ปืนอิสราเอลและอเมริกามาใช้...เราจะเอาอะไรไปเถียงเขาแต่ที่สำคัญที่สุด มันอธิบายว่า...ความหล่อเหลาและการเล่าเรียนมาสูงนั้น...หากรู้น้อยแล้ว...ทำอะไรก็มีปัญหา...มันสร้างคำถามขึ้นมาว่า...บัณฑิตกฎหมายจากรามคำแหงนั้น...ได้กันมาได้อย่างไร...สำคัญที่สุดนั้น...เอาประเทศไปเสี่ยงเอามือไปซุกหีบทำไม...นอกจาก... “โง่ ” และอธิบายได้หรือไม่