ที่มา บางกอกทูเดย์
เนื้อหาข้อนี้แหละที่ทำให้เกิดการตีความไปทั่วว่า จะเล่นกันแรงถึงขั้นหมายชีวิตกันเลยหรือ เพราะในข้อ 1 วิเคราะห์เอาไว้ก่อนแล้วว่า พ.ต.ท.ทักษิณ คือ “ภัยหลัก” และในข้อ 3 จุดหมายปลายทาง เสนอว่า “ขจัดภัยคุกคามหลัก”คนก็เลยนำมาแทนค่าสมการ แล้วถอดออกมาเป็นว่า “ขจัด พ.ต.ท.ทักษิณ” ก็ด้วยเหตุนี้แหละลอจิกง่ายๆ ตรงๆ แต่นายอภิสิทธิ์ นายกษิต เปลืองตัวทันที เพราะคนส่วนใหญ่เชื่อว่าสมการไม่ว่าถอดอย่างไรก็หนีไม่พ้นให้เข้าใจได้เช่นนี้สถานเดียว!!!
อึ้งไปทั้งรัฐบาล ในทันทีที่เอกสารตราครุฑ ประทับคำสั่ง ลับมากและด่วนที่สุด ถูกเผยแพร่ออกมา ว่าเป็นหนังสือ ที่กต 1303/2555 กระทรวงการต่างประเทศ ถนนศรีอยุธยา กทม.10400 ลงวันที่ 16 พฤศจิกายน 2552 ลงลายมือชื่อนายกษิต ภิมรมย์ รมว.ต่างประเทศ และส่งถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
ไม่อึ้งได้อย่างไรในเมื่อเนื้อหาของหนังสือราชการฉบับดังกล่าวนั้น ชัดเจนในเนื้อหา ว่านายกษิตมีมุมมองอย่างไรในเรื่องประเทศกัมพูชา สมเด็จฯ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีของกัมพูชาและที่สำคัญ คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี การที่สามารถชี้ชัดว่าเนื้อหาของเอกสารสะท้อนได้ว่าเป็นความคิดของนายกษิต ก็เพราะทันทีที่เอกสารถูกเผยแพร่ อาการพล่านของบรรดาบิ๊กๆ กระทรวงต่างประเทศ ก็คือ “เอกสารหลุดออกมาได้อย่างไร?”พร้อมกับจ้องจะเอาผิด
กับนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย ว่าเอาเอกสารลับของทางราชการมาเผยแพร่นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาพูดชัดเจนว่า“เรื่องเอกสารลับมีขั้นตอนดำเนินการอยู่แล้ว หากใครนำเอกสารลับไปเผยแพร่ก็ต้องมีความผิด” นายปณิธาน กล่าวด้วยว่า การหาหลักฐานที่เกิดขึ้นในกรณีลักษณะเช่นนี้ ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องพยายามเต็มที่ เพื่อตรวจสอบว่า
เอกสารเหล่านี้หลุดออกไปได้อย่างไร และเอกสารดังกล่าวส่งตรงถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงเพียงไม่กี่คนเท่านั้น หากสามารถระบุตัวบุคคลได้ น่าจะเป็นผลดีต่อการทำงานของรัฐบาลฉะนั้นนี่คือการยอมรับว่าเป็นเอกสารจริง แต่ก็เป็นการขู่ไปในตัวด้วยแต่บังเอิญนายจตุพร ไม่ใช่หมูกลัวน้ำร้อน ก็เลยสวนกลับว่าให้ฟ้องเลย จะได้แฉเพิ่มขึ้นอีก... กลายเป็นบิ๊กกระทรวงต่างประเทศเองที่เบรกกึกหัวทิ่มหัวตำ เพราะไม่รู้ว่าในมือของนายจตุพรมีเอกสารอะไรอีกหากมีคนในกระทรวงต่าง
ประเทศป้อนข้อมูล ป้อนเอกสารลับให้แบบนี้ แสดงว่ามีคนในกระทรวงการต่างประเทศที่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางของนายกษิต!หรืออาจจะเป็นคนที่ไม่พอใจจากการโยกย้ายในกระทรวงการต่างประเทศ ที่กระฉ่อนว่าเป็นยุคที่มีการเล่นพรรคเล่นพวกหนักหนาสาหัสที่สุดยุคหนึ่งในกระทรวงบัวแก้วแต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ขืนรบก็อาจจะยิ่งเจ็บหนักขึ้นไปอีกเกิดหากมีเอกสารหลุดออกมาอีกจะยิ่งยุ่ง เพราะขณะนี้ประชาชนทั้งประเทศเชื่อ 100% แล้วว่าเป็นเอกสารจริงที่พยายาม
ตะแบงกัน ก็เลยตะแบงไม่ออกสุดท้ายนายกษิต ก็ต้องยอมรับเองว่าเอกสารลับที่นายจตุพร นำออกมาเปิดเผยนั้น เป็นเอกสารของกระทรวงการต่างประเทศจริงแต่รัฐบาลไม่ได้มีเป้าหมายพยายามทำร้าย พ.ต.ท.ทักษิณ ตามที่นายจตุพรนำมาขยายผลฉะนั้นในเมื่อยอมรับแล้วว่า เป็นเอกสารของจริงแท้แน่นอน ประเด็นที่สังคมต้องการคำอธิบาย และเป็นโจทย์ใหญ่หนักหนาสาหัสที่นายกษิตจะต้องตอบให้ชัดก็คือเนื้อหาของเอกสารดังกล่าวนั่นเองเพราะประโยคเริ่มต้น ก็คือ...
กระทรวงการต่างประเทศขอกราบเรียน เสนอแนวทางการดำเนินการกับปัญหาความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา ดังความละเอียดปรากฏตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 1 ซึ่งมีสาระสำคัญ ดังนี้1.วิเคราะห์ท่าทีของฝ่ายกัมพูชา1.1 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็น “ภัยหลัก” มุ่งคุกคามความอยู่รอดของรัฐบาล...1.2 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลกับรัฐบาล ฝ่ายไทยไม่ควรหลงประเด็นตามที่ฝ่ายกัมพูชาต้องการให้เกิดความเข้าใจผิดว่า เป็นความขัดแย้งระหว่างบุคคล คือ
ระหว่างนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กับนายกรัฐมนตรีกัมพูชา1.3 สถานการณ์ปัญหาระหว่างไทยกับกัมพูชาจะยืดเยื้อหรือไม่ มิได้ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรีกัมพูชา แต่ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขภายในประเทศไทยเอง ...จะเห็นชัดว่า เนื้อหาในเอกสารตามข้อ 1 นั้นมองว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นภัยหลักอย่างชัดเจน และรู้ดีอยู่แก่ใจว่า ปัญหาจะยืดเยื้อหรือไม่ก็อยู่ที่ภายในประเทศไทยเองสำหรับเนื้อหาต่อมาคือ2.แนวทางการดำเนินการ ที่ระบุว่า...เพื่อป้องกันไม่
ให้สถานการณ์เป็นไปตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณและนายกรัฐมนตรีกัมพูชาคาดหวัง กระทรวงการต่างประเทศขอกราบเรียนเสนอมาตรการ ดังนี้จะเห็นว่า นี่คือการเสนอมาตรการ หรือการชงเรื่องเสนอขึ้นมาให้นายอภิสิทธิ์ดีๆ นี่เองซ้ำในแนวทางการดำเนินงาน หัวข้อย่อยที่ 2.4 ระบุว่า ... ที่สำคัญควรเร่งแปรความรู้สึก “สะใจ” หรือสนับสนุนรัฐบาลเป็น “ความเข้าใจ” โดยอาศัยการประชาสัมพันธ์ และบริหารจัดการเวลาให้เป็นประโยชน์ต่อรัฐบาลไทยที่สุด โดยการเร่งการ
พิจารณาคดีต่างๆ ของ พ.ต.ท.ทักษิณที่ยังคั่งค้างอยู่คำถามที่สังคมสงสัยและมึนงงก็คือ กระทรวงการต่างประเทศ หรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ มีหน้าที่อะไรมาเสนอแนวทางการทำงานในเรื่องการเร่งรัดการพิจารณาคดีและในข้อ 3.จุดหมายปลายทาง หรือที่ใช้ภาษาอังกฤษว่า End Game นั้น ตรงนี้แหละ ที่ก่อให้เกิดข้อสงสัยอย่างรุนแรงเกิดขึ้นในสังคม รวมทั้งทำให้นายกษิต นายอภิสิทธิ์ และรัฐบาล ถูกสงสัยว่า มุ่งทำกันถึงขนาดนี้เชียวหรือ ก็เพราะ
เนื้อหาข้อนี้แหละ ที่ระบุว่า...อย่างไรก็ดี เนื่องจากต้นเหตุของปัญหามาจากการที่ พ.ต.ท.ทักษิณมุ่งทำลายความอยู่รอดของรัฐบาล การจัดการกับปัญหานี้จึงจำเป็นต้องมุ่งไปที่ต้นตอของปัญหาด้วยการ (1) ขจัดภัยคุกคามหลัก และ (2) แยกหรือทอนความร่วมมือระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชา เนื้อหาข้อนี้แหละที่ทำให้เกิดการตีความไปทั่วว่า จะเล่นกันแรงถึงขั้นหมายชีวิตกันเลยหรือ??? เพราะในข้อ 1 วิเคราะห์เอาไว้ก่อนแล้วว่า พ.ต.ท.ทักษิณ คือ “ภัย
หลัก” และในข้อ 3 จุดหมายปลายทาง เสนอว่า “ขจัดภัยคุกคามหลัก”คนก็เลยนำมาแทนค่าสมการ แล้วถอดออกมาเป็นว่า “ขจัด พ.ต.ท.ทักษิณ” ก็ด้วยเหตุนี้แหละลอจิกง่ายๆ ตรงๆ แต่นายอภิสิทธิ์ นายกษิต เปลืองตัวทันที เพราะคนส่วนใหญ่เชื่อว่าสมการไม่ว่าถอดอย่างไรก็หนีไม่พ้นให้เข้าใจได้เช่นนี้สถานเดียว!!!เจอแบบนี้นายอภิสิทธิ์ ไม่เหนื่อยก็ไม่รู้จะพูดว่าอย่างไรแล้วแม้จะมีการออกตัวว่า เป็นการทำบทความวิเคราะห์สถานการณ์ หรือสรุปสถานการณ์เท่านั้นแต่บอก
ได้เลยว่า ต่อให้แถกันจนหลังถลอกปอกเปิก ก็ยากจะทำให้คนเชื่อว่าเป็นบทความหรือบทวิเคราะห์ได้ เพราะในข้อ 4 ที่ใช้คำว่า ข้อเสนอแนะ นั้น ระบุโต้งๆว่า...หากเห็นชอบตามแนวทางดังกล่าวข้างต้น กระทรวงการต่างประเทศขอกราบเรียนเสนอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาสั่งการให้ส่วนราชการดำเนินการ ดังนี้…จึงขอกราบเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาข้อ 4ลงท้ายขอแสดงความนับถืออย่างยิ่ง นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศชัดเจนว่า นี่คือ เสนอ
มาให้พิจารณาดำเนินการ ไม่ใช่การสรุปสถานการณ์มาแจ้งให้ทราบ อย่างที่บางฝ่ายพยายามอ้างกันอยู่ฉะนั้นเห็นเนื้อหาเอกสารแบบนี้แล้ว ได้แต่เห็นใจรัฐบาล และเหนื่อยแทนนายอภิสิทธิ์ที่ “งานเข้า” แบบเต็มๆ โดยไม่ทันตั้งตัวขณะเดียวกันก็งุนงงกับวุฒิภาวะของนายกษิตเป็นอย่างยิ่ง เขียนเองหรือเปล่าไม่รู้ เพราะอาจจะอ้างได้ว่าคณะทำงานเขียนชงขึ้นมา แต่ที่รู้แน่ๆ ก็คือ เซ็นชื่อลงไปได้อย่างไร???งานนี้เลยไม่รู้ว่า สุดท้ายเอกสารฉบับนี้จะฆ่าใครกันแน่!!!