ที่มา ข่าวสด
คอลัมน์ เหล็กใน
และต่อมานายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ ออกมายอมรับว่าเอกสารหนังสือลับดังกล่าว
เป็นเอกสารของกระทรวงการต่างประเทศจริง
ดังนั้น จึงเป็นเรื่องสมควรแล้วถ้าหากกระทรวงการต่างประเทศจะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนว่าเอกสารหนังสือลับมากดังกล่าว
รั่วไหลไปอยู่ในมือฝ่ายตรงข้ามได้อย่างไร
เป็นฝีมือของข้าราชการที่ไม่พอใจพฤติกรรมของนายกษิต ที่วันๆ เอาแต่หมกมุ่นอยู่แต่กับการไล่ล่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ
จนทำให้บทบาทของกระทรวงการต่างประเทศออกนอกลู่นอกทางผิดเพี้ยนไปจากสิ่งที่เคยเป็นมา
อย่างที่นายนพดล ปัทมะ อดีตรมว.การต่างประเทศกล่าวอ้าง
หรือเป็นฝีมือคนในเครือข่ายกลุ่มอำนาจเก่าซึ่งยังหลงเหลืออยู่ตามหน่วยงานองค์กรต่างๆ
ที่ฉวยโอกาสระหว่างที่ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาอยู่ในช่วงเปราะบาง
จัดการ"วางยา"รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
โดยพุ่งเป้าไปที่รมว.การต่างประเทศซึ่งเป็น"จุดอ่อน"หนึ่งในจำนวนหลายๆ จุดของรัฐบาล
อย่าลืมว่าฝ่ายค้านพรรคเพื่อไทยจองกฐินล่วงหน้าไว้แล้วว่าเปิดสมัยประชุมสภาหน้าปลายเดือนม.ค.
จะดำเนินการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลทันที
และเข้าใจว่านายกษิต น่าจะมีชื่ออยู่ในอันดับต้นๆ ในบัญชีเชือดของฝ่ายค้าน
หากรัฐบาลยังสืบหาตัวการไส้ศึกไม่ได้ก็น่าเป็นห่วง
เพราะไม่รู้กว่าจะถึงวันซักฟอกจะมีข้อมูลลับอย่างอื่นหลุดรั่วไปถึงมือฝ่ายค้านและแกนนำเสื้อแดงอีกหรือไม่
การที่รัฐบาลอ้างว่าเรื่องเอกสารลับที่นายจตุพรนำมาเปิด ก็เหมือนคลิปลับเสียงนายกฯ ที่พิสูจน์ได้ในภายหลังว่าเป็นการบิดเบือนด้วยวิธีการตัดต่อนั้น
น่าจะเป็นการดิสเครดิตกันมากกว่า
เพราะนายกษิต ยอมรับว่าเอกสารเป็นของจริง และยังบอกด้วยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องเลวร้ายที่เอาเรื่องระหว่างประเทศมาเป็นเกมการเมืองภายใน
แต่อีกมุมหนึ่งรัฐบาลและนายกษิตเองก็ต้องไม่ลืมด้วยว่า
การเล่นเกมการเมืองภายในจนส่งผลสะเทือนต่อความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านนั้น
ก็เป็นสิ่งที่เลวร้ายพอกัน