ที่มา ประชาไท
24 ธ.ค. เวลา 11.00 น. นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย แถลงที่ ร.ร.เรดิสัน พระราม 9 ถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้งมีมติให้ประธานกกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองรับหน้าที่วินิจฉัยว่าจะยุบหรือไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์จากกรณีรับเงินบริษัททีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) จำนวน 258 ล้านบาท ว่ากรณีการทำหน้าที่ของ กกต. ทำไม กกต. ทั้งสามคนที่เหลือไม่ลงมติไปในทางใดทางหนึ่ง เป็นการเล่นกลใช้ลูกไม้ตื้นๆ เพื่อช่วยประชาธิปัตย์นั่นเอง
โดยนายจาตุรนต์กล่าวว่า กรณีดังกล่าวนั้นมีกฎหมายเกี่ยวข้องถึง 3 ฉบับ ได้แก่ รัฐธรรมนูญ พรบ. เลือกตั้ง และพรบ. พรรคการเมือง ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้น กกต. เป็นการทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 236 (5) และ ตามพระราชบัญญัติ คณะกรรมการการเลือกตั้งซึ่งมีหน้าที่สืบสวนข้อเท็จจริง และข้อโต้แย้งที่เกิดขึ้น
“เมื่อมีการประชุมลงมติซึ่งควรทำไปนานแล้ว แต่ก็เพิ่งมีขึ้นเมื่อวันที่ 17 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยมีกรรมการคนหนึ่งลงมติให้ยุบ อีกคนหนึ่งให้ยกคำร้อง เพราะฉะนั้น กกต. ก็ต้องทำตามหน้าที่คือ วินิจฉัยชี้ขาดว่า เห็นว่าเป็นความผิดหรือไม่ และเข้าข่ายที่ต้องส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดพิจารณาเพื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ายุบพรรคหรือไม่ ไม่ใช่ไปส่งให้นายทะเบียนตาม พ.ร.บ.พรรคการเมือง การลงมติอย่างที่ผ่านมา หมายความว่ากกต. 2 คนคือคุณวิสุทธิ์ (โพธิ์แท่น) และคุณอภิชาต (สุขัคคานนท์) ได้ทำหน้าที่ของตนในฐานะกกต. แล้ว แต่อีกสามคนที่เหลือยังไม่ได้ทำหน้าที่ เท่ากับจงใจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ “
นายจาตุรนต์กล่าวว่าการที่ กกต. บางคนเห็นว่าหากนายทะเบียนเห็นควรให้ยกคำร้องก็เป็นอันยุติไป เป็นการจงใจบิดเบือนกฎหมาย 2 ฉบับอย่างร้ายแรง เพราะเรื่องนี้ กกต. รับปัญหาวินิจฉัยแล้ว จึงเป็นหน้าที่ของ กกต. ทั้งคณะ และกรณีดังกล่าวได้ผ่านการสอบสวนโดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แล้ว และพิจารณาโดย กกต. ทั้งคณะแล้วกลับเปิดช่องให้สามารถยกคำร้องไปได้โดยนายทะเบียนพรรคการเมืองเพียงคนเดียว ถือเป็นการมอบอำนาจให้คนๆ เดียวไปช่วยประชาธิปัตย์ให้พ้นจากถูกยุบพรรค
จวก กกต. ทำหน้าที่ตามแผนบันได 4 ขั้นของ คมช.
นายจาตุรนต์กล่าวด้วยว่า จากการดำเนินคดี การพิจารณา และการอธิบายขั้นตอนที่จะดำเนินต่อไป มาถึงวันนี้เห็นได้ชัดว่ากกต. ใม่ได้ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา แต่กลับช่วยพรรคประชาธิปัตย์ด้วยการถ่วงเวลามา 7 เดือนกว่า “ก่อนหน้านี้สันนิษฐานว่ามีการเคลื่อนไหวแก้รัฐธรรมนูญว่าด้วยการยุบพรรค จึงไม่จำเป็นต้องตัดสินเพราะพรรคประชาธิปัตย์จะพ้นไปจากคดีด้วยการแก้รัฐธรรมนูญ แต่เมื่อไม่มีการแก้รัฐธรรมนูญ ก็เกิดการตีความกฎหมายอย่างบิดเบือนในลักษณะปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ”
นายจาตุรนต์กล่าวว่าการวางตัวไม่เป็นกลางของ กกต. ไม่เพียงก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมแก่คดี แต่ กกต. ยังแสดงถึงผลเสียอันเกี่ยวเนื่องมาจากตุลาการภิวัตน์ เพราะในระบอบประชาธิปไตยควรให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจเลือกผู้ที่จะมาบริหารประเทศ แต่จากการทำงานของ กกต. นั้นกลับกลายเป็นว่า กกต. ไม่เป็นอิสระ ไม่เป็นกลาง และมีส่วนอย่างสำคัญในการกำหนดว่าใครจะมาบริหารประเทศ กกต. เพียงไม่กี่คนกลับมีอำนาจเหนือกว่าประชาชนทั้งประเทศ
“กกต. ส่วนใหญ่ที่มาจากการัฐประหารมีส่วนอย่างสำคัญในการทำให้บันได 4 ขั้นของคมช. บรรลุผล คือทำให้พรรคการเมืองบางพรรคไม่สามารถเป็นรัฐบาลและทำให้อีกฝ่ายขึ้นมาเป็นรัฐบาล และกกต. มีส่วนอย่างสำคัญในการรักษาผลสำเร็จของบันได 4 ขั้น นี้ต่อไป”
นายจาตุรนต์ กล่าวต่อไปว่า สิ่งที่กกต. ควรจะทำต่อไปก็คือ กกต.ทั้งคณะต้องลงมติว่าจะให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคประชาธิปัจย์หรือไม่ พร้อมกล่าวเตือนนายอภิชาต ในฐานะประธาน กกต. ว่าได้เห็นพฤติกรรมในการทำหน้าที่ กกต. มาโดยตลอดว่ามีความพร้อมให้ความร่วมมือกับ คมช. อย่างยิ่ง
เสนอถอดถอน-ดำเนินคดีฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ – ถามอภิชาติ อ้างอ่านเอกสารไม่ครบแล้วลงมติเมื่อวันที่ 17 ธ.ค. ได้อย่างไร
“ประธาน กกต. ทำหน้าที่บกพร่องชัดเจน เพราะรับเรื่องมาแล้ว 7 เดือนกว่า พอไปลงมติก็ไม่ได้ทักท้วงว่า กกกต. ต้องวินิจฉัย เรื่องนี้มีการสรุปสำนวนของ DSI อย่างชัดเจนมาก หากไม่เรียกประชุม กกต. ทั้งคณะก็เท่ากับประธาน กกต. ยอมฆ่าตัวตาย เพื่อรักษาพรรคประชาธิปัตย์และรักษาผลสำเร็จของบันได 4 ขั้น” นายจาตุรนต์กล่าวพร้อมวิจารณ์ถึงข้ออ้างที่นายอภิชาติ ประธาน กกต. ระบุว่ายังไม่สามารรถติดสินใจได้เพราะต้องอ่านเอกสารกว่า 7,000 หน้า เป็นเรื่องหลอกเด็ก พร้อมถามกลับว่า หากยังอ่านเอกสารไม่ครบ แล้วก่อนหน้านี้ลงมติในวันที่ 17 ธ.ค. ที่ผ่านมาได้อย่างไรว่าจะไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์
“ท่านไม่อ่านแล้วลงมติไปได้อย่างไรให้ยกคำร้อง นี่เป็นเรื่องหลอกเด็กชัดๆ และอย่าบอกว่าการแสดงควาเมห็นเป็นการกดดันการทำงานของ กกต. เพราะกกต. มีความรับผิดชอบต่อความเป็นไปของบ้านเมือง อย่ามาปิดปากคนด้วยการบอกว่าอย่ากดดัน และอย่าบอกว่าทำหน้าที่อย่างผู้พิพากษา เพราะหากท่านตัดสินใจที่ทำให้เกิดผลเสียหายอย่างใดขึ้นมาก็จะเป็นการทำลายระบบตุลาการไปด้วย”
นายจาตุรนต์ได้เสนอต่อประชาชนผู้มีส่วนได้เสียในคดีนี้ว่า หากไม่มีการประชุมกกต. อีก ก็ต้องดำเนินการถอดถอนกกต. ทั้งคณะยกเว้นผู้ที่ได้ยืนยันให้มีการวินิจฉัย และต้องให้ปปช. และดีเอสไอ ดำเนินคดีต่อ กกต. ฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
นายจาตุรนต์กล่าวในท้ายที่สุดว่าไม่ว่าคดีจะมีผลออกมาอย่างไรก็เห็นได้ชัดเจนว่ามีความจำเป็นที่ไทยจะต้องแก้ไขกติกาเกี่ยวกับพรรคการเมืองต่อไป