ที่มา thaifreenews
โดย Porsche
จากคุณ : hollowpig
คัดจากคอลัมภ์ สงครามเศรษฐกิจ
โดย สงคราม กิจเลิศไพโรจน์
จาก นสพ. ความจริงวันนี้ ฉบับวันที่ ๑๘ - ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๒
ปกติเมื่อถึงเดือนสุดท้ายของปี นิตยสารชื่อดัง โดยเฉพาะ Times มักจะมีการคัดเลือก “บุคคลแห่งปี” กันเป็นประจำจนกลายเป็นธรรมเนียม
คอลัมน์ “สงครามเศรษฐกิจ” ไม่อยู่ในฐานะที่จะปฏิบัติเช่นนั้นเพราะเป็นคอลัมน์โนเนมเล็ก ๆ ในหนังสือพิมพ์เกิดใหม่ของ “ขบวนการคนเสื้อแดง” ผู้รักประชาธิปไตยและใฝ่หาความเป็นธรรม
แต่ก็นึกสนุกอยากทำอะไรสักอย่างเป็นสัญลักษณ์ในเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ๒๕๕๒
ต้อนรับปีใหม่ ๒๕๕๓ และนึกขึ้นได้ว่าตลอดปี ๒๕๕๒ ที่ผ่านมาไม่ปรากฎกายของ “คนดัง” จำนวนหนึ่งที่เคยออกมาแสดงภูมิรู้วิจารณ์สถานการณ์ทางการเมือง
และวิพากษ์วบุคคลสาธารณะที่เป็นนักการเมืองในระบบรัฐสภา ตลอดจนบรรดารัฐมนตรีในรัฐบาลทุกชุดที่ผ่านมา
ก่อนที่ปี ๒๕๕๒ จะผ่านไปอย่างเงียบกริบไร้ร่องรอย จึงอยากจะประกาศหา “คนดัง” เหล่านั้นว่ายังมีความสุขดีอยู่หรือไม่ เป็นตายร้ายดีอย่างไร ...
กลุ่มแรก
คนดังคนแรกที่อยากถามหาคือ “นักวิชาการเสื้อกั๊ก” ผู้เคยเป็นไอดอลของนิสิตนักศึกษายุคตุลา ๑๖ ผู้เคยออกมาเรียกร้องรัฐธรรมนูญ ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยจนถูกปราบปรามและหนีเข้าป่าเพื่อแสวงหาแนวทางการต่อสู้นอกรูปแบบ จนวันหนึ่งได้กลับออกมาสู่สังคมและผันตัวเองเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย เป็นนักวิชาการนามกระเดื่อง
โดยปกติในทุก ๆ ปี “นักวิชาการเสื้อกั๊ก” ผู้นี้มักจะออกมาเปิดตัวในมาดผู้รู้โดยเฉลี่ย ๒ ครั้ง แสดงวาทกรรมสร้างคำศัพท์หวือหวาโฉบเฉี่ยว เป็นที่ฮือฮาจนหนังสือพิมพ์นำไปพาดหัวข่าวราวกั้บว่าเป็นปรมาจารย์ทางการเมืองก็มิปาน
หลายปีที่ผ่านมาไม่มีปีไหนที่ “นักวิชาการเสื้อกั๊ก” ผู้นี้ไม่ปรากฎกายต่อสาธารณะ
ตามวาระทางการเมือง ทว่าปี ๒๕๕๒ ทั้งปีไม่ทราบว่านักวิชาการคนดังผู้นี้หายตัวไปไหน เป็นตายร้ายดีอย่างไร ถ้าเสื้อกั๊กหายก็ขอให้แจ้งด้วยจะได้ลงขันหาซื้อให้ใหม่ ขอเพียงให้ออกมาแสดงโวหารตามวัตรปฏิบัติ จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยจะชื่อชม “รัฐบาลหุ่นเชิด” จะเชิดชูบูชา “อำมาตยาธิปไตย” ก็ว่ากันไปตามเจตนคติ หรือคิดว่า “ตุลาการภิวัฒน์” บรรลุผลสัมฤทธิ์แล้วก็ช่วยออกมาแถลงไข
นอกจากนักวิชาการเสื้อกั๊กแล้ว ยังมี “กลุ่มนักวิชาการ” ที่มีจุดยืนและทัศนคติไปในทิศทางเดียวกันก็หายตัวไปเป็นจำนวนมาก รวมทั้งนักวิชาการที่มีตำแหน่งใหญ่โตระดับอธิการบดีสถาบันอุดมศึกษาที่มีชื่อเสียง
และ “นักกฎหมายฝีปากกล้า” ก็หายไปด้วย ขอร้องเถอะครับช่วยกันออกมาส่งเสียงเชียร์กันหน่อย เวทีการเมืองสาธารณะเหลาหงอยไปมากเมื่อขาด “ปาก” พวกท่าน
กลุ่มคนที่สอง
ที่หายไปจากวงการก็คือบรรดา “มือปราบทุจริต” กลับหายหัวไปหมด ทั้ง ๆ ที่มีพฤติกรรมไม่ชอบมาพากล “โกงแผ่นดิน” ผุดขึ้นราวดอกเห็ดทั่วทุกหัวระแหง
พบเห็นได้ทั่วไปในแทบทุกวงการ เงินทองที่กู้กันมาหลายแสนล้านบาทแล้วนำมาถลุง
เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กลุ่มก้อนที่อยู่ในหรือใกล้ “ศูนย์กลางอำนาจ”
ไม่เป็นที่สนใจของ “มือปราบทุจริต” กันเลยหรือ
การเพิกเฉยละเลยต่อหน้าที่โดยแสร้งทำเป็นอุบเงียบ อาจสันนิษฐานได้ว่า
“เหล่ามือปราบทุจริต” ในอดีตได้เข้าร่วมขบวนการเขมือบกับพวกกระสือทางการเมืองไปเรียบร้อยแล้ว
กลุ่มคนที่สาม
ที่มีจำนวนไม่มากนักแต่เป็นกลุ่มคนที่ได้รับการเคารพนับถือจากสังคมค่อนข้างมาก
เพราะมีวัยวุฒิและคุณวุฒิ โดยที่พวกท่านมักเรียกตัวเองว่า “ราษฎรอาวุโส” ถ้าท่านยังคงมีสติปัญญาสูงส่ง
เช่นเดิม ยังมีสุขภาพแข็งแรงพอที่จะออกมายืนต่อหน้าเวทีสาธารณะได้โปรดหอบสังขารออกมาปฏิบัติการอีกครั้ง
เพื่อแสดงตัวตนที่แท้จริงของท่านว่ามีจุดยืนหรือจุดวางเท้าเคียงข้างประชาชนหรือเอนเอียงเข้าข้าง “อำนาจนอกระบบ” แบบกู่ไม่กลับเรียบร้อยแล้ว
กลุ่มคนที่สี่
คือบรรดาผู้นำองค์กรภาคเอกชน ซึ่งแตกต่างจากสามกลุ่มข้างต้น ไม่ว่าจะเป็นสมาคมฯ
หรือสภาทาสใด ๆ ไม่ได้หายหน้าหายตาไปไหน ยังคงเส้นคงวาในการสนับสนุน “รัฐบาลหุ่นเชิด”
และ “ระบอบเผด็จการอำมาตยาธิปไตย” แม้ในวันนี้วันที่ระบบเศรษฐกิจของประเทศกำลังจะพังพินาศไปต่อหน้าต่อตา บรรดา “เถ้าแก่เล็กเถ้าแก่ใหญ่” ก็ยังยืนยันที่จะเป็นทาสผู้ซื่อสัตย์อยู่ต่อไป
และพร้อมรับใช้ “อำนาจนอกระบบ” จนชีวิตจะหาไม่ ...
กลุ่มคนที่ห้า
คือ “ภาคประชาชน” ที่เรียกตัวเองว่า NGO ก็ใช่ย่อย
ทราบว่าบัดนี้ได้กลายพันธุ์ไปเป็นสมุนบริวารของ “เผด็จการอำมาตยาธิปไตย” ไปเรียบร้อย
โรงเรียน “โง่” และเฝ้าคอยอ้าปากรับเศษอาหารจากเจ้านาย เพื่อเสวยสุขตามอัตภาพไปวัน ๆ
กลุ่มคนที่หก
มิพักจะพูดถึงกลุ่มคนที่หกที่เป็นสื่อมวลชนกระแสหลัก (ลอย)
ที่ไม่เคยเปลี่ยนจุดยืนในการสวามิภักดิ์ต่อ “อำนาจเงินตรา” และ “อำนาจนอกระบบ”
ตลอดปี ๒๕๕๒ ที่ผ่านมา “สามกลุ่มล่าง” เขาได้ทำหน้าที่ค่อนข้างสมบูรณ์แบบ
ไม่เหนียมอาย ยังขาดหายเฉพาะ “สามกลุ่มบน” กรุณาเปิดเผยตัวเองด้วย การออกมาจากหลังม่านได้แล้ว
เพราะถึงอย่างไรสาธารณชนเขาก็รู้กันหมดแล้วว่าพวกท่านแอบอยู่ข้างหลัง
http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P8684214/P8684214.html
คัดจากคอลัมภ์ สงครามเศรษฐกิจ
โดย สงคราม กิจเลิศไพโรจน์
จาก นสพ. ความจริงวันนี้ ฉบับวันที่ ๑๘ - ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๒
ปกติเมื่อถึงเดือนสุดท้ายของปี นิตยสารชื่อดัง โดยเฉพาะ Times มักจะมีการคัดเลือก “บุคคลแห่งปี” กันเป็นประจำจนกลายเป็นธรรมเนียม
คอลัมน์ “สงครามเศรษฐกิจ” ไม่อยู่ในฐานะที่จะปฏิบัติเช่นนั้นเพราะเป็นคอลัมน์โนเนมเล็ก ๆ ในหนังสือพิมพ์เกิดใหม่ของ “ขบวนการคนเสื้อแดง” ผู้รักประชาธิปไตยและใฝ่หาความเป็นธรรม
แต่ก็นึกสนุกอยากทำอะไรสักอย่างเป็นสัญลักษณ์ในเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ๒๕๕๒
ต้อนรับปีใหม่ ๒๕๕๓ และนึกขึ้นได้ว่าตลอดปี ๒๕๕๒ ที่ผ่านมาไม่ปรากฎกายของ “คนดัง” จำนวนหนึ่งที่เคยออกมาแสดงภูมิรู้วิจารณ์สถานการณ์ทางการเมือง
และวิพากษ์วบุคคลสาธารณะที่เป็นนักการเมืองในระบบรัฐสภา ตลอดจนบรรดารัฐมนตรีในรัฐบาลทุกชุดที่ผ่านมา
ก่อนที่ปี ๒๕๕๒ จะผ่านไปอย่างเงียบกริบไร้ร่องรอย จึงอยากจะประกาศหา “คนดัง” เหล่านั้นว่ายังมีความสุขดีอยู่หรือไม่ เป็นตายร้ายดีอย่างไร ...
กลุ่มแรก
คนดังคนแรกที่อยากถามหาคือ “นักวิชาการเสื้อกั๊ก” ผู้เคยเป็นไอดอลของนิสิตนักศึกษายุคตุลา ๑๖ ผู้เคยออกมาเรียกร้องรัฐธรรมนูญ ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยจนถูกปราบปรามและหนีเข้าป่าเพื่อแสวงหาแนวทางการต่อสู้นอกรูปแบบ จนวันหนึ่งได้กลับออกมาสู่สังคมและผันตัวเองเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย เป็นนักวิชาการนามกระเดื่อง
โดยปกติในทุก ๆ ปี “นักวิชาการเสื้อกั๊ก” ผู้นี้มักจะออกมาเปิดตัวในมาดผู้รู้โดยเฉลี่ย ๒ ครั้ง แสดงวาทกรรมสร้างคำศัพท์หวือหวาโฉบเฉี่ยว เป็นที่ฮือฮาจนหนังสือพิมพ์นำไปพาดหัวข่าวราวกั้บว่าเป็นปรมาจารย์ทางการเมืองก็มิปาน
หลายปีที่ผ่านมาไม่มีปีไหนที่ “นักวิชาการเสื้อกั๊ก” ผู้นี้ไม่ปรากฎกายต่อสาธารณะ
ตามวาระทางการเมือง ทว่าปี ๒๕๕๒ ทั้งปีไม่ทราบว่านักวิชาการคนดังผู้นี้หายตัวไปไหน เป็นตายร้ายดีอย่างไร ถ้าเสื้อกั๊กหายก็ขอให้แจ้งด้วยจะได้ลงขันหาซื้อให้ใหม่ ขอเพียงให้ออกมาแสดงโวหารตามวัตรปฏิบัติ จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยจะชื่อชม “รัฐบาลหุ่นเชิด” จะเชิดชูบูชา “อำมาตยาธิปไตย” ก็ว่ากันไปตามเจตนคติ หรือคิดว่า “ตุลาการภิวัฒน์” บรรลุผลสัมฤทธิ์แล้วก็ช่วยออกมาแถลงไข
นอกจากนักวิชาการเสื้อกั๊กแล้ว ยังมี “กลุ่มนักวิชาการ” ที่มีจุดยืนและทัศนคติไปในทิศทางเดียวกันก็หายตัวไปเป็นจำนวนมาก รวมทั้งนักวิชาการที่มีตำแหน่งใหญ่โตระดับอธิการบดีสถาบันอุดมศึกษาที่มีชื่อเสียง
และ “นักกฎหมายฝีปากกล้า” ก็หายไปด้วย ขอร้องเถอะครับช่วยกันออกมาส่งเสียงเชียร์กันหน่อย เวทีการเมืองสาธารณะเหลาหงอยไปมากเมื่อขาด “ปาก” พวกท่าน
กลุ่มคนที่สอง
ที่หายไปจากวงการก็คือบรรดา “มือปราบทุจริต” กลับหายหัวไปหมด ทั้ง ๆ ที่มีพฤติกรรมไม่ชอบมาพากล “โกงแผ่นดิน” ผุดขึ้นราวดอกเห็ดทั่วทุกหัวระแหง
พบเห็นได้ทั่วไปในแทบทุกวงการ เงินทองที่กู้กันมาหลายแสนล้านบาทแล้วนำมาถลุง
เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กลุ่มก้อนที่อยู่ในหรือใกล้ “ศูนย์กลางอำนาจ”
ไม่เป็นที่สนใจของ “มือปราบทุจริต” กันเลยหรือ
การเพิกเฉยละเลยต่อหน้าที่โดยแสร้งทำเป็นอุบเงียบ อาจสันนิษฐานได้ว่า
“เหล่ามือปราบทุจริต” ในอดีตได้เข้าร่วมขบวนการเขมือบกับพวกกระสือทางการเมืองไปเรียบร้อยแล้ว
กลุ่มคนที่สาม
ที่มีจำนวนไม่มากนักแต่เป็นกลุ่มคนที่ได้รับการเคารพนับถือจากสังคมค่อนข้างมาก
เพราะมีวัยวุฒิและคุณวุฒิ โดยที่พวกท่านมักเรียกตัวเองว่า “ราษฎรอาวุโส” ถ้าท่านยังคงมีสติปัญญาสูงส่ง
เช่นเดิม ยังมีสุขภาพแข็งแรงพอที่จะออกมายืนต่อหน้าเวทีสาธารณะได้โปรดหอบสังขารออกมาปฏิบัติการอีกครั้ง
เพื่อแสดงตัวตนที่แท้จริงของท่านว่ามีจุดยืนหรือจุดวางเท้าเคียงข้างประชาชนหรือเอนเอียงเข้าข้าง “อำนาจนอกระบบ” แบบกู่ไม่กลับเรียบร้อยแล้ว
กลุ่มคนที่สี่
คือบรรดาผู้นำองค์กรภาคเอกชน ซึ่งแตกต่างจากสามกลุ่มข้างต้น ไม่ว่าจะเป็นสมาคมฯ
หรือสภาทาสใด ๆ ไม่ได้หายหน้าหายตาไปไหน ยังคงเส้นคงวาในการสนับสนุน “รัฐบาลหุ่นเชิด”
และ “ระบอบเผด็จการอำมาตยาธิปไตย” แม้ในวันนี้วันที่ระบบเศรษฐกิจของประเทศกำลังจะพังพินาศไปต่อหน้าต่อตา บรรดา “เถ้าแก่เล็กเถ้าแก่ใหญ่” ก็ยังยืนยันที่จะเป็นทาสผู้ซื่อสัตย์อยู่ต่อไป
และพร้อมรับใช้ “อำนาจนอกระบบ” จนชีวิตจะหาไม่ ...
กลุ่มคนที่ห้า
คือ “ภาคประชาชน” ที่เรียกตัวเองว่า NGO ก็ใช่ย่อย
ทราบว่าบัดนี้ได้กลายพันธุ์ไปเป็นสมุนบริวารของ “เผด็จการอำมาตยาธิปไตย” ไปเรียบร้อย
โรงเรียน “โง่” และเฝ้าคอยอ้าปากรับเศษอาหารจากเจ้านาย เพื่อเสวยสุขตามอัตภาพไปวัน ๆ
กลุ่มคนที่หก
มิพักจะพูดถึงกลุ่มคนที่หกที่เป็นสื่อมวลชนกระแสหลัก (ลอย)
ที่ไม่เคยเปลี่ยนจุดยืนในการสวามิภักดิ์ต่อ “อำนาจเงินตรา” และ “อำนาจนอกระบบ”
ตลอดปี ๒๕๕๒ ที่ผ่านมา “สามกลุ่มล่าง” เขาได้ทำหน้าที่ค่อนข้างสมบูรณ์แบบ
ไม่เหนียมอาย ยังขาดหายเฉพาะ “สามกลุ่มบน” กรุณาเปิดเผยตัวเองด้วย การออกมาจากหลังม่านได้แล้ว
เพราะถึงอย่างไรสาธารณชนเขาก็รู้กันหมดแล้วว่าพวกท่านแอบอยู่ข้างหลัง
http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P8684214/P8684214.html